กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ผีดุต้อนวีแกน 4-0 ผงาดแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ "ปีศาจแดง" แมนฯยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มดุเป็นฝ่ายไล่ต้อน วีแกน เละเทะ 4-0 ในศึกคาร์ลิ่ง คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามมิลเลนเนี่ยม สเตเดี้ยม เมื่อคืนวันอาทิตย์ (26 พ.ย.) ผงาดคว้าแชมป์ลีก คัพมาครองเป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร
ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ รอบชิงชนะเลิศ
แมนฯยูไนเต็ด 4 วีแกน 0 ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ รอบชิงชนะเลิศที่สนามมิลเลนเนี่ยม สเตเดี้ยม แมนฯยูไนเต็ด ลงสนามพบกับ วีแกน ที่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ในส่วนของตัวผู้เล่น "ปีศาจแดง" ได้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กลับมาคุมแผงหลัง แต่ไม่มี รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่เป็นเพียงตัวสำรองส่ง หลุยส์ ซาฮา ลงเล่นแทน ส่วน วีแกน ได้ สเตฟาน อองโชซ์ ผ่านความฟิตทันเวลา
ออสตาร์ทเกมขึ้นมา แมนฯยูไนเต็ด เปิดฉากบุกทันทีและมีโอกาสลุ้นตั้งแต่ช่วง 5 นาทีแรก เมื่อ เวย์น รูนี่ย์ ได้จังหวะโขกในกรอบเขตโทษ ทว่าบอลไปชนคานอย่างน่าเสียดายทั้งที่ ไมเคิล โพลิตต์ หมดสิทธิ์ป้องกันไปแล้ว
ผ่านไป 10 นาทีทั้งสองทีมเริ่มเปิดเกมรุกแลกหมัดกันและในนาทีที่ 13 แมนฯยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูออกนำอย่างที่สุด เมื่อ ไรอัน กิ๊กส์ ไหลให้ หลุยส์ ซาฮา กระชากเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษทว่าติดมือของ โพลิตต์ อย่างไรก็ตาม โพลิตต์ ได้รับบาดเจ็บซ้ำในจังหวะนี้จนเล่นต่อไม่ไหว วีแกน ต้องส่ง จอห์น ไฟแลน ลงมาเฝ้าเสาแทน
เกมรุกของ แมนฯยูไนเต็ด ดูวูบวาบน่ากลัวเล่นงาน วีแกน จนปั่นป่วน อย่างไรก็ตาม วีแกน มามีโอกาสครั้งแรกในนาทีที่ 22 จากการยิงไกลของ จิมมี่ บุลลาร์ด ลูกพุ่งตกพื้นก่อนแต่ยังไม่ผ่านมือ ฟาน เดอ ซาร์
หลังจากเร่งเกมตั้งแต่ช่วงต้นเกมทั้งสองฝ่ายผ่อนเครื่องลงไปเน้นความแน่นอนกันมากขึ้น และพอถึงนาทีที่ 33 แมนฯยูไนเต็ด มาได้ประตูออกนำจากลูกที่ ซาฮา โหม่งชงไปข้างหน้า ทว่า ชิมบงด้า และ เดอ ซูว์ กะจังหวะพลาดชนกันเอง ปล่อยให้ เวย์น รูนี่ย์ ฉกเข้าไปยิงผ่านมือ ไฟแลน ซุกก้นตาข่าย
โดนไปก่อน วีแกน เร่งเกมทันที แต่การต่อบอลยังขาดความแม่นยำเลยไม่มีโอกาสสับไกยิงมากนัก ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด ประคองสถานการณ์รักษาสกอร์ออกนำ 1-0 ไว้จนจบครึ่งแรก กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวเพิ่มเติม โดย วีแกน หันมาเปิดเกมรุกเต็มตัว และมาได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะ 30 หลาตั้งแต่นาทีที่ 48 แต่ลูกสูตรที่หลอกให้ เบนส์ ยิงยังไปติดกำแพง จากนั้นอีก 3 นาทีต่อมา อองรี กามาร่า แตะหลบ ริโอ เฟอร์ดินานด์ จนหลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ ทว่า ฟาน เดอร์ ซาร์ เซฟเอาไว้ได้
รูปเกมในช่วงนี้ วีแกน ทำได้เหนือกว่า แมนฯยูไนเต็ด เล็กน้อย แต่กลับเป็นลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่อาศัยการโต้กลับเร็วจนมาได้ประตูที่สองในนาทีที่ 55 เมื่อ โรนัลโด้ จ่ายให้ แกรี่ เนวิลล์ เติมขึ้นมาที่ริมเส้น ก่อนจะปาดเรียดไปที่เสาสองมี หลุยส์ ซาฮา แปซุกก้นตาข่ายโล่งๆ สกอร์ขยับ 2-0
วีแกน ไม่มีอะไรจะเสียต้องเดินหน้าบุกต่อสถานเดียว ทว่าความผิดพลาดของ สเตฟาน อองโชซ์ ที่เตะทิ้งออกมาไม่ดีไปเข้าทาง หลุยส์ ซาฮา ก่อนที่กองหน้าชาวฝรั่งเศสจะจ่ายให้ โรนัลโด้ ยิงเข้าไป แมนฯยูไนเต็ด นำห่าง 3-0 ในนาทีที่ 59
จากนั้นไม่นานสกอร์ก็ไหลโดยในนาทีที่ 61 แมนฯยูไนเต็ด มาได้ประตูที่ 4 เป็น ไรอัน กิ๊กส์ เปิดฟรีคิกเข้ากลางมีกองหลังขึ้นโขกแต่สกัดไม่ขาดไปเข้าทาง เวย์น รูนี่ย์ ตวัดยิงจ่อๆเข้าไปอีก ถัดมา วีแกน ส่ง ลี แม็คคัลลอช ลงมาแทน สเตฟาน อองโชซ์
ในช่วง 25 นาทีสุดท้าย วีแกน เหมือนถอดใจเล่นไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ แมนฯยูไนเต็ด เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า ก่อนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะส่ง คีแรน ริชาร์ดสัน ลงมาแทน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาทีที่ 74 จากนั้นครบ 90 นาที แมนฯยูไนเต็ด เอาชนะไปขาดลอย 4-0
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม แมนฯยูไนเต็ด - เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, แกรี่ เนวิลล์, จอห์น โอเชีย, มิกาแอล ซิลแวสตร์, ไรอัน กิ๊กส์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ปาร์ค จี ซอง, เวย์น รูนี่ย์, หลุยส์ ซาฮา วีแกน - ไมเคิล โพลิตต์, เลจ์ชตัน เบนส์, ปาสกาล ชิมบงด้า, อาร์ยัน เดอ ซูว์, สเตฟาน อองโชซ์, พอล สชาร์เนอร์, จิมมี่ บุลลาร์ด, เกรแฮม คาวานาจช์, อองรี กามาร่า, เจสัน โรเบิร์ต, แกรี่ ทีล
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|