มีรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ว่า เวลา 10.00 น. วันนี้ (10 มี.ค.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เชิญกลุ่มตัวแทนผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภครายใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์นมผง กลุ่มสบู่ น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก และอื่นๆ ที่ให้สัญญากับกระทรวงพาณิชย์ว่าจะตรึงราคาสินค้าไประยะหนึ่งมาหารือ หลังจากที่ได้มีการประชุมร่วมกันแบบรายต่อรายในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการยอมที่จะช่วยเหลือผู้บริโภคปรับลดราคาสินค้าเหล่านี้ลงมาแทนการตรึงสินค้าไว้ ราคาเฉลี่ยที่จะปรับลดลงตั้งแต่ 5-20 บาทต่อรายการ ประกาศปรับลดราคาร่วมกัน โดยมีระยะเวลาการปรับลดราคาเหมือนกับลดราคาเนื้อสุกรให้เหลือ 98 บาทต่อกิโลกรัม

          รายงานระบุต่อว่า การปรับลดราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในครั้งนี้ ผู้ผลิตสินค้าส่วนใหญ่ต้องแบกรับภาระต้นทุนสูงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ได้รับปากที่จะช่วยเหลือผู้ผลิตสินค้าด้วยการเร่งหาตลาดเพิ่มขึ้นไปยังตลาดประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กัมพูชา สหภาพพม่า เพราะประเทศเหล่านี้ยังมีความต้องการสินค้าอุปโภคและบริโภคของไทยแต่ละปีค่อนข้างสูงมาก ประกอบกับสินค้าหลายรายการของไทยยังเป็นที่ต้องการในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก

          เชื่อว่าการเพิ่มกำลังการผลิตสินค้ามาก นอกจากจะลดด้านต้นทุนการผลิตแล้ว ยังจะเป็นทำให้สินค้ามีจำนวนเพียงพอต่อความต้องการและกระจายสินค้าทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการประชุมหารือเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือผู้ผลิตสินค้าด้านอื่นๆ เพิ่มเติม

          รายงานระบุด้วยว่า สำหรับมาตรการลดราคาเนื้อสุกรเหลือกิโลกรัมละ 98 บาท หลังจากห้างสรรพสินค้า 4 รายใหญ่ ที่มีสาขามากกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ สมาคมชำแหละสุกรและตลาดสดบางแห่ง สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงสถานที่หน่วยงานภาครัฐได้ร่วมมือกันปรับลดราคาสุกรหน้าเขียงลงมาจาก 120 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 98 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วงแรกจะยังไม่เห็นผล และยังไม่กระจายไปทั่วประเทศ แต่สามารถลดค่าครองชีพให้กับผู้บริโภคได้ส่วนหนึ่ง 

          โดยได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีหลายตลาดทั้งในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และต่างจังหวัด ได้ทำเรื่องขอเข้าร่วมโครงการ และก็มีบางตลาดสดแม้ว่าไม่ได้เข้าร่วมโครงการ แต่ยอมปรับลดราคาเนื้อสุกรลงมาแล้ว เช่น ตลาดสดยิ่งเจริญ จากเดิมอยู่ที่ 115-120 บาทต่อกิโลกรัม ขณะนี้เหลือ 100-115 บาทต่อกิโลกรัม ตลาดพงษ์เพชร เหลือ 110 บาทต่อกิโลกรัม ตลาดสดบางแคเหลือ 105 บาทต่อกิโลกรัม และอีกหลายตลาดที่มีการปรับลดราคาลงมา

           ขณะเดียวกันภาครัฐกำลังศึกษาข้อดีข้อเสียที่จะพิจารณาใช้มาตรการปรับลดภาษีนำเข้าอาหารสัตว์ลง โดยพิจารณาในทุกด้านว่ามีความเหมาะสมเพียงใด หากต้นทุนวัตถุดิบกลุ่มอาหารสัตว์ แม้จะมีราคาแพงขึ้นแต่ไม่ได้ทำให้เกิดความผันผวนจนไม่สามารถประเมินต้นทุนที่แท้จริงได้ ก็ไม่อยากให้กลุ่มผู้นำเข้าอาหารสัตว์และผู้เลี้ยงสุกรนำมาเป็นข้ออ้างปรับราคาสุกรมีชีวิตที่หน้าฟาร์มแบบไม่มีเหตุผลมากจนเกินไป



ข้อมูลและภาพประกอบจาก