| • ทำแผนทรพี ฆ่าพ่อ-แม่ สาเหตุเงินแค่ 160 บาท |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 19 เม.ย. 51 เวลา 10:17:58 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
คลายปมฆาตกรรมแล้ว คดีสังหารโหดสองผัวเมียนำศพโยนทิ้งในแม่น้ำปิง ตำรวจใช้เวลาชั่วข้ามวันรวบลูกชายในไส้เป็นผู้ต้องหาฆ่าบุพการี ยอมเปิดปากรับสารภาพสิ้น เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ ที่พ่อแม่ไม่ยอมให้เงินไปซื้อสุรามาดี่ม จึงสวมวิญญาณ "ฆาตกร" ฆ่าพ่อเป็นศพแรก ลากร่างไร้วิญญาณไปทิ้งแม่น้ำปิง กลับมาสังหารแม่เป็นศพที่สอง ขณะลากร่างแม่จะนำไปทิ้งน้ำ เกิดได้สติร้องขอความช่วยเหลือ ต้องทุบหัวซ้ำให้ตายสนิทแล้วโยนทิ้งน้ำ หลังรับสารภาพตำรวจพาไปทำแผน ด้วยใบหน้ายิ้มระรื่นไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ส่วนประชาชนที่ตามไปดูการทำแผน สลดใจถึงกับร้องไห้ระงม
จากคดีฆ่าโหดที่เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11 น.วันที่ 15 เม.ย.นี้ โดย พ.ต.ท.จำนงค์ บรรลือ สารวัตรเวร สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งมีผู้พบศพ นายป้อม สิงห์สา อายุ 57 ปี และ นางสมศรี ปัญญา อายุ 49 ปี สองสามีภรรยาบ้านเลขที่ 199/1 หมู่ที่ 8 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ถูกฆ่าตายศพลอยในลำน้ำปิงไปเกยตื้นหลังวัดอินทาราม หมู่ที่ 7 ต.เชียงดาว จึงได้ร่วมกับ พ.ต.อ.วีระยุทธ ประสบโชคชัย ผกก. และ นพ.จักรชัย ติตตะบุตร แพทย์เวร รพ.เชียงดาว ไปชัณสูตรพลิกศพ และตรวจพบว่าทั้งสองถูกฆ่าบริเวณป่าไมยราพยักษ์ริมฝั่งน้ำปิง ห่างจากจุดพบศพไปทางทิศเหนือประมาณ 100 เมตร เพราะมีร่องรอยการต่อสู้ และพบก้อนหินที่ใช้ทำร้ายรวมทั้งสิ่งของผู้ตาย กับ รองเท้าคนร้ายทิ้งไว้ ตามข่าวที่ "ไทยนิวส์" ได้เสนอไปอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาเมื่อตอนเช้าวันที่ 17 เม.ย.นี้ พนักงานสอบสวนได้จัดส่งศพ นายป้อมและนางสมศรีไปให้แพทย์แผนกนิติเวช รพ. มหาราชนครเชียงใหม่ ตรวจพิสูจน์หาเนื้อเยื่อที่ติดเล็บมือคนตาย เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามจับคนร้าย พร้อมกันนั้นได้นำนาย สุรเดช สิงห์สา อายุ 27 ปี ลูกชายคนตายไปให้แพทย์ตรวจร่างกายด้วย เนื่องจากมีบาดแผลที่แขนและลำตัว คล้ายรอยเล็บมือข่วน บ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ต.ตระกูล พิทาคำ สว. สป. กับ พ.ต.ต.อานันท์ เข็มขำ สว.สส.สภ. เชียงดาว พร้อมพวก ได้ไปนำตัวนายสุรเดชจากงานศพนายป้อมและนางสมศรี ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลบ้านญาติ ที่บ้านหมู่ที่ 8 ต.เชียงดาว เพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก ขณะ ไปถึงนายสุรเดชกำลังโกนหัวเสร็จ เตรียมตัวจะบวชหน้าศพซึ่งจะนำไปเผาในเย็นวันเดียวกัน
จากการนำตัวเข้าห้องสอบสวนเป็นเวลานานร่วม 3 ชั่วโมง ตอนแรกนายสุรเดชให้การว่า บาดแผลตามแขนและร่างกายที่เกิดขึ้น เนื่องมาจากตนเป็นคนรับจ้างล่องแพให้บริษัททัวร์ นำฝรั่งนักท่องเที่ยวนั่งแพในลำน้ำปิงจากเชียงดาวมาขึ้นฝั่งที่ อ.แม่แตง ได้ค่าจ้างวันละ 160 บาท แขนและลำตัวถูกไม้ค้ำถ่อแพบาดเป็นแผล เมื่อถูกเค้นสอบหนักเข้า ในที่สุดนายสุรเดชยอมรับสารภาพว่า เป็นคนฆ่าบิดามารดาเอง โดยเล่าว่า ในวันเกิดเหตุได้ขอให้นายป้อมและนางสมศรี ไปขอรับเงินค่าจ้างล่องแพจากนายจ้างที่บ้านหมู่ที่ 7 ซึ่งยังค้างอีก 1 วัน เป็นเงิน 160 บาท จากนั้นนายสุรเดช ก็ออกจากบ้านไปเที่ยวงานสงกรานต์ กระทั่งค่ำเมาสุรากลับมาถึงบ้าน ไม่พบบิดามารดาอยู่บ้าน ได้ออกตามหา ถึงเวลาประมาณ 21 น. พบทั้งสองเดินกลับมาตามถนนเลียบลำน้ำปิง จึงทวงเอาเงินค่าจ้างล่องแพจากนางสมศรีเพื่อจะนำไปซื้อสุราดื่มต่อ
นายป้อมเห็นว่าตนเมามากแล้ว จึงดุด่าไม่ให้นางสมศรีให้เงิน จึงได้เกิดเป็นปากเสียงกันขึ้น นายสุรเดชบันดาลโทสะชกเข้าเบ้าตานายป้อมเต็มแรงจนล้มคว่ำ นายสุรเดชขึ้นคร่อมร่างเอาศีรษะนายป้อมโขลกกับพื้น โดยไม่ฟังเสียงนางสมศรีผู้เป็นแม่ร้องห้าม พร้อมคว้าเอาก้อนหินที่อยู่ใกล้ทุบซ้ำเข้าที่หัวอีกหลายที จนนายป้อมแน่นิ่งสิ้นใจ นาย สุรเดชจึงลากร่างไร้วิญญาณไปทิ้งน้ำปิง กระทั่งเสื้อผ้านายป้อมหลุดออกจากร่างเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว และเก็บเสื้อผ้าของนายป้อมทิ้งลงน้ำปิงด้วย
นายสุรเดชให้การว่า เมื่อฆ่านายป้อมบิดาตายแล้ว ได้กลับมาทวงเอาเงินจากนางสมศรีผู้เป็นมารดาที่ยืนตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางสมศรีไม่ยอมให้เงิน จึงเกิดการกระชากแย่งชิงกระเป๋าถือใส่เงินของนางสมศรี และทำร้ายนางสมศรีล้มลง แล้วกระชากผมเอาศีรษะนางสมศรีโขลกกับพื้นหลายที ใช้ก้อนหินทุบศีรษะซ้ำจนนางสมศรีหมดสติ คิดว่าตายแล้ว ได้ลากร่างไปทิ้งแม่น้ำปิง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตร ขณะลากร่างไป นางสมศรีได้ฟื้นคืนสติร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด และร้องขอความช่วยเหลือ นายสุรเดชจึงหยุดลากแล้วกระชากผมเอาศีรษะนางสมศรีโขลกกับหินซ้ำอีกจนเงียบเสียงสิ้นใจตาย แล้วลากไปทิ้งลงในน้ำปิง
ต่อจากนั้นนายสุรเดชได้ถอดเสื้อของตัวเองที่เปื้อนเลือดทิ้งลงน้ำปิง เดินทางกลับไปบ้าน แต่เข้าบ้านไม่ได้เพราะนางสมศรีใส่กุญแจไว้ จึงงัดหน้าต่างเข้าไปในบ้าน ซักกางเกงเปื้อนเลือดแล้วนอนหลับจนถึงรุ่งเช้า มีคนมาบอกว่านายป้อมกับนางสมศรีถูกฆ่าตาย จึงออกไปดูศพ หลังจากนายสุรเดชรับสารภาพแล้ว ตำรวจจึงคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในเย็นวันเดียวกัน ที่จุดเกิดเหตุมีชาวบ้านใกล้เคียงทราบเรื่อง ตามไปดูประมาณ 30 คน ขณะนายสุรเดชแสดงแผนไม่มีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด และมีใบหน้ายิ้มระรื่น ส่วนผู้ที่ไปดูการทำแผนหลายคน เกิดความสะเทือนใจถึงกับร้องไห้ด้วยความสงสารนายป้อมกับนางสมศรี
หลังทำแผนเสร็จจึงได้คุมตัว นาย สุรเดชมาควบคุมที่ห้องขัง สภ.เชียงดาว พร้อมตั้งข้อหาฆ่าบุพการีตายโดยเจตนา.
--------------
เป็นข่าวที่น่าสลดใจ เป็นอย่างมากครับ
ข่าวจาก ไทยนิวส์
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1690 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 19 เม.ย. 51
เวลา 10:17:58
|
