'เผาวอด'ศูนย์ฝึกฯทุบกำแพงหนีค่าย

บุกสลาย"ม็อบโจ๋"นับร้อยก่อจลาจลยึดศูนย์ฝึกฯ สำเร็จไร้ความสูญเสีย ชุดปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาเปิดทาง ใช้ฮ.บินวนกดดัน หลังก่อเหตุเผาอาคารวอด 6 หลัง ทำลายทรัพย์สินเสียหาย แถมทุบกำแพงหลบหนี อ้างไม่พอใจ ผอ.ศูนย์คนใหม่ ออกมาตรการเข้มงวด และส่ง 13 เยาว ชนหัวรุนแรงเข้าคุก พร้อมเรียกร้องย้ายผอ.คนเก่ากลับมารับหน้าที่ หิ้ว “153 โจ๋เหิม” ดำเนินคดี อธิบดีกรมพินิจฯ แฉเด็กเมาเลยฮึกเหิม เพราะดื่มส่าเหล้า ทำจากข้าวเหนียวกับน้ำอัดลมที่ผู้ปกครองเอาเข้าไปเยี่ยม สั่งสอบสวนให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เชื่อพวกหลบหนีอีก 64 คน ผู้ปกครองหิ้วตัวส่งกลับแน่ แต่ไม่วายสั่งล้อมคอกทั่วประเทศ หวั่นเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ

เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. นายธวัชชัย ไทยเขียว อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เดินทางมาที่อาคารอำนวยการ ตั้งอยู่ด้านหน้านอกกำแพงรั้วศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 นครราชสีมา ถนนคลองส่งน้ำ ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อรับทราบรายงาน และประชุมร่วมกับนางทัศนวิไล ไกรนรา ผอ.ศูนย์ฝึกฯ พล.ต.ท. กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผบก.ภ.นครราชสีมา พ.ต.อ.พนันชัย ชื่นใจธรรม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ หลังเด็กและเยาวชนที่ถูกคุมขังภายในศูนย์นับร้อยคน ก่อเหตุจลาจล เผาอาคาร และทุบทำลายทรัพย์สินต่าง ๆ รวมทั้งทุบกำแพงหลบหนีออกจากศูนย์ ตั้งแต่เมื่อเวลา 01.00 น. วันเดียวกัน และไม่มีวี่แววว่าจะยอมยุติ

หลังการประชุมอย่างเคร่งเครียดนานนับชั่วโมง ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าจะใช้กำลัง ชุดปราบจลาจล 3 กองร้อย บุกเข้าสลายการชุมนุมในช่วงเช้าเวลา 06.30 น. เพราะหากเข้าสลายการชุมนุมในเวลากลางคืน เด็กและเยาวชน รวมทั้งเจ้าหน้าที่อาจได้รับอันตราย หรือทำให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายได้ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวเยาวชนคนหนึ่งที่หลบหนีออกจากศูนย์ และถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้ เข้าไปเจรจาเกลี้ยกล่อมให้กลุ่มผู้ก่อเหตุประมาณ 100 คน ที่ยังปักหลักชุมนุมกันอยู่บริเวณสนามฟุตบอล โดยบางส่วนยอมยุติการชุมนุมและให้เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพื้นที่ แต่อีกส่วนยังมีท่าทีแข็งกร้าวปฏิเสธท่าเดียว การเจรจาจึงล้มเหลว

กระทั่งเวลา 06.30 น. ตำรวจปราบจลาจลได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปภายในศูนย์ ก่อน บุกเข้าไปภายในเพื่อยึดพื้นที่และคลี่คลายสถานการณ์ โดยมีเพียงโล่กำบัง ไม้กระบองเป็นอาวุธเท่านั้น และมีรถพยาบาล กับรถดับเพลิงแล่นตามเข้าไป ขณะที่มีการนำเฮลิคอปเตอร์ มาบินวนรอบเพื่อกดดันและตรวจดูความเคลื่อนไหวของม็อบเยาวชน พบส่วนใหญ่นั่งและนอนพักอยู่ตามรอบตัวอาคารด้วยความเหนื่อยล้า เจ้าหน้าที่ด้านนอกได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้ทั้งหมดไปรวมตัวกันที่สนามฟุตบอล โดยถอดเสื้อออกแล้วนอนคว่ำหน้ากับพื้น ซึ่งทุกคนยอมปฏิบัติตามแต่โดยดี ทำให้เหตุการณ์สงบลงโดยไม่มีการใช้ความรุนแรง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและแยกกลุ่มที่ร่วมก่อเหตุรุนแรง ซึ่งมีทั้งหมด 153 คน นำตัวขึ้นรถยนต์ไปควบคุมและสอบสวนดำเนินคดีที่เรือนจำกลางนครราชสีมา ส่วนพวกที่เหลือและไม่เกี่ยวข้องยังให้พักอยู่ในอาคารที่ไม่พังเสียหายภายในศูนย์ ต่อมานายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผวจ. นายธวัชชัย อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นางทัศนวิไล ผอ.ศูนย์ฝึกฯ และ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.3 เข้าตรวจสอบพื้นที่ พบอาคาร 6 หลัง ประกอบด้วยอาคารฟื้นฟู อาคารเรือนนอน 3, 4, 5 อาคารที่พักพ่อบ้าน และอาคารโรงฝึกงาน ถูกเผาทำลายเสียหาย รวมทั้งป้อมครูเวรและประตูทางเข้าด้านหน้า นอกจากนี้ ม็อบเยาวชนยังนำถังแก๊สมาจุดระเบิดตูมสนั่นไปหลายใบ

พล.ต.ท.กฤษฎา เปิดเผยว่า มีเด็กและเยาวชนอายุตั้งแต่ 13-23 ปี ถูกควบคุมอยู่ในศูนย์ทั้งหมด 461 คน เป็นเด็กดีไม่เกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลประมาณ 60 คน ผู้ก่อเหตุมี 153 คน ส่วนพวกที่หลบหนีมี 84 คน ตามจับกุมได้แล้ว 20 คน เหลืออีก 64 คน อยู่ระหว่างตรวจสอบและตามจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ใช้วิธีแก้ปัญหาอย่างละมุนละม่อมโดยปราศจากอาวุธ มีเพียงกระบองและโล่กำบัง และยิงแก๊สน้ำตาเพื่อเปิดทางเท่านั้น ขณะนี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยพนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีกับแกนนำหรือหัวโจกตามขั้นตอนกฎหมาย

ด้าน นายธวัชชัย เปิดเผยว่า สาเหตุของการก่อจลาจลเกิดจากกลุ่มเยาวชนบางส่วนไม่พอใจนางทัศนวิไล ผอ.ศูนย์ฝึกฯ คนใหม่ ที่เพิ่งย้ายมารับตำแหน่งได้ 3 วัน กล่าวหาว่าใช้มาตรการเข้มงวดเกินไป ทั้งเรื่องการให้ผู้ปกครองและญาติเข้าเยี่ยมไม่เกิน 3 คน ซึ่งก่อนหน้านี้เข้าไปเยี่ยมได้มากกว่านี้ รวมทั้งการส่งตัวเยาวชน 13 คน ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง และเป็นอันตราย ซึ่งเคยทะเลาะกับ ผอ.คนใหม่ ไปควบคุมที่เรือนจำกลางนครราชสีมา เพื่อสอบสวน ประกอบกับเป็นวันหยุดสำคัญ ผู้ปกครองนำข้าวเหนียวกับน้ำอัดลมมาเยี่ยม เยาวชนบางคนนำข้าวเหนียวไปผสมกับน้ำอัดลมดัดแปลงของมึนเมาประเภทส่าเหล้าหรืออุ ดื่มเข้าไปจนมึนเมาฮึกเหิมจนก่อจลาจลขึ้น

“เด็กแสดงออกทางอารมณ์ที่รุนแรง มักทำอะไรที่รุนแรงมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะยังคึกคะนองและขาดความยั้งคิด ซึ่งเด็กได้ชื่อว่าเป็นอาชญากรที่รุนแรงที่สุด เขาคิดอะไรไม่ทันและคิดไม่เป็น จึงต้องขอความร่วมมือกับผู้ปกครอง ส่วนเด็กที่หลบหนีจากประสบการณ์ มักจะมีผู้ปกครองพาตัวมาส่งคืน และคงต้องแจ้งเตือนให้สถานพินิจที่อื่น ๆ เตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์รุนแรงที่อาจจะเกิดจากพฤติกรรมการเลียนแบบได้” อธิบดีกรมพินิจฯ กล่าว และว่าจะสอบสวนให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะเด็กที่ก่อความรุนแรงต้องสอบข้อเท็จจริง และต้องมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ปกติเด็ก ๆ เหล่านี้ได้รับโทษสถานเบาอยู่แล้ว ส่วนหลักการทำงานใหม่ของกรมฯ ได้เน้นให้ผู้ปกครองใกล้ชิดกับเด็กที่ถูกควบคุม ที่ผ่านมาผู้ปกครองมีโอกาสได้พบปะเยี่ยมเยียนบุตรหลานบ่อยครั้ง หากบุตรหลานคนใดก่อเหตุผู้ปกครองต้องมีส่วนรับผิดชอบในการชดใช้ค่าเสียหายด้วย

สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. โดยกลุ่มเด็กและเยาวชนนับร้อยคนได้ก่อเหตุจลาจล เผาอาคารและทุบทำลายทรัพย์สินต่าง ๆ เสียหายจำนวนมาก และทุบกำแพงรั้วเป็นรูโหว่หลบหนีออกไป อ้างว่าไม่พอใจ ผอ.คนใหม่ ที่เข้มงวดมากเกินไป พร้อมเรียกร้องให้นายสุรกิจ อังกุรวัต ผอ.ศูนย์ฝึกฯ คนเก่า ที่ครบวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี กลับมาทำหน้าที่ต่อ โดยไม่มีวี่แววว่าจะยุติการก่อจลาจล ขณะเกิดเหตุพนักงานพินิจผู้คุมเวรอยู่ระหว่างเดินตรวจตราได้ยินเสียงเด็กในหอนอนที่ 4 ตะโกนโวยวายทุบกำแพงห้อง มั่นใจว่าจะก่อจลาจลขึ้น เพราะเคยมีประสบการณ์และเคยถูกเด็กทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส จึงพร้อมกับเพื่อนร่วมเวรหลบหนีออกมาด้านนอก และล็อกประตูทางเข้า-ออก ให้หนาแน่น ก่อนรายงานผู้บังคับบัญชาและแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ กระทั่งยุติเหตุจลาจลซึ่งใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงเศษลงได้

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา เด็กและเยาวชน 24 คน ในศูนย์แห่งนี้ ได้ขุด อุโมงค์ลอดใต้กำแพงรั้วพากันหลบหนี อ้างว่าอยากกลับไปเที่ยวงานลอยกระทง ต่อมาวันที่ 12 พ.ย.เยาวชนอีก 2 คน หลบหนีจากศูนย์ไปหาเพื่อนที่ อ.ปากช่อง และก่อคดียิงนายประเสริฐ สัมมาวงศ์ อายุ 20 ปี เสียชีวิตในงานเทศกาลลอยกระทง ก่อนจะถูกตำรวจจับกุมตัวได้.