กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
|
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 เม.ย. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) แถลงสถิติผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ จากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2551 ซึ่งเมื่อวันที่ 14 เม.ย. มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 711 ครั้ง น้อยกว่าปีก่อน 78 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 49 ราย น้อยกว่าปีก่อน 18 ราย ผู้บาดเจ็บ 801 ราย น้อยกว่าปีก่อน 85 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดเกิดจากเมาสุรา ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนถนนใน อบต./หมู่บ้าน รองลงมา ได้แก่ ถนนกรมทางหลวง จุดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ทางตรง สำหรับช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ช่วงพลบค่ำ เวลา 16.01-20.00 น. ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 15-19 ปี
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เพชรบูรณ์ 53 ครั้ง จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ มี 1 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เพชรบูรณ์ ระยอง สุพรรณบุรี จังหวัดละ 4 ราย รองลงมา ได้แก่ ขอนแก่น น่าน จังหวัดละ 3 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต รวม 42 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บมากที่สุด ได้แก่ เพชรบูรณ์ 54 ราย รองลงมา ได้แก่ สุพรรณบุรี 32 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บ มี 1 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร ทั้งนี้ ทั่วประเทศมีการจัดตั้งจุดตรวจ 3,037 จุด เรียกตรวจยานพาหนะ 770,547 คัน พบผู้กระทำผิด รวม 51,436 คน ส่วนใหญ่ถูกดำเนินคดีเนื่องจากไม่สวมหมวกนิรภัยมากที่สุด รองลงมาได้แก่ ไม่มีใบขับขี่
นายไชยากล่าวอีกว่า อุบัติเหตุทางถนนสะสม 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-14 เม.ย. มีอุบัติเหตุ เกิดขึ้นรวม 2,949 ครั้ง มากกว่าปีก่อน 128 ครั้ง ผู้เสียชีวิต รวม 229 ราย น้อยกว่าปีก่อน 7 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,315 ราย มากกว่าปีก่อน 133 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 131 ครั้ง รองลงมา ได้แก่ เพชรบูรณ์ 129 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เพชรบูรณ์ 11 ราย รองลงมาได้แก่พิษณุโลก 10 ราย จังหวัดที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต รวม 12 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 136 ราย รองลงมา ได้แก่ เพชรบูรณ์ 134 ราย ทั้งนี้ คาดว่าตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นไป ถนนหลายสายที่มุ่งเข้าสู่กรุงเทพฯจะมีปริมาณรถหนาแน่น ทำให้ต้องใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าปกติ ประกอบกับการเดินทางติดต่อกันหลายวัน อาจทำให้ผู้ขับรถมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ศปถ.จึงได้ประสานให้จุดตรวจตามจังหวัดที่มีเส้นทางสายหลักเข้าสู่กรุงเทพฯ เข้มงวดกวดขันการตรวจจับ และตรวจสอบสภาพความพร้อมของผู้ขับรถ โดยเฉพาะการง่วงและเมาแล้วขับ รวมทั้งขอให้ตำรวจทางหลวงประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดช่องทางเดินรถพิเศษ เพื่อรองรับปริมาณการเดินทางที่เพิ่มขึ้น เข้มงวดตรวจจับผู้ขับขี่ยานพาหนะที่กระทำผิดกฎหมาย ทั้งรถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสารจำนวนมาก รถโดยสารไม่ประจำทาง ซึ่งผู้ขับขี่ไม่มีความชำนาญเส้นทาง และต้องขับรถในระยะไกลเป็นเวลานานอาจทำให้ง่วงนอนและอ่อนเพลีย เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
รมว.สาธารณสุขกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา แม้น้อยกว่าช่วง 2-3 วันแรก แต่เป็นห่วงในช่วงขากลับเข้าสู่ กทม. ซึ่งตัวเลขอุบัติเหตุจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าของช่วงวันแรกๆ และช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นช่วงของการกลับภูมิลำเนา มีการสังสรรค์และดื่มสุรา เมื่อดื่มแล้วพักผ่อนไม่เพียงพอก็มีอาการเมาค้าง และเมื่อต้องเดินทางก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จึงขอฝากตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธร ให้ประสานกับทางจังหวัดในการดูแลสถานการณ์เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนข้อเสนองดจำหน่ายสุราในช่วงเทศกาลของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย นั้นน่าจะได้ผล แต่เกรงว่าจะมีการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กักตุนไว้ล่วงหน้า ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้ควรมีบทลงโทษเพิ่มขึ้นทั้งคนขายและคนเมา
นอกจากนี้ นายไชยายังกล่าวถึงการออกช่วยเหลือประชาชนของหน่วยแพทย์กู้ชีพว่า ตั้งแต่วันที่ 11-14 เม.ย. หน่วยแพทย์กู้ชีพออกปฏิบัติการทั้งหมด 11,571 ครั้ง เฉลี่ยนาทีละ 2 ครั้ง เป็นผู้บาดเจ็บทางจราจร 5,222 ครั้ง เจ็บป่วยกะทันหัน เช่น หมดสติ ความดันโลหิตสูงหัวใจวาย น้ำตาลในเลือดต่ำ 4,639 ครั้ง บาดเจ็บจากการทะเลาะวิวาทกันรวม 846 ครั้ง ฆ่าตัวตาย 73 ครั้ง จมน้ำ 48 ครั้ง โดยการออกปฏิบัติการกู้ชีพมากที่สุดในวันที่ 13 เม.ย. 3,290 ครั้ง เฉลี่ยนาทีละเกือบ 3 ครั้ง ซึ่งในช่วงขากลับจากช่วงหยุดยาวสงกรานต์ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดเตรียมทีมรองรับการช่วยเหลือเต็มที่ ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.เป็นต้นไป โดยมีทีมกู้ชีพทั้งหมด 5,791 ทีม รับมือเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง และประชาชนสามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ที่หมายเลข 1669
ด้าน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ในวันที่ 15-16 เม.ย. ประชาชนที่ไปเที่ยวฉลองในเทศกาลสงกรานต์ จะเริ่มทยอยเดินทางกลับ จะมีความเสี่ยงต่ออาการง่วงหลับใน โดยมีสาเหตุอย่างน้อย 2 สาเหตุ คือ พักผ่อนไม่เพียงพอ และจากอาการเมาค้าง ทำให้สมองตื้อ อ่อนเพลีย หากเป็นคนขับรถจะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุง่ายขึ้น จึงขอเตือนประชาชน ก่อนเดินทางกลับ ขอให้เตรียมตัวล่วงหน้า โดยพักผ่อนให้เต็มที่อย่างน้อย 8 ชั่วโมง และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดก่อนเดินทาง 1 วัน ทั้งนี้ผลของการง่วงนอนต่อการขับขี่รถ จะทำให้ประสาทสัมผัสทุกอย่างช้าลง สมองตื้อ การติดสินใจผิดพลาด ใจลอย สมองสั่งการกล้ามเนื้อช้าลง เมื่อเกิดเหตุการณ์คับขันจึงแตะ เบรกได้ช้ากว่าปกติ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุง่าย หากดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แม้ว่าระดับแอลกอฮอล์ในเลือดต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดคือ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก็ตาม จะมีผลต่อการตัดสินใจช้ากว่าปกติ 2 เท่าตัว สำหรับสัญญาณเตือนของอาการง่วงนอน มี 8 ประการ ได้แก่ 1. หาวบ่อยและหาวต่อเนื่อง 2. ใจลอยไม่มีสมาธิ 3. รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิด กระวนกระวาย 4. จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาเมื่อ 2-3 กิโลเมตรที่ผ่านมา 5. รู้สึกหนักหนังตา ตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น มองเห็นภาพไม่ชัด 6. รู้สึกมึน หนักศีรษะ 7. ขับรถส่ายไปส่ายมาหรือออกนอกเส้นทาง 8. มองข้ามสัญญาณไฟและป้ายจราจร
ในส่วนบรรยากาศการเดินทางกลับกรุงของประชาชน ที่ส่วนใหญ่เดินทางมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 และ 2 ของ จ.นครราชสีมา ตั้งแต่เช้าคึกคักไปด้วยผู้คนที่เข้ามาหาซื่อตั๋วรถโดยสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ได้พยายามจัดระเบียบรถโดยสารและตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และป้องกันการเอารัดเอาเปรียบผู้โดยสาร นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มเที่ยวรถโดยสารสายนครราชสีมา-กรุงเทพฯ เพื่อรองรับประชาชนที่จะเดินทางกลับตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 20 เม.ย. วันละ 500 เที่ยว และเตรียมรถโดยสารสำรองไว้อีกวันละ 50 คัน รวมถึงตั้งเต็นท์เก้าอี้ น้ำดื่ม และหน่วยปฐมพยาบาลบริการประชาชนที่มานั่งรอรถโดยสารไว้ภายใน บขส.2 ด้วย
ส่วนสภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพช่วงจาก อ.พล จ.ขอนแก่น ผ่าน จ.นครราชสีมา ไปถึง จ.สระบุรี ตั้งแต่ช่วงสายมีปริมาณรถหนาแน่นมากขึ้น และต่อมาในช่วงเย็นวันเดียวกัน นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผวจ. สระบุรี ได้ประสานไปยัง พล.ต.ไตรรัตน์ รังคะรัตนะ ผบ.ศูนย์การทหารม้าค่ายอดิศรสระบุรี ช่วยเปิดช่องทางลัดเพื่อระบายรถเข้าทาง รพ.ค่ายอดิศร ถนนมิตรภาพ ผ่านเข้าในเขตทหาร เพื่อทะลุออกถนนพหลโยธินสู่ กทม.
ขณะที่ที่สถานีหมอชิตใหม่ และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ถนนบรมราชชนนี หรือสถานีขนส่งสายใต้แห่งใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดวัน มีประชาชนทยอยเดินทางกลับเข้ากทม.อย่างต่อเนื่อง และยิ่งหนาตามากขึ้นในช่วงค่ำ
|
ข่าวจาก ไทยรัฐ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
