ผู้ ค้าน้ำมันเตรียมประกาศขึ้นราคาน้ำมันทุกประเภท ทั้งกลุ่มดีเซล กลุ่มเบนซิน ในอัตรา 60 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น อี 85 มีผลพรุ่งนี้ อ้างน้ำมันโลกขยับใกล้เคียง 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล.. 

ผู้สื่อข่าว รายงานเมื่อวันที่ 21 ต.ค. ว่า ผู้ค้าน้ำมันส่วนใหญ่ เช่น ปตท. เชลล์ บางจากฯ ประกาศขึ้นราคาน้ำมันทั้งกลุ่มดีเซลและเบนซิน อีก 60 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น อี 85 มีผล 05.00 น. วันที่ 22 ต.ค. หลังจากวันนี้ เอสโซ่ได้ขึ้นราคากลุ่มดีเซลไปแล้ว 80 สตางค์ต่อลิตร โดยราคาของเอสโซ่ในส่วนของ บี 2 ราคาอยู่ที่ 27.79 บาทต่อลิตร บี 5 ราคา 26.39 บาทต่อลิตร  

ทั้งนี้  ราคาน้ำมันในวันที่ 22 ต.ค. จะเป็นดังนี้ บี 2 ราคา 27.59 บาทต่อลิตร บี 5 ราคา 26.19 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 ราคา 34.74 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 31.14 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 30.34 บาทต่อลิตร อี 20 ราคา 28.84 บาทต่อลิตร โดยการปรับขึ้นครั้งนี้ เป็นผลจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นมาใกล้เคียง 80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล 

นาย วีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงสถิติการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเบื้องต้นในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.- ก.ย.) 2552 ว่า การใช้น้ำมันเบนซินในภาพรวมเฉลี่ยอยู่ที่ระดับประมาณ 20.7 ล้านลิตรต่อวัน โดยเป็นน้ำมันเบนซิน 91 ประมาณ 7.9 ล้านลิตรต่อวัน เบนซิน 95 ประมาณ 0.5 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งปริมาณการใช้น้ำมันทั้งสองประเภทลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี ก่อนประมาณ 17.1% และ 51.9% ตามลำดับ เนื่องจากถูกทดแทนโดยการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และแก๊สโซฮอล์ 95 (E10 , E20 , E85) ซึ่งมีส่วนต่างราคาขายปลีกเฉลี่ยต่ำกว่าจากผลของมาตรการจูงใจด้านราคาที่ รัฐบาลต้องการให้ประชาชนหันมาใช้เอทานอลที่นำมาผลิตแก๊สโซฮอล์ทดแทนน้ำมัน มากขึ้น 

ผอ.สนพ. กล่าวต่อว่า การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ถือว่ามีสัดส่วนมากที่สุดคือ คิดเป็นประมาณ 59.4% ของปริมาณการใช้เบนซินทั้งหมด โดยมีการใช้อยู่ในระดับประมาณ 12.3 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนประมาณ 45.3% โดยน้ำมันเบนซิน 91 มีสัดส่วนการใช้รองลงมาประมาณ 38.2% และเบนซิน 95 สัดส่วนประมาณ 2.4% 

สัดส่วนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว ซึ่งปีที่แล้วมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 43.9% โดยน้ำมันเบนซิน 91 มีสัดส่วนประมาณ 50.3% และเบนซิน 95 สัดส่วนประมาณ 5.8% คาดว่าการใช้แก๊สโซฮอล์จะยิ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ เพราะรัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 กับกลุ่มผู้ใช้จักรยานยนต์เพิ่มขึ้น ประกอบกับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ผลิตสู่ท้องตลาดก็รองรับกับการใช้น้ำมันแก๊สโซ ฮอล์ประเภทต่างๆ มากขึ้น 

นอกจากแก๊สโซฮอล์ 91(E10) และแก๊สโซฮอล์ 95(E10,E20) ซึ่งเป็นพลังงานชีวภาพที่มีใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องแล้ว รัฐบาลยังส่งเสริมให้จำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E85) ซึ่งมีส่วนผสมเอทานอลสูงถึง 85% ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2551 เป็นต้นมา ซึ่งปัจจุบันแม้จะมีการใช้ E85 ไม่มากนัก แต่แนวโน้มการใช้ E85 จะเพิ่มมากขึ้น เพราะมีค่ายรถยนต์อย่างน้อย 2 รายคือ วอลโว่ และมิตซูบิชิเตรียมผลิตรถยนต์ FFV(Flexible-Fuel Vehicle) ที่ใช้เชื้อเพลิงได้หลายชนิดออกสู่ตลาดภายในปี 2553

สำหรับการใช้ น้ำมันดีเซลในช่วง 9 เดือนนี้พบว่า ในภาพรวมมีการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วประมาณ 50.6 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วประมาณ 5.1% โดยที่มีการใช้ไบโอดีเซล (B5) ซึ่งเป็นพลังงานชีวภาพทางเลือกอีกประเภท เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 156% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับปีที่แล้ว โดยมีปริมาณการใช้ที่ประมาณ 22.45 ล้านลิตรต่อวัน ปริมาณการใช้ก๊าซแอลพีจี รายสาขาซึ่งมีสถิติรายงานเข้ามาช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) 2552 มีการใช้รวมประมาณ 3.17 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณ 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วซึ่งมีการใช้รวมอยู่ที่ 3.10 ล้านตัน ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นการใช้ในภาคครัวเรือนเป็นหลักสัดส่วนประมาณ 45% ของการใช้แอลพีจีทั้งหมด 

ส่วนปริมาณการใช้ก๊าซเอ็นจีวีนั้นใน ช่วง 9 เดือนแรก 2552 มีการใช้เฉลี่ย 3,542 ตันต่อวัน เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วมีปริมาณการใช้เฉลี่ยที่ 1,785 ตันต่อวัน

 

ที่มา ไทยรัฐ