กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
(3ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00น. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 (ศปถ.)กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้สรุปอุบัติเหตุของศปถ.ที่เกิดทางถนนสะสม 5 วัน ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2553 – 2 ม.ค. 2554 มีการเกิดอุบัติเหตุรวม 2,881 ครั้ง ลดลงจากปี 2553 จำนวน 2,931 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 1.71 โดยยอดผู้เสียชีวิตรวม 281 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2553 จำนวน 279 คน ผู้บาดเจ็บรวม 3,091 คน ลดลงจากปี 2553 จำนวน 3,185 คน โดยจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ลพบุรี 12 คน รองลงมา ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ 10 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 110 คน รองลงมา ได้แก่ พิษณุโลก 99 คน ขณะที่ จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสูด ได้แก่ เชียงราย 103 ครั้ง รองลงมา ได้แก่ พิษณุโลก 91 ครั้ง
นายวิบูลย์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 2 มกราคม 2554 เป็นวันที่ห้าของการรณรงค์ในช่วง 7 วันระวังอันตราย ได้เกิดอุบัติเหตุ รวม 408 ครั้ง ลดลงจากปี 2553 จำนวน421 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 47 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2553 จำนวน 41 คน และ ผู้บาดเจ็บ 435 คน ลดลงจากปี 2553 จำนวน 460 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 35.29 รองลงมา ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 22.79 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้บาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 30.91 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.95 รองลงมา ได้แก่ รถปิกอัพ ร้อยละ 6.67 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 61.03 บนถนนสายหลักหรือทางหลวงแผ่นดิน คิดเป็นร้อยละ 36.76 นอกจากนี้ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01- 20.00 น. ร้อยละ 29.66 โดยผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 56.85 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 17 ครั้ง รองลงมา ได้แก่ พิษณุโลก 16 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี 4 ราย รองลงมา ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี สกลนคร และอุบลราชธานี จังหวัดละ 3 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 18 คน รองลงมา ได้แก่ พิษณุโลก 17 คน จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ รวม 6 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยภูมิ นนทบุรี ยโสธร สมุทรสงคราม และอำนาจเจริญ
เลขานุการ ศปถ. กล่าวอีกว่า มาตราการลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,533 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 69,416 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 825,240 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีตามมาตรการลดพฤติกรรมเสี่ยง 10 มาตรการรวม 100,587 ราย ส่วนใหญ่ไม่สวมหมวกนิรภัย 29,736 ราย ร้อยละ 25.56 รองลงมา ไม่มีใบขับขี่ 28,482 ราย ร้อยละ 28.32 เเละวันนี้เป็นวันหยุดวันสุดท้าย คาดว่า ประชาชนจะเดินทางกลับเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีปริมาณรถหนาแน่นบนถนนสายหลัก ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอให้จังหวัดดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นการปฏิบัติงานบนถนนสายหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางแก่ประชาชน ให้กวดขันดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎจราจรอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วเกินกำหนดและเมาสุราขณะขับรถ จึงฝากเตือนผู้ขับขี่ให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากมีอาการอ่อนเพลียหรือง่วงนอน ให้จอดแวะพักในบริเวณที่ปลอดภัย หากขับรถระยะทางไกล ควรมีผู้สับเปลี่ยน เพื่อลดความอ่อนเพลียขณะเดินทาง ตลอดจนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจต่างๆ และปฏิบัติตามกฎจราจรและมาตรการ 3 ม. 2 ข 1 ร. อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนที่อาจเกิดขึ้น
พ่วงบรรทุกถุงปูนซิเมนต์หลับในพลิก
เมื่อเวลา 07 .30 น. วันที่ 2 ม.ค. 54 พ.ต.ท.ธนกฤต พึ่งนุสนธิ ร้อยเวร สภ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งมีรถบรรทุกพ่วงพลิกคว่ำมีผู้เสียชีวิต1ราย ติดอยู่ในรถที่เกิดเหตุบริเวณถนนมิตรภาพ กม.ที่192+700 ฝั่งขาออกจากจังหวัดนครราชสีมา บ้านใหม่เกษม ตำบลธารปราสาท อ.โนนโนนสูง จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัย มูลนิธิพุทธธรรมการกุศล ฮุก 31 นครราชสีมา ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วงยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียนตัวแม่ 80-8731 ยโสธร ตัวลูกพ่วง ทะเบียน 80-8732 ยโสธร
สภาพรถพ่วงพลิกคว่ำตะแคงลงร่องกลางถนนและมีถุงปูนซิเมนต์ตราเสือตกกระจายอยู่ที่พื้น ภายในด้านหลังที่นั่งคนขับพบศพนางลำใย แก้วทอง อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 157 หมู่ 11 ต.น้ำดำใหญ่ อ.เมือง จ.ยโสธร ถูกอัดก๊อปปี้เสียชีวิตอยู่ภายในเก๋ง โดยนายอ้อ วงษ์ศรีแก้ว อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 32 หมู่ 13 ต.ห้วยแก้ว อ.กุดชุม จ.ยโสธร สามีและเป็นคนขับรถพ่วงและด.ญ.นิศารัตน์ วงษ์ศรีแก้ว อายุ 4 ขวบ บุตรสาวยืนร้องให้ด้วยเสียใจ
จาการสอบสวนนายอ้อให้การว่าตนเองขับรถพ่วงคันดังกล่าวบรรทุกปูนซิเมนต์ถุงตราเสือมาจากโรงงานอ.แก่งคอย จ.สระบุรีเต็มคันรถมุ่งหน้าไปส่งให้ลูกค้าที่จ.ยโสธร โดยนั่งมาด้วยกัน 3 คนมีตนและ นางลำใย ฯภรรยาและ ด.ญ.นิศารัตน์ฯบุตรสาว นางลำใยนั่งอยู่ตอนหลังของคนขับและมีบุตรสาวนอนอยู่ด้านข้าง
เมื่อถึงที่เกิดเหตุตนเกิดอาการหลับในจึงทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำลงไปบริเวณเกาะกลางถนนจึงทำให้นางลำใยฯภรรยาของตนถูกตัวพ่วงกระแทกอัดก๊อปปี้เสียชีวิต ส่วนตนเองและบุตรสาวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ตำรวจจึงแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บพร้อมควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
5วันสุรินทร์ตายแล้ว9ศพผู้ว่าฯเข้มเปลี่ยนแผน
นายเสริม ไชยณรงค์ ผวจ. สุรินทร์ เดินทางตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และทีมกู้ชีพในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งแม้ทุนคนจะทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่ แต่อุบัติเหตุทางท้องถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ของจังหวัดสุรินทร์ ยังคงมีการสูญเสียอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 2553 - 2 ม.ค. 2554 จังหวัดสุรินทร์มีอุบัติเหตุทางถนน รวมทั้งสิ้น 70 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 66 คน เสียชีวิต 9 ศพ เป็นเพศชาย 6 ศพ เพศหญิง 3 ศพ โดยเฉพาะ วันที่ 1 ม.ค. 2554 ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่เพียงวันเดียวมีผู้เสียชีวิตถึง 4 ราย โดยช่วงอายุของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ คือ 20 -24 ปี
อย่างไรก็ตามจังหวัดสุรินทร์มีเป้าหมายลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จะต้องลดลงร้อยละ 5 คือ เกิดอุบัติเหตุไม่เกิน 75 ครั้ง บาดเจ็บไม่เกิน 83 ราย และเสียชีวิตไม่เกิน 1 ราย
ผวจ. สุรินทร์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปรับแผนการทำงาน โดยให้มุ่งเน้นไปที่ถนนสายหลัก โดยเฉพาะถนนทางหลวงหมายเลข 24 โชคชัย - เดชอุดม ซึ่งจะมีผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมากในช่วงเดินทางกลับ และให้มีการเพิ่มจุดตรวจ และคุมเข้มตามมาตรการ 3 ม. 2 ข. 1 ร. อย่างเคร่งครัด และให้จัดเจ้าหน้าที่ไปประจำตามจุดทางแยก ทางร่วม ต่าง ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อลดและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้ได้มากที่สุด
สำหรับผลการปฏิบัติงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ของจังหวัดสุรินทร์ มีการเรียกตรวจยานพาหนะชนิดต่าง ๆ รวม 4 วัน จำนวน 65,076 ครั้ง จำนวนผู้ถูกดำเนินคดี 10 ข้อหาหลัก 14,934 ราย ผู้กระทำผิดสูงสุดคือไม่มีใบขับขี่ 4524 ราย รองลงมาไม่สวมหมวกนิรภัย 5054 ราย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 1911 ราย มอเตอร์ไซด์ไม่ปลอดภัย 1603 ราย ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร 740 ราย ความเร็วเกินกำหนด 734 ราย ขับรถย้อนศร 533 ราย เมาสุรา 386 ราย แซงในที่คับขัน 274 ราย ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ 175 ราย
และอาชีพที่ถูกดำเนินคดีสูงสุดได้แก่ อาชีพเกษตรกร จำนวน 4,714 ราย รองลงมาอาชีพรับจ้าง จำนวน 3,662 ราย นักเรียน - นักศึกษา จำนวน 2,850 ราย และเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 506 ราย
สถิติ7วันอันตรายภูเก็ต เสียชีวิตอยู่ที่3ราย
นายสันติ์ จันทรวงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ภูเก็ต เปิดเผย "ผู้สื่อข่าว" สถิติการป้องกันลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ของ จ.ภูเก็ตในภาพรวม 5 วัน (29 ธ.ค.53-2 ม.ค.54 ) ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงการขับขี่ปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุทางถนนเกิดขึ้น 55 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 63 ราย เป็นชาย 49 ราย หญิง 14 ราย โดยมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วยนายอุทัย ไหมคง อายุ 33 ปี, น.ส. ARYPORN SUNTHORN อายุ 50 ปี และนาย KONGSENG SUNTHORN อายุ 61 ปี เป็นชาวแคนาดา โดยชาวต่างประเทศทั้งสองรายเป็นผู้โดยสาร ซึ่งเหตุเสียชีวิตทั้ง 3 รายเกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ถลาง
อย่างไรก็ตามสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่มาจากเมาสุรา-ขับรถเร็วเกินกำหนด และตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ทั้งนี้จากการดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ทางกฎหมาย เช่น หมวกนิรภัย มอเตอร์ไซด์ไม่ปลอดภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เมาไม่ขับ ใบขับขี่ จากการตั้งด่านตรวจในพื้นที่ต่างๆ ทั้ง อ.เมือง อ.ถลาง และ อ.กะทู้ รวม 9 ด่านตรวจ ปรากฏว่ามีการเรียกตรวจรวม 43,260 ครั้ง มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 1 , 639 ราย ส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ รองลงมาไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เมาสุรา มอเตอร์ไซด์ไม่ปลอดภัย ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร ใช้มือถือขณะขับรถ ขับรถย้อนศรและแซงในที่คับขัน นายสันติ์กล่าว
บุรีรัมย์คนแห่เข้าคิวซื้อตั๋วเดินทางกลับหนาแน่น
บรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีประชาชนมาเข้าคิวซื้อตั๋ว เพื่อเดินทางกลับไปทำงานยังกรุงเทพมหานคร และตามจังหวัดต่างๆ อย่างคึกคัก เนื่องจากเป็นวันหยุดวันสุดท้ายหลังเที่ยวเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่กับครอบครัว ขณะที่ทางบริษัทขนส่งได้จัดรถเสริมไว้รองรับบริการประชาชนอีก 88 เที่ยว จากปกติจะมีรถวิ่งให้บริการวันละ 25 เที่ยว และคาดว่าวันนี้จะมีผู้เดินทางกลับหนาแน่นกว่าทุกวันที่ผ่านมา ส่งผลให้รถถึงปลาย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าไม่เกิน 4 ทุ่มของวันนี้ จะสามารถระบายผู้โดยสารให้เดินทางกลับไปทำงานได้ทั้งหมด และจะไม่มีผู้โดยสารตกค้างอย่างแน่นอน
พร้อมกันนี้ทางสถานีขน ยังได้ร่วมกับหลายหน่วยงาน มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์พนักงานขับรถโดยสารทุกคันก่อนออกเดินทางด้วย หากพบพนักงานคนใดมีแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่ากฎหมายกำหนด หรือมีสภาพอ่อนเพลีย ก็จะให้หยุดพักจนกว่าสภาพร่างกายจะพร้อม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุสร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารได้
ด้านนายนภดล สุทธิจิตต์ นายสถานีเดินรถ บริษัทขนส่ง จำกัด จ.บุรีรัมย์ ระบุว่า ส่วนตั๋วรถเที่ยวปกติได้ถูกจองเต็มไปจนถึงวันที่ 4 มกราคม 2554 แล้วทุกที่นั่ง สำหรับที่ไม่ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้า ก็สามารถมาซื้อตั๋วเที่ยวรถเสริมได้ที่สถานีขนส่ง ซึ่งจะมีรถเสริมให้บริการแก่ประชาชนที่ต้องการเดินทางกลับอย่างเพียงพอ และคาดว่าในวันพรุ่งนี้ 4 ม.ค. 54 สถานการณ์ผู้เดินทางกลับจะเบาบางลง ทั้งนี้จากปริมาณรถที่สัญจรหนาแน่น ยังทำให้รถไปถึงปลายทางกรุงเทพมหานครล่าช้า 2 ชั่วโมง
พิษณุโลกเสริมรถไฟฟรีวันละ10เที่ยวขนคนกลับ
บรรยากาศการเดินทางกลับไปทำงานของคนพิษณุโลกและนักท่องเที่ยวที่สถานีรถไฟพิษณุโลกเต็มไปด้วยความคึกคัก ผู้โดยสารจำนวนมาก มารอขึ้นรถไฟกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ กันแน่นขนัด เจ้าหน้าที่ ได้ตั้งโต๊ะประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลการเดินทางกับผู้ใช้บริการบริเวณหน้าเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ขณะที่การรถไฟ ได้เสริมขบวนรถไฟฟรีทั้งเที่ยวขึ้นและเที่ยวขึ้นและเที่ยวล่องวันละ 10 ขบวน บริการประชาชนระหว่างวันที่ 2-3 มกราคม 2553 คาดว่าวันที่ 4 มกราคม การเดินทางจะเข้าสู่ภาวะปกติ
เชียงใหม่แห่ซื้อ"น้ำพริกหนุ่ม-ไส้อั่ว-แคบหมู"
นายชัดชาญ เอกชัยพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เชียงใหม่วนัสนันท์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าของฝากพื้นบ้านรายใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตลอดวันหยุดปีใหม่พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาซื้อของฝากติดไม้ติดมือหลังจากเดินทางมาท่องเที่ยวเชียงใหม่เป็นจำนวนมากทั้งที่โชว์รูมสำนักงานใหญ่ ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง สาขาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ชั้น 2 ฝั่งขาออกภายในประเทศ จุดจอดของนครชัยแอร์ อาเขตเชียงใหม่ ในปั้ม ปตท. สาขาสารภีฝั่งขาออก และบริเวณตลาดวโรรส
สำหรับสินค้าที่ได้รับความนิยมจะมีทั้งอาหารพื้นบ้าน เช่น น้ำพริกอ่องลาบเมือง แกงฮังเล แกงโฮะ ตำขนุน แหนมไบโอเทค เป็นต้น โดยที่น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว แคบหมูยังเป็นสินค้ายอดฮิต รวมถึงผักและผลไม้แปรรูป เช่น กระเทียมดอง กระเทียมโทนดอง ลำไยอบแห้ง มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงอบน้ำผึ้ง ท้อดอง ท้อแช่อิ่ม เป็นต้น นอกจากนี้ขนมทั้งข้าวแต๋น และกะละแมก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวซื้อกลับไปเป็นของฝากเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เชื่อว่ารายได้ช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่จะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 15%
"โดยภาพรวมปีนี้บรรยากาศการท่องเที่ยวของเชียงใหม่คึกคักมากทำให้ร้านค้า ร้านขายของฝากของที่ระลึกได้รับอานิสงค์จากนักท่องเที่ยวไปด้วย ผมคิดว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวคึกคัก เพราะมีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน สภาพอากาศที่หนาวเย็นต่อเนื่อง และไม่มีปัญหาการเมือง จึงทำให้คนอยากท่องเที่ยวมากขึ้น ประกอบกับ พื้นที่ภาคใต้ประสบกับปัญหาน้ำท่วมคนจึงหันมาเชียงใหม่มากขึ้น"
ข่าวจาก คมชัดลึก
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
