สลด! รถพ่วงจะไปรับเอทานอลที่สระแก้ว ซิ่งชนรถเก๋งรอเข้าด่าน ตร.ทางหลวง บนถนนสุวรรณศรเขตกบินทร์บุรี แล้วยังเลยไปชน ตร.เสียชีวิต 1 นาย อ้างหลับในทำให้มองไม่เห็น...
เมื่อวันที่ 18 ก.ค. พ.ต.ท.ถาวร สุขสารพันธ์ ร้อยเวร สภ.กบินทร์บุรี รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บนถนนสุวรรณศร หลักกิโลเมตรที่ 191-192 หมู่ 15 ต.นนทรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จึงนำกำลังพร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วงขนส่งน้ำมัน ยี่ห้อ SCANIA ทะเบียนตัวแม่ 70–3494 สระบุรี ตัวพ่วงทะเบียน 70–3599 อยุธยา ของบริษัท ธนวัชรัตนมงคลขนส่ง จำกัด สภาพส่วนหัวทับอยู่บนรถกระบะอีซูซุ ทะเบียนป้ายแดง ธ 9899 กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหาย ห่างออกไปพบรถเก๋งฮอนด้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กจ 6886 สระบุรี สภาพได้รับความเสียหายเล็กน้อย นอกจากนั้น ยังมีตำรวจทางหลวงคือ ด.ต.นพพร เกิดทรัพย์ อายุ 40 ปี ผบ.หมู่ ธุรการ ส.ทล.5 กก. 3 บก.ทล. ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาลกบินทร์บุรี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ด.ต.นพพร พร้อมด้วยตำรวจทางหลวงสังกัดเดียวกัน ประกอบด้วย ด.ต.ธงชัย ชมพูนุช ด.ต.สมศักดิ์ ผิวอ่อน และ ด.ต.สุรพล อ่อนละมูล ออกปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจ ต่อมารับแจ้งมีรถพ่วงบรรทุกน้ำมันขับแข่งกับรถบัสโดยสาร จึงส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวชะลอความเร็ว ปรากฏว่ารถพ่วงบรรทุกน้ำมันพุ่งชนกรวยยางบนถนน และเฉี่ยวชนรถเก๋งฮอนด้า ซึ่งมี นายธนวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145 หมู่ 4 ต.บ้านลำ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี ที่กำลังวิ่งเข้าจุดตรวจ แล้วพุ่งชน ด.ต.นพพร จนล้มศีรษะฟาดพื้น ก่อนยังพุ่งชนและทับรถกระบะอีซูซุ มีนายธวัชชัย คล่องใจ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 3 ต.คำโตนด อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ที่กำลังเคลื่อนออกจากจุดตรวจ พร้อมลากไปประมาณ 40 เมตร
นาย ณรงค์ชัย ใจเย็น อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/4 หมู่ 6 ต.หนองยายโต๊ะ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นคนขับรถพ่วงบรรทุกน้ำมัน กล่าวว่า ขับรถพ่วงบรรทุกน้ำมันออกจาก จ.สระบุรี ตั้งแต่เวลา 04.00 น. วันที่ 18 ก.ค. มุ่งหน้าไปรับเอทานอลที่ จ.สระแก้ว เมื่อถึงที่เกิดเหตุหลับใน ทำให้ไม่เห็นตำรวจโบกรถให้หยุด เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถเก๋งฮอนด้าและรถกระบะอีซูซุ พร้อมชนตำรวจทางหลวงเสียชีวิต ตำรวจจึงควบคุมตัวไปดำเนินคดีที่สภ.กบินทร์บุรี โดยตั้งข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นเสียหาย มีผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและถึงแก่ความตาย.
http://www.thairath.co.th/content/region/187294