กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
สส.ปชป.เห็นด้วย-เสนอสภา เตรียมทำบุญใหญ่ศพทารก ชาวบ้านยังแห่กันมาเซ่นไหว้'
ร่วมสลด - นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ร่วมตรวจจุดทิ้งศพทารกในโกดังวัดไผ่เงินฯ ย่านบาง คอแหลม โดยชาวบ้านใกล้เคียงนำขนม นม ตุ๊กตา และของเล่นมาเซ่นไหว้
|
เตรียม ทำบุญใหญ่ให้ศพเด็ก 2,002 ศพวันที่ 27 พ.ย.นี้ มี 'องอาจ คล้ามไพบูลย์รมต.ประจำสำนักนายกฯเป็นแม่งานใหญ่ ขณะที่ชาวบ้านยังนำของเซ่นไหว้มาให้ศพเด็กทารก เจ้าอาวาสวัดสั่งทุบโกดังเก็บศพ ปรับภูมิทัศน์ทำเป็นสถานที่นั่งวิปัสสนา 'มาร์ค'ยังยันกฎหมายปัจจุบันดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องแก้เรื่องทำแท้ง แต่ส.ส.ปชป.หนุนออกกฎหมายให้หญิงตั้งครรภ์มีทางเลือก และให้ตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาพิจารณาเป็นรายๆไป เพื่อแก้ปัญหาทำแท้งเถื่อนจนต้องเสียชีวิต สวนดุสิตโพลสำรวจความเห็นมีมากกว่า 65% เห็นด้วยมีกฎหมายทำแท้ง เพราะสังคมไทยเปลี่ยนไปแล้ว แต่ต้องให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาควบคู่กันไปด้วย
จากเหตุพบศพทารกรวม 2,002 ศพ ซุกในโกดังเก็บศพวัดไผ่เงินโชตนาราม ย่านบางคอ แหลม กทม. ตำรวจจับกุมผู้เกี่ยวข้องรวม 3 คนประกอบด้วยน.ส.ลัญฉกร จันทมนัส อายุ 33 ปี เจ้าของคลินิกเถื่อนย่านหนองแขม ซึ่งส่งตัวเข้าเรือนจำไปแล้ว นายสุเทพ ชะบางบอน และนายสุชาติ ภูมี 2 สัปเหร่อของวัดไผ่เงินฯ ที่นำศพมาซุกซ่อน ให้ความร่วมมือซัดทอดผู้เกี่ยวข้องจึงได้ประกันในชั้นศาล ขณะเดียวกันชาวบ้านละแวกวัดนำเครื่องเซ่นมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเด็ก พร้อมกับมีข่าวว่าได้ยินเสียงเด็กร้องดังมาจาก โกดังเก็บศพ จนสร้างความแตกตื่นไปตามๆ กัน ด้านมูลนิธิเกี่ยวกับสิทธิ์ของสตรี เรียกร้องให้ทบทวนกฎหมายทำแท้ง ให้สิทธิ์หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมมีโอกาสเลือกมากกว่าการลักลอบทำแท้ง เถื่อน ซึ่งเสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิต ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความ คืบหน้าเมื่อวันที่ 21 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณโกดังเก็บศพ วัดไผ่เงินโชตนาราม ยังมีประชาชนให้ความสนใจเดินมาดูบริเวณโกดังเก็บศพ จุดที่พบซากศพเด็กทารกจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีประชาชนที่อยากทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเด็ก นำไก่ย่าง ข้าวผัด ข้าวเหนียว นม รถเด็กเล่น ตุ๊กตา นำมาวางไว้ที่บริเวณหน้าโกดัง หนึ่งในคนที่นำของมาเซ่นไหว้เปิดเผยว่า ลูกสึกสงสารเด็กที่ไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก จึงนำของมาทำบุญให้กับน้องๆ และรู้สึกเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่วัดไผ่เงินฯ เข้าพูดคุยกับพระทิวา ธมมชโย พระเลขาเจ้าอาวาสวัดไผ่เงิน แล้วเดินทางมาตรงบริเวณโกดังเก็บศพ จุดที่พบซากเด็กทารก พร้อมทั้งนำน้ำแดง และนม จุดธูปเซ่นบูชา นำมาวางไว้บริเวณหน้าโกดังเก็บศพ นายองอาจ กล่าวว่าให้ทีมงานมาติดต่อกับทางวัด เพื่อทำบุญให้กับน้องๆ ที่เสียชีวิต โดยมีผู้ที่รู้จักหลายรายอยากจะร่วมทำบุญด้วย ซึ่งกำหนดไว้วันที่ 27 พ.ย.นี้ เริ่มพิธีตั้งแต่เวลา 09.30 น. อุทิศส่วนกุศลและสวดบังสุกุล
นายองอาจ กล่าวต่อว่าในวันที่ 22 พ.ย. เวลา 11.30 น. นัดผอ.เขตบางคอแหลม และผกก.สน. วัดพระยาไกร มาร่วมหารือเรื่องการปรับภูมิทัศน์โกดังเก็บศพไม่ให้เป็นที่ลับตาเกินไป ส่วนการเผาศพน้องๆ คงต้องรอให้ทางนิติเวช ดำเนินการชันสูตรเสียก่อน
ด้าน พระทิวา ธมมชโย พระเลขาเจ้าอาวาสวัดไผ่เงิน กล่าวว่าทางวัดจะไม่เก็บศพเอาไว้ที่โกดังแห่งนี้อีกแล้ว คงจะทุบโกดังทิ้ง ส่วนศพที่ทางญาติต้องการเก็บไว้ 100 วัน ก็จะเก็บไว้บนศาลา และจะปรับภูมิทัศน์บริเวณนี้ให้ดีขึ้นไม่ให้เป็นที่ลับตาผู้คน ไม่เป็นที่มั่วสุมจะทำเป็นจุดนั่งวิปัสสนา เนื่องจากด้านหลังนี้เป็นสถานที่ค่อนข้างเงียบ แต่คงต้องหารือกับเจ้าอาวาสและผู้เกี่ยวข้องก่อน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ 'เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์' ถึงปัญหาการทำแท้งว่า ทุกฝ่ายจึงต้องมาช่วยกันคิดว่า จะทำอย่างไรไม่ให้ปัญหาในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก โดยในปีที่ผ่านมาตั้งประเด็นในเรื่องของปัญหาการตั้งครรภ์โดยยังไม่มีความ พร้อมว่า เรื่องนี้กำลังเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือพม. เร่งรณรงค์ในเรื่องของค่านิยมต่างๆ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา ส่วนในเรื่องของกฎหมายการทำแท้งนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมและยืดหยุ่น อยู่ในระดับที่พอดี ซึ่งตามหลักการทำแท้งถือว่าผิดกฎหมาย แต่กฎหมายนี้ก็มีข้อยกเว้น เพื่อประโยชน์ในเรื่องของการดูแลสุขภาพ ซึ่งทางแพทยสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการออกหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติ ต่างๆ ไว้
"เห็นว่ามีความเหมาะสมและไม่จำเป็นต้องแก้ไข แต่สิ่งที่เราจะต้องช่วยกันคือให้ความรู้และสร้างค่านิยมที่ถูกต้องในหมู่ เด็กและเยาวชน โดยที่ผ่านมาดำเนินการในเรื่องของการรณรงค์ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าบางครั้งการรณรงค์อาจเข้าไปไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายหรือ กลุ่มเสี่ยง รวมทั้งเราต้องมีการปรับปรุงในเรื่องของการศึกษากับเด็ก เพื่อให้มีความเข้าใจทั้งในเรื่องของการใช้คำว่าครอบ ครัวศึกษา ตั้งแต่ในระดับประถมจนถึงมัธยม ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหา" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประ ชาธิปัตย์ กล่าวว่าในฐานะส.ส.ฝ่ายนิติบัญญัติ เห็นว่าถ้าจะแก้ปัญหานี้ให้ตรงจุดจำเป็นต้องมีกฎหมายทำแท้งที่ถูกต้องด้วย ความสมัครใจและการร้องขอโดยมีเหตุจำเป็น ตนร่วมกับกลุ่มส.ส. ที่มีความคิดเห็นตรงกันศึกษาข้อมูลผลกระทบ และสิ่งที่ได้รับ เพื่อเสนอกฎหมายฉบับนี้ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสมัยหน้า โดยใช้ชื่อว่า"กฎหมายทำแท้งโดยถูกต้องด้วยความสมัครใจและร้องขอโดยมีเหตุจำ เป็น"
จากการศึกษาเบื้องต้นมีหลักการดังนี้ คือให้ผู้ปกครองของผู้เยาว์หรือผู้ตั้งครรภ์ สมัครใจและร้องขอต่อเจ้าหน้าที่ว่ามีความจำเป็นขอทำแท้ง เช่น 1.ผู้ตั้งครรภ์และบิดาของทารกไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดูเด็กหลังคลอดได้ เนื่องจากวัย ฐานะทางการเงิน สภาพแวดล้อม 2.เพราะถูกคนที่เป็นบิดาทอดทิ้ง และตนไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดูบุตร 3.การถูกกระทำละเมิดกฎหมายด้วยการข่มขืนจนตั้งครรภ์ และสมัครใจไม่เอาทารกไว้ 4.ทารกในครรภ์มีปัญหาโรคติดต่อ 5.ทารกในครรภ์มีความผิดปกติ เกิดมาแล้วอาจพิการ หรือไม่ปกติ โดยข้อ 3,4,5, อาจจะมีกฎหมายกำหนดไว้แล้ว แต่ต้องนำมารวมในฉบับเดียวกัน
นายสาธิต กล่าวต่อว่า ต้องตั้งหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ และเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อพิจารณาถึงเหตุจำเป็น โดยหน่วยงานนี้มีอำนาจอนุมัติให้ทำแท้งได้ ตามหลักการของกฎหมายฉบับนี้ พร้อมทั้งต้องเปิดให้ลงทะเบียนกิจการรับทำแท้งโดยถูกกฎหมาย หลังจากผ่านการพิจารณาของเจ้าหน้าที่แล้ว โดยประโยชน์ที่จะได้รับผลดีจากกฎหมายฉบับนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม คือ 1.ลดการเสียชีวิตของมารดาที่มีทารกในครรภ์จากการทำแท้ง 2.แก้ไขปัญหาการมีบุตรในภาวะมารดาไม่พร้อม 3.ลดการกระทำความผิดของคลินิกรับทำแท้ง ทั้งนี้ผู้สมัครใจและร้องขอทำแท้ง ในกรณีที่มีปัญหาจะต้องออกค่าใช้จ่ายเอง รัฐบาลไม่ต้องรับภาระในการดูแลตรงนี้
นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะขบวนผู้หญิงกับการปฏิรูปสังคมไทย (ภาคเอกชน) และคณะทำงานชมรมสมาชิกรัฐสภาสตรีไทย กล่าวว่ามาถึงจุดนี้จะโทษใครไม่ได้โยนความผิดไปที่ไหนก็ไม่ได้ แต่สิ่งที่จะต้องทำคือการหาทางแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะคลินิกทำแท้งเถื่อนอย่างเช่น หน่วยงานหลักอย่างสาธารณสุข และตำรวจเข้าไปกวาดล้างปราบปรามอย่างจริงจัง
"อยากจะเรียกร้องให้ทุก ฝ่ายเข้ามาร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหา และร่วมกันแปรวิกฤตให้เป็นโอกาสถือให้เป็นการรณรงค์ใหญ่ทั่วประเทศ'ท้อง เมื่อพร้อม' มีการกวาดล้างคลินิกทำแท้งเถื่อนทั่วประเทศอย่างเอาจริงเอาจัง นอกจากนี้ในเรื่องของการทำแท้งอย่างถูกกฎหมายที่น่าจะเป็นทางออกให้กับคนที่ มีปัญหาท้องหรือตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม แต่ไม่ใช่การสนับสนุนการทำแท้งเสรี เพราะจะต้องให้สิทธิของแพทย์นักวิชาการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวเข้องป็นหลักใน การพิจารณาภายใต้กติกามีกฎหมายรองรับ" นางรัชฎาภรณ์ กล่าว
นายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของนุษย์ กล่าวว่า ตอนนี้ได้วางมาตรการแก้ไขปัญหาไว้ 6 มาตรการ ซึ่งจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้(22 พ.ย.) ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาครอบคลุมทุกด้านเมื่อผ่านที่ประชุมแล้วจะนำเข้าเสนอ ต่อครม. และเตรียมผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ แต่สิ่งที่สำคัญคือการเน้นให้ความรู้กับเด็กเรื่องเพศศึกษาเพราะต่อไปนี้ เรื่องเพศศึกษาไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่ต้องสอนให้เด็กเรียนรู้การป้องกันที่ถูกต้อง และพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกหน่วยงานเพื่อเข้าไปแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
วัน เดียวกันสวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในกรุงเทพฯ ปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,458 คน ระหว่างวันที่ 18-21 พ.ย.กรณีพบศพเด็กทารกจำนวนมาก ความคิดเห็นของประชาชน ส่วนใหญ่ 62.18% สร้างความตกตะลึงและตกใจว่าทำไมถึงได้มีการทำแท้งเป็นจำนวนมากมายขนาดนี้ รองลงมาเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม เป็นการทำบาป และผิดกฎหมาย 15.24%
ประชาชน คิดว่าการทำแท้งเป็นสิทธิส่วนบุคคล/มาจากความจำเป็นของแต่ละคนหรือไม่ ส่วนใหญ่ 47.17% เห็นว่าเป็นการตัดสินใจของผู้ที่ให้กำเนิดเอง สิ่งที่เกิดขึ้นอาจมาจากความไม่พร้อมหรือความจำเป็นของแต่ละคน ขณะที่ความเห็น 30.19% ไม่แน่ใจเพราะคิดว่าคนที่มาทำแท้งน่าจะมีเหตุผลหรือความจำเป็นที่แตกต่างกัน ออกไป ในใจลึกๆ แล้วเชื่อว่าคนเป็นแม่ย่อมรักลูก และ 22.64% ไม่เป็นเพราะ ตามกฎหมายได้ระบุไว้แล้วว่าการทำแท้งเป็นเรื่องผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม ฯลฯ
ถ้า จะมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ตรงกับเรื่องนี้ออกมา ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ ส่วนใหญ่เห็นด้วย 65.62% เพราะสังคมไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก การมีเพศสัมพันธ์โดยขาดการป้องกันเกิดขึ้นได้ง่าย ขณะที่ความเห็นไม่แน่ใจ 21.72% เพราะการแก้ไขกฎหมายอย่างเดียวคงไม่ได้ผล ควรให้ความรู้หรือให้การศึกษาในเรื่องนี้ควบคู่ไปด้วยจะดีกว่า และไม่เห็นด้วย 12.66% เพราะขึ้นอยู่กับความคิดและวิจารณญาณของแต่ละคน กฎหมายหรือข้อห้ามต่างๆ เกี่ยวกับการทำลายชีวิต ทำผิดศีลธรรม ก็มีระบุไว้อยู่แล้ว ฯลฯ
ส่วนแนวทางป้องกัน/แก้ไขในเรื่องนี้อันดับ 1 การให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา การป้องกัน การคุมกำเนิด ในวิชาเรียนของเด็กให้เหมาะสมตามระดับชั้นเรียน 36.09% อันดับ 2 พ่อแม่/คนในครอบครัวต้องให้ความรัก ความอบอุ่น 29.14% อันดับ 3 การตรวจสอบปราบปรามคลินิกที่ทำผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด 15.58% อันดับ 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข ฯลฯ ร่วมมือกันหาทางป้องกันหรือประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่ให้ความรู้ใน เรื่องการตั้งครรภ์ การทำแท้ง 14.37% และอันดับ 5 การใช้สื่อต่างๆ ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอข่าวอย่างเหมาะสม และการให้ความรู้ด้วยการสร้างเป็นละครหรือเรื่องสั้น 4.82%
ที่มา ข่าวสด
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
