ใกล้เข้ามาทุกทีกับฟุตบอลประเพณีครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ระหว่างสองมหาวิทยาลัยชื่อดัง เมื่อเอ่ยถึงงานฟุตบอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะจนถึงปัจจุบันการจัดงานล่วงเลยมาถึงครั้งที่ 67 แล้ว โดยในปีนี้งานจะจัดขึ้นที่เดิม ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ ในวันเสาร์ที่ 5 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป...

ถ้าหาก "สวัสดี...แคมปัส" ไม่นำเรื่องนี้มาเสนอ เห็นจะตกกระแสอย่างแน่นอน ท่ามกลางกระแสการรวมตัวชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ทำให้คอนเซ็ปต์หลักที่ใช้ร่วมกันในการจัดงานปีนี้ จึงออกมาเป็นคำว่า "เติมเต็ม" หรือ "Full Fill" ซึ่งมีที่มาจากสถานการณ์ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยที่มีความหลากหลายทางความคิดเห็น จึงตกอยู่ในภาวะความแตกแยกอย่างรุนแรง คนไทยจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนและเรียนรู้ ที่จะยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ก่อนจะนำมาเติมเต็มความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขต่อไป

สีสันของงาน ที่สำคัญไม่แพ้ไปกว่าขบวนล้อการเมือง คงหนีไม่พ้นเหล่าเชียร์ลีดเดอร์ ที่สัปดาห์นี้ต้องขอเริ่มที่เจ้าภาพซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก่อน เพราะหากจะนำเสนอพร้อมกัน เชื่อว่าจะมีพื้นที่ไม่พอเพียง เนื่องจากจำนวนเชียร์ลีดเดอร์ของธรรมศาสตร์ปีนี้ ประกอบไปด้วยลูกแม่โดมถึง 12 คน "สวัสดี...แคมปัส" จึงเลือกพูดคุยกับผู้ที่เป็นตัวแทนทีมเชียร์ลีดเดอร์

เริ่มที่หัวหน้าเชียร์ลีดเดอร์ รุ่นที่ 67 "โบว์ กมลชนก สุทธิโก" นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ที่เคยเป็นถึงอดีตหัวหน้าทีมเชียร์ลีดเดอร์รุ่นที่ 65 มาแล้วครั้งหนึ่ง เห็นทีลีลาทีมเชียร์ของธรรมศาสตร์ปีนี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เมื่อมีหัวโขนมากประสบการณ์ ผ่านกิจกรรมมาขนาดนี้ รับรองได้เลยว่าศักยภาพลีดปีนี้ ไม่แพ้รุ่นที่ผ่านมาเด็ดขาด

"มิ้ง ธนกฤต กิตติ์ธนาเดชากร" นักศึกษาปี 2 คณะนิติศาสตร์

"พลอย วาสนา สิริภาณุพงศ์" นักศึกษาปี 4 คณะศิลปศาสตร์

ต่อกันที่ "เบสท์ ณภัทร์ เลาหพัชรินทร์" หนุ่มนักศึกษาปี 3 แห่งคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา กล่าวกับ "สวัสดี...แคมปัส" ว่า ที่ผ่านมาเราเหนื่อยกับการฝึกซ้อมมาก แต่ถึงเหนื่อยอย่างไร พวกเราก็ต้องสู้ เพราะใกล้จะถึงวันจริงแล้ว และถึงเราจะนอนไม่พอ แต่เราจะทำเต็มที่ เนื่องจากอยากให้งานออกมาดีที่สุด

"สัมโอ สุรวี มณีรัตน์" นักศึกษาปี 3 คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์

"ภพ ศกลภพ กิตติวราวุฒิ" นักศึกษาปี 1 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี

ด้าน "ข้าวโอ๊ต ภัทราณี จารุวรรณสถิต" สาวปี 4 คณะศิลปศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษ เผยว่า "ตอนนี้มีความพร้อมเต็ม 100% เพราะเราซ้อมหนักมาก ตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึงตี 1 แต่บางวันเลิกเกือบตี 2 ก็รู้สึกเหนื่อย แต่ก็พยายามเต็มที่ เพราะคาดหวังให้เพื่อนๆ ทั้งจุฬาฯ และธรรมศาสตร์ มาขึ้นสแตนด์กันเยอะๆ และยิ่งปีนี้เราเป็นเจ้าภาพ ยิ่งต้องเตรียมพร้อมมากๆ เพื่อให้งานผ่านพ้นไปด้วยดี"

"ปิง วรพจน์ กิ่งแก้วก้านทอง" นักศึกษาปี 4 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ภาคภาษาอังกฤษ

"จ๋า ณิชนันทน์ สาริบุตร" นักศึกษาปี 4 คณะรัฐศาสตร์

ขณะที่หนุ่มสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง เฟรซซี่ปี 1 "นัท ธนัท เทียรธัชไชย" บอกว่า ช่วงนี้เราต้องแบ่งเวลาเรียนออกไปเพื่อไปทำกิจกรรม โดยในช่วงเช้าเราจะเรียนหนังสือ และช่วงเย็นจะฝึกซ้อมเชียร์ ก็ยอมรับว่ากระทบการเรียนบ้าง นอกจากนี้เรายังต้องแบ่งเวลาให้ลงตัว เพื่อให้มีเวลานอนด้วย แต่ถึงอย่างไรพวกเราจะไม่ย่อท้อ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำให้ดีที่สุด"

"เอิ๊ก อัครพล เอกอรรถพร" ปี 3 คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา

ส่วน "บอนน์ สุมิตา จันทโร" สาววารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนภาคภาษาอังกฤษ กล่าวว่า การที่ได้โอกาสมาเป็นเชียร์รีดเดอร์ได้อะไรหลายอย่างๆ และมีส่วนช่วยให้ตัวเองรับผิดชอบและมีวินัยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการฝึกซ้อมเชียร์ เปรียบเสมือนการทำงานเป็นทีม ที่ฝึกให้ทุกคนมีความสามัคคี เช่น ถ้าเราไปสาย เพื่อนก็จะโดนลงโทษด้วย และเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด เวลาเรียนจึงต้องเรียนเต็มที่ เวลานอนก็ควรนอน ซึ่งเหมือนได้ฝึกฝนตัวเองไปในตัว แถมยังต้องเสียสละเวลาส่วนตัว มาทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์เพื่อมหาวิทยาลัยด้วย.

ข่าวจาก ไทยรัฐ