เป็นเรื่องราวที่วุ่นๆไม่จบลงสักทีสำหรับ กรณี พระเอกนักบู๊ จา พนม ที่หายตัวจากหนัง องค์บาก 2 จากการที่ถูกตัดงบประมาณ ในการทำหนัง จนเดือดร้อนถึงต้นสังกัด ได้ออกมาปฏิเสธกับข่าวดังกล่าว และให้ จา มาเคลียร์ให้จบ ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ 31 ก.. เวลา 17.00 น. ที่ ตึกไอบีเอ็ม บ.สหมงคลฟิล์ม ได้มีการเจรจาของทั้ง 3 ฝ่ายคือฝ่ายแรกคุณพ่อ "ทองดี ยีรัมย์" และคุณแม่ "ริน ยีรัมย์" บิดา-มารดาของ "จา-พนม" พร้อมทนาย ขณะเดียวกันทางฝ่ายของ "จา-พนม" ไม่ได้มาปรากฏตัวในวันนี้แต่ส่งทนาย "จารุพล เรืองเกตุ" มาเป็นตัวแทนเจรจาเรื่องดังกล่าว ส่วนทางฝั่งสหมงคลฟิล์มประกอบไปด้วย "หนึ่ง-อัครพล เตชะรัตนประเสริฐ" และ "จารุ หร่ำเดช" มาร่วมรับฟัวการเจรจา...ยื่นขอเสนอของพระเอกนักบู๊ในครั้งนี้

โดยทางทนายของ "จา-พนม" ได้เปิดเผยว่า สาเหตุที่ไม่มาเพระาไปนครปฐม เพื่อไปหาญาติผู้ใหญ่ พร้อมกับเผยว่าจริงๆ แล้วพระเอกนักบู๊อยากทำหนังให้จบและพบกับ "เสี่ยเจียง-สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ" แต่เนื่องจากตอนนี้มีปัญหาบางประการก็อยากให้ครอบครัวกลับไปก่อน ไม่อยากให้เกิดความรู้สึกกดดัน ซึ่งใจจริงแล้ว "จา" อยากจะมาพบครอบครัวแต่มาไม่ได้
จากนั้น "นายจารุพล" ทนายของพระเอกนักบู๊ชื่อดังยังได้โชว์เอกสารและข้อเสนอของ "จา-พนม" ที่ต้องการยื่นให้กับค่ายสหมงคลฯ โดยประกอบด้วยข้อเสนอทั้งหมด 7 ข้อ ได้แก่
1. งบประมาณของงานที่เหลือทั้งหมด - Production 55 ล้าน (เหมา) ไม่รวมงาน Post, ค่าตัวดารา, ไฟ, Studio โรงถ่าย, ฟิล์ม
2. ทีมงาน Production จา-พนม ขอเลือกเอง โดยมี อ.พันนา รวมอยู่ด้วย
3 ให้ผู้จัดการส่วนตัวของจา-พนม ตรวจสอบดูแลบัญชี ค่าใช้จ่าย
4 ระยะเวลาการถ่ายทำของงานนี้เหลือจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ภายใน 30 พ.ย.
5 ขอรายละเอียดค่าจ้างค่าตัวในการแสดงและกำกับเรื่องนี้
6 รายได้จากการจัดจำหน่ายและการฉายภาพยนตร์ขอเหมา 50 ล้านบาท
7 ยกเลิกสัญญาจ้างนักแสดง ลงวันที่ 25 ก.ค. 2546

แต่ข้อเสนอที่เกิดขึ้น "หนึ่ง-อัครพล" ผู้บริหารค่ายสหมงคลฯ ก็ได้ปฏิเสธทันควัน โดยยืนยันว่าต้องให้ "จา-พนม" มาเสนอด้วยตนเอง ซึ่งถ้า "จา" ไม่มาก็จะไม่รับข้อเสนอใดๆ ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามทนายของ "จา-พนม" ต่อไปว่าถ้าทางสหฯ ไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ "จา" จะทำอย่างไร? ซึ่งทางทนายกล่าวว่า "ไม่แน่จาอาจจะหายตัวไปเลยก็ได้ เพระาเค้าเคยบอกว่าจะไปบวช หลังจากที่ทำหนังเรื่องนี้เสร็จ สาเหตุที่ผมรับทำคดีนี้ ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับหนังเรื่องนี้ทั้งสิ้น ผมก็ทำทุกคดีที่จ้าง และเรื่องของบอร์ดี้การ์ดก็คือสิ่งที่จาต้องการ เค้าไม่ต้องการลงมาและมีคนมาห้อมล้อมเยอะๆ"

อย่างไรก็ตามทางต้นสังกัดค่ายสหมงคงฟิล์ม นำโดย "จารุ" ได้ยื่นคำขาดกับทางฝั่งของ "จา-พนม" ว่าขอให้กลับมาทำหนังภายใน 3 วันนี้และต้องเสร็จภายในเดือนส.ค. ภายในการช่วยกำกับของ "พันนา ฤทธิไกร" โปรดิวเซอร์โดย "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" และปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นขอให้ "จา" มาปรึกษา

"ทางสหฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลทุกอย่าง หรือถ้าหากจายังไม่กลับมายังไงหนังเรื่องนี้ก็ต้องเสร็จ เนื่องจากทางต่างประเทศทั้งอเมริกา และญี่ปุ่นได้เซ็นต์สัญญาและทางเราโดนฟลิคมาแล้วว่าหนังต้องไปฉายเมื่อไร ส่วนฉากที่บานปลายหรืองบที่เกินมันเป็นเรื่องธรรมดาของการสร้างหนัง ของอย่างนี้คุยกันได้

"ตอนนี้หนังองค์บาท โดนคืนสัญญา ซึ่งตั้งแต่จามีทนาย อะไรก็ดูเปลี่ยนไป แม้ว่าเสี่ยจะรักจาเหมือนลูกชาย ซึ่งเดิมทีการทำหนังองค์บาทของ มีจา พันนา ปรัชญา และเสี่ยแต่ด้วยความรักของเสี่ยที่มีต่อจาจึงให้จาเป็นคนกำกับตั้งงบไว้ 200 ล้านบาท จริงๆ แล้วเมื่อก่อนจาไมได้เป็นแบบนี้เลย แต่พอมีคุณเข้ามานั่นแหละทุกอย่างเลยเปลี่ยนไป ปาร์ตี้นี้จะมีจา พันนา ปรัชญา แต่อย่าให้เกินเพราะจะขาดทุน" จารุกล่าว

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามเค้นข้อซักถามถึงเรื่งของ "จา-พนม" จากทนายต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทางทนายฝ่ายจาตอบอย่างมีอารมณ์ว่า "จริงๆ แล้วสื่อบางรายรู้เห็นเป็นอย่างดีว่าจาเป็นอย่างไร เค้าอยู่ดีมีสุข และในวันนี้ (31 ก.ค. 51) มีสื่อที่ได้สัมภาษณ์เค้าแล้วด้วย ออนแอร์ 20.20 น.แน่นอน"

ด้านพ่อ "ทองดี ยีรัมย์" ได้กล่าวถึงสาเหตุที่เดินทางมาร่วมรับฟังในวันนี้ว่า "วันนี้ที่มาเพราะได้ยินข่าวมาว่า จากับทนายมาให้สัมภาษณ์ที่สหฯ ก็เลยอยากเจอลูกอยากเจอทนาย อยากรู้ว่าใครดูแลลูกผม มันเป็นความรู้สึกของหัวอกคนเป็นพ่อ ตอนนั้นดูข่าวจาที่ไปออกช่อง 9 แล้วรู้สึกไม่สบายใจ นี่คือสาเหตุที่ทำให้มา พ่อไม่ได้มากดดันเลย" คุณพ่อ "ทองดี" กล่าว

อย่างไรก็ตามมีผู้สื่อข่าวกลุ่มหนึ่งได้ยอมรับว่าแอบเห็นพระเอกนักบู๊ "จา-พนม" ที่ตึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ โดยไปกับผู้ชายคนหนึ่ง โดยก็ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการที่ยืนข้อเสนอฉีกสัญญากับต้นสังกัดเดิมอย่างสหมงคงฟิล์มด้วยหรือเปล่า

ขณะเดียวกัน เวลา 20.20 น. จา-พนม ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ "ดาวกระจาย" ทางโมเดิร์นไนน์ ว่า "ผมขอบคุณเสี่ยมากครับ อยากให้ข้อตกลงเป็นไปด้วยดี จะได้ทำหนังต่อไป" จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงถามถึงเหตุผลของการที่ยังไม่ไปพบ "เสี่ยเจียง" สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ จาก็ได้ให้เหตุผลว่า "ตอนนี้ผมว่าต้องเคลียร์ทีละอย่าง จึงมอบหมายให้ผู้รู้ อยากให้ทนายรับข้อมูล ตกลงเรื่องทำหนัง จะตกลงทางไหน คงต้องเคลียร์กัน ไปทีละสเต็ปส่วนการทำหนังก็คงขึ้นอยู่กับเสี่ยล่ะครับว่าจะให้ผมกลับไปทำต่อหรือเปล่า อย่างที่บอกแหละครับว่าหัวใจผมอยู่ในหนังเรื่องนี้ สิ่งที่ผ่านมาในการทำงานครั้งนี้มันมีอะไรหลายอย่าง ผมร้องไห้เกินที่จะร้องแล้ว"

สำหรับข่าวลือเรื่องมาเฟียตามประกบและการเซ็นสัญญากับเกาหลี ที่ทำให้คุณพ่อต้องถึงขั้นแจ้งความ พระเอกนักบู๊ก็ได้ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง โดยเขาได้กล่าวทิ้งท้ายว่า "คุณพ่อเขาก็คงยังสับสนอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าอธิบายเป็นรายละเอียด ไม่ได้ แต่อยากบอกไว้เลยว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังเรื่องเดียวและเรื่องสุดท้าย ผมมาจากความว่างเปล่า มาจากดินกลับคืนสู่ดินได้" กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวจาก ไอเอนๆ