กรมการขนส่งฯสังคายนาการสอบใบขับขี่รถยนต์ จับมือแพทยสภา ออกกฎคุมโรคต้องห้าม ทั้ง"ลมชัก-ตาบอดสี-กล้ามเนื้อลีบ" หลังเกิดกรณี "หมูแฮม" ซิ่งชนรถเมล์ กำหนดเกณฑ์ออกใบรับรองแพทย์ถี่ยิบ ชี้แนวโน้มคุมถึงผู้ขับขี่วัยทอง ที่อาจมีปัญหาการควบคุมอารมณ์ คาด 6 เดือนเสร็จก่อนทำประชาพิจารณ์
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะโฆษกกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ว่า กรมการขนส่งทางบกมีแผนจะปรับเปลี่ยนระบบการทดสอบเพื่อออกใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ และรถยนต์ เนื่องจากระบบการทดสอบเดิม ได้แก่ การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย การสอบข้อเขียน และการสอบปฏิบัติ ไม่ทันสมัย และมีปัญหาในการประเมินผล โดยจะปรับปรุงแบบทดสอบข้อเขียนให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับเหตุการณ์ปัจจุบันมากขึ้น
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ในอนาคตการสอบปฏิบัติจะต้องใช้รถยนต์ที่ทางราชการจัดไว้ให้เท่านั้น โดยกรมการขนส่งฯ จะติดตั้งระบบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ หรือ (E-Driving) ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์แนะนำและติดตามการขับขี่ เช่น ขับรถทางตรง เลี้ยว จอดเทียบชิดขอบถนน หรือถอยหลังเข้าช่องจอด เป็นต้น หลังจากขับขี่แล้วระบบจะประเมินผลทันที ทั้งนี้ การประมวลผลคะแนนด้วยระบบคอมพิวเตอร์จะช่วยลดปัญหาข้อพิพาทระหว่างผู้ทดสอบและผู้ให้คะแนน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลและประเมินราคาจัดซื้อจัดจ้าง
"ส่วนการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ซึ่งเดิมผู้ทดสอบจะต้องแนบใบรับรองจากแพทย์มาประกอบการยื่นเอกสารขอทดสอบนั้น ปัญหาที่พบเป็นประจำคือ ใบรับรองแพทย์จะระบุเพียงว่า ร่างกายปกติไม่เป็นอุปสรรคในการขับขี่รถ แต่เมื่อเข้าทดสอบร่างกายเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งฯ กลับมีปัญหาโดยเฉพาะโรคทางตา เช่น ตาบอดสี ตามองเห็นแต่มุมกว้าง หรือเห็นภาพไม่ชัด (เบลอ) นอกจากนี้ยังพบว่า มีกลุ่มโรคที่อาจเป็นปัญหาต่อการขับขี่รถ เช่น โรคเบาหวาน โรคลมชัก หรือบ้าหมู มือเท้ากระตุก อย่างเช่นกรณีของหมูแฮม หรือนายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ ที่เป็นโรคลมชักขับรถชนรถเมล์ ถือเป็นกรณีศึกษาและเป็นจุดเริ่มต้นที่กรมการขนส่งฯ ได้ประสานไปยังแพทยสภาให้ร่างกฎระเบียบเกี่ยวกับโรคต้องห้ามและเป็นอุปสรรคในการขับรถใหม่ เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน" นายชัยรัตน์ กล่าว
ด้าน น.อ.(พิเศษ)นพ.อิทธิพร คณะเจริญ กรรมการแพทยสภา ในฐานะเลขาอนุกรรมการคณะทำงานยกร่างแก้ไขข้อบังคับใบรับรองมาตรฐานสุขภาพ กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกได้ขอความร่วมมือแพทยสภายกร่างแก้ไขข้อบังคับใบรับรองมาตรฐานสุขภาพ (ใบรับรองแพทย์) เพื่อใช้ประกอบการทดสอบเพื่อออกใบอนุญาตขับขี่รถ โดยใช้มาตรฐานประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเป็นต้นแบบ และปรับปรุงให้เหมาะสมกับประเทศไทย นอกจากนี้ยังส่งร่างข้อบังคับดังกล่าวไปยังราชวิทยาลัยแพทย์ 13 แห่งทั่วประเทศ และโรงเรียนแพทย์ 1 แห่ง พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดเพื่อความถูกต้องเหมาะสม หากร่างข้อบังคับดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ จะทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นประชาชนด้วย
น.อ.(พิเศษ)นพ.อิทธิพร กล่าวถึงสาระสำคัญของร่างแก้ไขข้อบังคับใบรับรองมาตรฐานสุขภาพว่า แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนที่ผู้ขอทดสอบเพื่อขอใบอนุญาตขับรถจะต้องร่วมให้ประวัติทางการแพทย์ เช่น เคยผ่าตัดหัวใจ เป็นโรคเกี่ยวกับสมอง โรคลมชัก มีประวัติเคยใช้ยาเสพติด เป็นโรคเกี่ยวกับตา จอประสาทตา การได้ยิน ฯลฯ
2.เป็นหน้าที่ของแพทย์ที่ตรวจให้ความเห็นว่าเป็นโรคต่างๆ และมีสุขภาพเหมาะสมในการขับขี่รถหรือไม่
"ปัจจุบันกฎหมายกำหนดโรคต้องห้ามในการขับขี่รถยนต์เพียง 5 โรค คือ ไม่เป็นโรคติดต่อเป็นที่รังเกียจ ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต ไม่ติดสุรา ยาเสพติด หรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งแพทย์จะตรวจร่างกายเพียงแค่นี้และออกใบรับรองแพทย์ให้ ซึ่งถือว่าไม่เพียงพอและไม่เกี่ยวข้องกับการขับรถ หรือป้องกันภัยในการขับรถ ดังนั้น ในข้อบังคับฉบับใหม่จะกำหนดโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการขับรถจริงๆ" กรรมการแพทย์สภา กล่าว
สำหรับโรคต้องห้ามที่จะกำหนดใหม่ แบ่งเป็นโรคระบบประสาท เช่น โรคลมชัก โรคกล้ามเนื้อลีบ อ่อนแรง ทั้งมือ เท้า ความพิการ โรคระบบการมองเห็น เช่น โรคตาบอดสี มองเห็นด้วยตาเพียงข้างเดียว โรคระบบการได้ยิน และโรคเรื้อรังและอื่นๆ โดยแพทยสภาจะมีแบบฟอร์มใบรับรองแพทย์ให้ซึ่งต่อไปแพทย์เพียงแต่ตรวจว่า ผู้รับบริการมีอาการตามที่ระบุหรือไม่เท่านั้น นอกจากนี้ จะมีการหารือไปถึงการควบคุมกรณีผู้ขับขี่รถวัยทอง ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่ยังขับขี่รถ แต่อาจมีปัญหาการควบคุมอารมณ์ ประสิทธิภาพการได้ยินลดลง คิดช้า
น.อ.(พิเศษ)นพ.อิทธิพรกล่าวว่า กรณีผู้ที่เป็นโรคลมชัก ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หรือผู้เป็นโรคที่ต้องกินยามีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึม อาจจะได้รับใบอนุญาตขับขี่รถในระยะสั้นๆ ขณะที่ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตขับขี่รถตลอดชีพ จะต้องมีการตรวจรับรองโรคหรือไม่ยังต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง ส่วนโรคที่เป็นอุปสรรคแต่ยังสามารถขับขี่ได้ในกรณีพิเศษ เช่น มีแขนข้างเดียว จะอนุญาตให้ขับรถที่ออกแบบมาเพื่อผู้พิการโดยเฉพาะ เพราะกฎหมายไม่ได้ปิดกั้นผู้พิการ เช่นเดียวกันกับโรคอื่นๆ ที่ได้รับการรับรองจากแพทย์ประจำตัว ว่ามีการตรวจเช็คร่างกายเป็นประจำ สามารถขับขี่พาหนะได้
"ร่างแก้ไขข้อบังคับฉบับนี้ ทำขึ้นเพื่อคุ้มครองผู้ใช้รถใช้ถนนให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และไม่ได้ออกโดยแพทยสภาผู้เดียว ในการทำงานมีอัยการและนักกฎหมาย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และภาคสังคมหลายฝ่ายช่วยกันร่างข้อบังคับด้วยความรอบคอบ โดยมีการทำคู่มือเกี่ยวกับโรคที่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัยในการขับขี่เป็นเกณฑ์มาตรฐานแจกให้กับแพทย์ทั่วประเทศ คาดว่าร่างแก้ไขข้อบังคับฉบับนี้จะแล้วเสร็จภายใน 6 เดือน จากนั้นจะต้องปรับแก้ไขระเบียบกรมขนส่งทางบกให้สอดคล้องกัน" น.อ.(พิเศษ)นพ.อิทธิพร กล่าวและว่า การร่วมร่างข้อบังคับนี้ ได้พิจารณาไปถึงการควบคุมใบรับรองแพทย์ปลอม โดยจะมีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลแพทย์กับกรมการขนส่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- พ่อหมูแฮม ลั่น! ไม่ให้ลูกขับรถอีกตลอดชีวิต
- หมูแฮม ก่อเหตุอีกแล้ว ซิ่งเก๋งชนรถเมล์ สาย 545
- หมูแฮม กัณฑ์พิทักษ์ ชนคนตาย ตำรวจส่งฟ้อง 3 ข้อหา
- ขสมก. โวย! ช่อง3 เหตุ "สรยุทธ" ปล่อยพ่อหมูแฮมพูดหมิ่น
- ขสมก.ฉุน!!! ขู่ฟ้องพ่อหมูแฮม หยามองค์กร
- "หมูแฮม" ได้รับการประกันตัวแล้ว ด้วยที่ดินราคา 6 ล้าน
- ไม่รับ "หมูแฮม" ขอขมา แม่ช็อกคางานเผาศพ
- หมายจับ "กัณฑ์พิทักษ์" เจตนาฆ่า! เผยส่งจดหมายถึงเหยื่อ
- พ่อเบนซ์ลั่น! ฟ้องคนรุมทำร้าย ยันด่ากระเป๋ารถเมล์คนเดียว
- "คนชั้นล่าง ไม่มีการศึกษา..." คำพูดของพ่อกัณฑ์พิทักษ์
- บทสัมภาษณ์อดีตนางสาวไทย ปี 2527 …กับบทบาท แม่ของกัณฑ์พิทักษ์
- ลูกอดีตนางสาวไทยอ่วม ตั้ง 3 ข้อหา พ่อยืนยัน "ป่วยจิต"
- พ่อไฮโซซิ่งเบนซ์ ยอมรับลูกชายโมโหร้าย คุมตนเองไม่ได้
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต