• ใครๆก็มีพ่อเป็น ญี่ปุ่น ล่าสุด.. |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 23 พ.ค. 52 เวลา 01:09:58 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.เชียงใหม่ มีเหตุการณ์ลูกตามหาพ่อญี่ปุ่นเพิ่มเข้ามาอีกรายคือ ด.ช.ยามาโตะ นิอึมือระ หรือน้อง“แต่แต๊” อายุ 10 ปี เด็กนักเรียนชั้นป.4 โรงเรียนเทศบาลวัดพวกช้าง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีนางปิยะฉัตร อาหมัด อายุ 42 ปี ชาวบ้านที่เลี้ยงดูอุปการะเด็กชายรายดังกล่าวเอาไว้ตั้งแต่ยังเด็กเป็นผู้พา ตัวมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ช่วยตามหาพ่อชาวญี่ปุ่นที่ชื่อนายมาซาโตะ นิอึมือระ อายุประมาณ 30 ปี ซึ่งได้ทิ้งลูกไปตั้งแต่อายุได้เพียง 2 เดือน
หลังทราบเรื่องเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้(22 พ.ค.) นางชญาดา กาวีวงศ์ นักสังคมสงเคราะห์ผู้ชำนาญการ ประจำสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.เชียงใหม่ พร้อมสื่อมวลชน ได้ไปตรวจสอบที่โรงเรียนเทศบาลวัดพวกช้างเมื่อพบกับด.ช.ยามาโตะและน.ส.เขมิ กา วงศ์ศาโรจน์ ครูฝ่ายข้อมูลสารสนเทศของโรงเรียนวัดพวกช้างซึ่งแจ้งว่าทางครูเป็นผู้แนะนำ ให้ผู้เลี้ยงดูพาเด็กไปร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เนื่องจากเกิดความสงสารเพราะเห็นว่า ด.ช.ยามาโตะนั้นเป็นเด็กที่ร่าเริงมีผลการเรียนปานกลาง แต่เกิดจากแม่ที่เป็นชาวไทยใหญ่และพ่อที่เป็นคนญี่ปุ่นและเด็กเกิดมายังเป็น ผู้ไม่มีสัญชาติ
ต่อมานางปิยะฉัตร ในฐานะผู้อุปการะเด็กได้เดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่และได้พาตัว ด.ช.ยามาโตะออกเดินทางไปที่บ้านเพื่อตรวจเยี่ยมสภาพความเป็นอยู่และสอบ ประวัติตรวจดูหลักฐานการเกิดของเด็กรายดังกล่าวอย่างละเอียด โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.เชียงใหม่ได้มอบเงินฉุกเฉินช่วยเหลือให้เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท นอกจากนี้ทางศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่13 จ.เชียงใหม่ยังได้มอบเงินเป็นทุนการศึกษาช่วยเหลือให้อีก 1,500 บาท
นางปิยะฉัตร เปิดเผยว่า ครอบครัวของตนประกอบอาชีพรับหั่นเนื้อวัวส่งขายให้กับร้านเนื้อกระทะใน จ.เชียงใหม่ มีฐานะปานกลางอาศัยอยู่รวมกัน 8 คน ที่ต้องมาอุปการะเลี้ยงดู ด.ช.ยามาโตะนั้น เนื่องจากเมื่อ 9 ปีกว่าที่ผ่านมา แม่ของเด็กชายยาโมโตะซึ่งเป็นหญิงชาวไทยใหญ่ชื่อ น.ส.รัตนา ขันทอง อายุประมาณ 25 ปี ไม่มีสัญชาติไทยได้มาอาศัยอยู่กินกับนายมาซาโตะ ซึ่งทำงานเป็นกรรมกรชาวญี่ปุ่น โดยทั้งสองได้เช่าบ้านอยู่หลังใกล้กันกับมารดาของตน
ต่อมาแม่ของ ด.ช.ยาโมโตะได้เสียชีวิตลงด้วยโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี ขณะที่เด็กชายเพิ่งเกิดมาได้ 2 เดือน โดยบิดาของ ด.ช.ยามาโตะ ยังได้จัดงานศพให้และเลี้ยงดูบุตรชายจนอายุได้ 2 ขวบครึ่ง ตอนแรกจะเอา ด.ช.ยามาโตะกลับไปที่ญี่ปุ่นด้วย
นางปิยะฉัตร กล่าวว่า แต่ทางกงสุลญี่ปุ่นแจ้งว่าทางบิดาไม่มีการเซ็นรับรองบุตรทำให้เด็กไม่มี สัญชาติจึงไม่สามารถนำไปญี่ปุ่นได้ ทางบิดาต้องไปแจ้งศาลเพื่อทำเรื่องขอสัญชาติญี่ปุ่นก่อน จากนั้นนายมาซาโตะจึงได้กลับประเทศญี่ปุ่นไป โดยขณะนั้นมีอาการป่วยเป็นโรคประสาทด้วยเนื่องจากเสียใจที่ภรรยาเสียชีวิต โดยก่อนไปได้แจ้งกับตนว่าขอฝากลูกชายไว้ 2 เดือนเพื่อไปทำเรื่องขอสัญชาติจากนั้นจะกลับมารับไปอยู่ด้วย แต่หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อไปเลย มีเพียงจดหมายฉบับสุดท้ายที่เขียนมาถึงลูกขณะที่ยังเป็นเด็กเล็กมาก เมื่อทางครูแนะนำให้ไปร้องเรียนต่อสื่อจึงได้ดำเนินการและทาง พม.ก็เดินทางมาช่วยเหลือดังกล่าว
ด.ช.ยามาโตะ กล่าวว่า ตนทราบดีว่ามีพ่อเป็นคนญี่ปุ่น แต่จำหน้าไม่ได้เคยเห็นแต่ในภาพ ในตอนนี้หากพบพ่อก็ดีใจแต่ไม่ต้องการที่จะไปอยู่กับพ่อญี่ปุ่นเพียงแต่ได้ อยู่กับครอบครัวและสัญชาติไทยก็พอใจแล้ว
ที่มาจากสำนักข่าวเนชั่น
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1314 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 23 พ.ค. 52
เวลา 01:09:58
|