กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ล่าสุด(6 ธ.ค. 61) Café Con Leche Index ของสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ขณะนี้ราคากาแฟต่อแก้วในเวเนซุเอลาพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อถึง 285,614% ภายในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาอยู่ที่แก้วละ 40 ล้านโบลิวาร์เดิม หรือเท่ากับ 400 Sovereign Bolívar ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
นี่คือ TimeLine ของวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศเวเนซุเอลา ซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ 80,000% และคาดการณ์ว่าถ้าสถานการณ์อาจจะยังเลวร้ายได้ถึงเงินเฟ้อ 1,000,000% ได้
วิกฤตของเวเนซุเอลาเกิดจากอะไร ทำไมถึงเลวร้ายได้ขนาดนี้ ต้องย้อนกลับไปยาวเลยทีเดียว
– ในช่วงต้นยุค 1900 การค้นพบแหล่งน้ำมันในเวเนซุเอลา ทำให้ประเทศนี้มีการริเริ่มอุตสาหกรรมส่งออกน้ำมัน
– ตลอดสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ประเทศเวเนซุเอลากลายเป็นแหล่งน้ำมันหลักของสหรัฐอเมริกาในการทำสงคราม
– มีการค้นพบว่าแหล่งน้ำมันของเวเนซุเอลา คือแหล่งขนาดใหญ่ที่สุดของซีกโลกตะวันตก ซึ่งสามารถใช้ได้อีกนับ 100 ปี
– การเปลี่ยนแปลงสำคัญของอุตสาหกรรมน้ำมันในเวเนซุเอลา เกิดขึ้นเมื่อปี 1976 เมื่อประธานาธิบดีคาร์ลอส เปเรซ ออกนโยบายยึดธุรกิจพลังงานเอกชน กลับมาเป็นของรัฐ
– จากนั้นตั้งหน่วยงาน Petroleos de Venezuela S.A. เพื่อควบคุมกิจการพลังงานในประเทศทั้งหมด
– อาจจะเป็นไอเดียที่ฟังดูเข้าท่า ยึดแหล่งทำเงินกลับมา เอารายได้เข้ารัฐ จากนั้นหมุนกลับไปยังประชาชนผ่านโครงการต่างๆ ของรัฐบาล รวยกันทั้งประเทศแหละทีนี้
– ด้วยการเติบโตของกลุ่มประเทศ OPEC และความต้องการน้ำมันที่พุ่งสูงทั่วโลก ประเทศเวเนซุเอลาร่ำรวยขึ้นมหาศาล
– แต่ถ้าโครงการนั้นเป็นโครงการพวก ยกระดับการศึกษา หรือส่งเสริมสุขภาพ ก็จะช่วยพัฒนาบุคลากรในประเทศ นำความรู้ไปหารายได้เข้าประเทศจากช่องทางอื่นๆ
– แต่รายได้มหาศาลพวกนั้น กลับถูกนำไปใช้กับโครงการโปรยเงิน จนชาวเวเนซุเอลาเริ่มเสพติดการได้เงินสบายๆ โดยไม่รู้ตัว
– เมื่อรัฐบาลหนึ่งทำโครงการแจกจ่าย แถมนำของเอกชนกลับเข้าสู่รัฐแล้วได้ผลตอบรับดี นักการเมืองคนอื่นๆ ก็สรรหานโยบายเหล่านี้ เพื่อหวังคะแนนเสียงของประชาชน
– วิกฤตกำลังเริ่มต้นขึ้นเหมือนมะเร็งร้าย แต่แทนที่จะรักษา พวกเขากลับปล่อยให้ลุกลามไปอีก
– โดยเฉพาะในยุคของรัฐบาลฮูโก้ ชาเวซ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในปี 1999
– เขาริเริ่มโครงการนับพัน ซึ่งทำเพื่อเอาใจฐานเสียงส่วนใหญ่ กลายเป็นโครงการในลักษณะของการแจกเงินอย่างไร้ประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น..
– โครงการบ้านพักราคาถูก ซึ่งเป็นการสร้างบ้านราคาต่ำกว่าท้องตลาด และโครงการร้านค้ารัฐบาลขายสินค้าถูกกว่าทุน แต่อยู่ได้เพราะมีเงินจากน้ำมันมาอุดหนุน
– ผลกระทบตามมาทันที เมื่อร้านค้ารัฐบาลขายของถูก ธุรกิจจะอยู่ได้อย่างไร จนมีหลายกิจการต้องปิดตัวไป หรือถูกรัฐเข้าควบคุมเพื่อเอามาผลิตของขายเอง
– การตรึงราคาสินค้าบางตัว ทำให้ผู้ผลิตไม่เอามาขายเพราะจะขาดทุน ขณะที่คนซื้อก็อยากได้ จึงเกิดการเอาไปซื้อขายใน “ตลาดมืด” ด้วยราคาที่แท้จริง
– การกำหนดค่าเงินต่างประเทศเอง ส่งผลให้สินค้าในท้องตลาดไม่สะท้อนความเป็นจริง แถมยังเกิดการขาดแคลนเงินสกุลต่างประเทศ จนคนต้องไปแลกกันใน “ตลาดมืด” เช่นกัน
– การอุดหนุนราคาพลังงาน จนคนในประเทศใช้เผาผลาญอย่างสิ้นเปลือง เพราะต่อให้ใช้มากเพียงใด ก็จ่ายเงินซื้อพลังงานไม่ต่างจากได้ฟรี
– นี่เป็นเพียงแค่นโยบายบางส่วนที่ในรูปแบบสังคมนิยมจากกว่า 1,000 โครงการของรัฐบาลชาเวซ
– ส่งผลให้ชาเวซกลายเป็นเทพเจ้าของชาวเวเนซุเอลา แต่แท้จริงแล้วเขากลับเป็นคนสร้างเนื้อร้ายในประเทศไว้เช่นกัน
– ประเทศซึ่งมีลักษณะเป็นคอมมิวนิสต์มากขึ้น หันหน้าหนีจากอเมริกา ผูกมิตรกับทางฝั่งจีนและรัสเซีย
– รัฐบาลชาเวซเหมือนจะรู้ตัวว่าไม่สามารถยกเลิกนโยบายอะไรได้เลย และปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลหลายชุด ร่วมกันก่อไว้ตั้งแต่ยุค 1970 ก็เริ่มส่งผล
– เมื่อกิจการน้ำมันของ Petroleos de Venezuela S.A. ประสบภาวะขาดทุน จากการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพ (ลองนึกว่าเป็นกิจการรัฐ เงินเดือนสูง สวัสดิการดี ใครๆ ก็อยากใช้เส้นยัดลูกหลานตัวเองเข้าไป)
– เวเนซุเอลาต้องกู้เงินจากจีนและรัสเซีย เพื่อมาชดเชยส่วนที่ขาดทุนไป
– แทนที่จะยกเลิกนโยบายบางตัวที่เป็นปัญหา เพราะถ้าเลิกโครงการ คนก็จะไม่พอใจ ออกมาประท้วง คะแนนเสียงก็จะตก
– ปี 2013 นายชาเวซเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง โดยเลือกนายมาดูโร่ ขึ้นมาเป็นผู้นำแทน
– ราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2014 ทำให้รายได้ของเวเนซุเอลาที่ผูกกับน้ำมันแทบจะ 100% ยิ่งแย่ลงไปใหญ่
– สถานะของผู้นำตอนนี้ ไม่เหมือนกับนายชาเวซอีกแล้ว เขาไม่ใช่เทพเจ้าในสายตาของใครหลายๆ คน ซ้ำร้ายกับเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้นของประเทศ
– ปี 2015 พรรคฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1999
– แต่ศาลเวเนซุเอลา กลับมีมติสั่งให้นายมาดูโร่อยู่ในตำแหน่งต่อไป
– เกิดการประท้วงทางการเมืองในประเทศ บานปลายรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตนับร้อยคน
– ปี 2016 ราคาน้ำมันยังคงลดลงต่อเนื่อง
– สถานการณ์ภายในประเทศก็วิกฤตถึงขีดสุด หน่วยงานรัฐแทบจะไม่มีเงินมาจ่ายเงินเดือนคนงาน ถึงขั้นต้องให้หยุดงาน โดยมาทำแค่สัปดาห์ละ 2-3 วัน
– ระบบเศรษฐกิจของประเทศแทบหยุดชะงัก คนในประเทศก็แทบจะทำอะไรไม่ได้
– ภาคการผลิตก็เป็นรัฐคุมไว้หมดแล้ว คนทำเกษตรก็กลายเป็นที่ดินของรัฐ พอรัฐถังแตกไม่จ้างงาน แล้วพวกเขาจะทำไปทำไมกันล่ะ!?
– การล่มสลายทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประเทศเวเนซุเอลามีคนแค่ 2 ชนชั้น ก็คือคนรวยมาก และคนจนที่ไม่มีอันจะกิน (ซึ่งแรงงานชนชั้นกลาง กลายมาเป็นกลุ่มหลังแทบจะทั้งหมดแล้ว)
– รัฐบาลมาดูโร่ พยายามแก้ปัญหาเงินเฟ้อหลายวิธี ทั้งการเพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำ 30 เท่า ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
– ทั้งการสร้างเงินสกุลใหม่ที่มีค่ามากกว่าเงินสกุลเดิม 100,000 เท่า เพื่อให้คนไม่ต้องขนเงินเป็นกระสอบไปซื้อของ
– ด้วยความที่เขาไม่อยากเป็น “ประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ 50 ปีของเวเนซุเอล่า ที่ตัดโครงการประชานิยมทิ้ง”
ทำให้รากที่ฝังลึกของปัญหาดังกล่าว ก็ยังไม่ถูกแก้ออกไป…
ปัจจุบัน คนจนในเวเนซุเอล่า ต้องเลือกระหว่าง จะเป็นพวกแบมือขอ หรือจะเป็นพวกดิ้นรนไปตายเอาดาบหน้า
คนเวเนซุเอล่า 3-4 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดราว 32 ล้านคน ทำการอพยพลี้ภัยไปยังประเทศข้างเคียงอย่างบราซิล หรือโคลัมเบีย
ซึ่งผู้อพยพก็จะมีทั้งคนที่หวังมาสร้างตัวในประเทศใหม่ พวกนี้ไม่สร้างปัญหาอะไร แต่ก็มีทั้งคนที่เข้าไปก่อความเดือดร้อนในประเทศปลายทางด้วย
ในบราซิล ถึงขั้นมีการตั้งกลุ่มไปทำลายบ้านพักของผู้อพยพชาวเวเนซุเอล่า หลังจากที่มีข่าวว่าผู้อพยพบางคนไปปล้นร้านค้าของชาวบราซิล
ขณะที่ตามท้องถนนในบางเมือง ก็มีผู้อพยพเร่ร่อนชาวเวเนซุเอล่า ที่ไม่มีแม้กระทั่งที่ซุกหัวนอนนับพัน
ปัญหาผู้อพยพชาวเวเนซุเอลา กลายเป็นการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตก เป็นรองเพียงปัญหาผู้อพยพชาวซีเรียจากตะวันออกกลางไปยุโรปเท่านั้น
โดยที่ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและการประท้วงในเวเนซุเอลา ก็ไม่ได้มีท่าทีจะทุเลาลงแต่อย่างใด
ล่าสุด(6 ธ.ค. 61) Café Con Leche Index ของสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ขณะนี้ราคากาแฟต่อแก้วในเวเนซุเอลาพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อถึง 285,614% ภายในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาอยู่ที่แก้วละ 40 ล้านโบลิวาร์เดิม หรือเท่ากับ 400 Sovereign Bolívar ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
การปรับตัวดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากการตัดสินใจปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร เป็นครั้งที่ 6 แล้วในปีนี้ นอกจากนี้การตัดสินใจพิมพ์ธนบัตรเพิ่มยังส่งผลทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในตลาดมืดของเวเนซุเอลาเคยพุ่งสูงแตะถึง 526 Sovereign Bolívar ต่อ 1 ดอลลาร์มาแล้ว
ที่มา:
http://www.investerest.co/economy/venezuela-crisis/
www.aljazeera.com/indepth/features/2017/04/venezuela-happening-170412114045595.html
www.facebook.com/nongposamm/posts/1824701557796259
www.bbc.com/thai/international-40814182
www.washingtonpost.com/world/2018/08/23/venezuelas-refugee-exodus-is-biggest-crisis-hemisphere
https://www.billionaireth.com/what-happen-in-venezuela/?fbclid=IwAR3QmrBpzgGbd7r6p66M6RyBkZr2PAz1orlst-O6uwL52iUZwGK1k2f5gqg
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|