ช่วงเวลา 4 ปีในมหาวิทยาลัยมีค่าสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจมาก เพราะมีทั้งความช่วยเหลือและเครือข่ายที่สนับสนุนการเริ่มต้นธุรกิจมากมาย
หลายๆ คนมีความฝันที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเองตั้งแต่สมัยเรียน แต่หลายคนก็กลับมักจะตั้งเงื่อนไขให้กับตัวเองว่าไว้รอให้เรียนจบก่อนแล้ว ค่อยเริ่มต้น ทั้งที่จริงแล้วช่วงเวลา 4 ปีในมหาวิทยาลัยนั้นมีค่าสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจมาก เพราะช่วงเวลาการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยมีทั้งความช่วยเหลือและสิ่งที่สนับ สนุนเรามากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม งานสัมมนาต่างๆ ที่ทำให้เราได้พบปะกับผู้คนในวงการธุรกิจที่เราสนใจ ซึ่งสามารถสร้างโอกาสและช่องทางในการทำธุรกิจของเราได้ อีกทั้งยังมีความช่วยเหลือจากอาจารย์ที่ปรึกษาที่คอยแนะนำสิ่งต่างๆ ให้เรามากมาย รวมถึงโอกาสในการเข้าไปเสนองานให้กับผู้มีประสบการณ์ในด้านต่างๆ อีกด้วย
และยิ่งเมื่อนำสิ่งที่เรามีในช่วงมหาวิทยาลัยมาวิเคราะห์แล้วนำไปเทียบกับทฤษฏีของ Business Mix Model (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://incquity.com/articles/business-mix ) ที่อธิบายถึงปัจจัย 5 ท. ในการทำธุรกิจ นั่นก็คือ ทำเล ทีม ทุน ทาง และทักษะบริหาร แล้วเราจะพบว่าเราสามารถหา 5 ปัจจัยเหล่านี้ได้อย่างครบถ้วนในช่วงชีวิตมหาวิทยาลัยนี้แล้ว และการเริ่มต้นธุรกิจในวัยเรียนก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย
1. ทำเล
Startups วัยเรียนอาจใช้หอพัก บ้าน สถานที่ในมหาวิทยาลัย หรือร้านกาแฟในการประชุมงาน
หัวข้อแรกนี้อาจเป็นเรื่องยากสำหรับธุรกิจทั่วไป เพราะต้องคำนึงถึงสิ่งต่างๆ มากมายในเรื่องของสถานที่ที่ต้องจัดหาเป็นกิจจะลักษณะเพื่อการทำงานอย่างมือ อาชีพ แต่ทว่าสำหรับ startups ในวัยเรียนที่เริ่มต้นทำธุรกิจแบบง่ายๆ แล้ว อาจใช้หอ บ้าน ในมหาวิทยาลัยหรือแม้แต่ร้านกาแฟเป็นที่รวมตัวเฉพาะกิจกันได้เวลาที่ต้อง ประชุมงานหรือสรุปงานกัน หรือถ้ามีทีมอยู่แล้วการลงทุนเช่าห้องเพื่อรวมตัวกันอยู่สักห้องเพื่อให้ได้ ทำงานร่วมกันได้ตลอดเวลาก็เป็นอีกตัวเลือกที่เสียค่าใช้จ่ายไม่มากและน่า สนใจไม่น้อยเลย
2. ทีม
สำหรับการทำธุรกิจทั่วไปนั้น ก็มีการหาทีมในรูปแบบของการรับสมัครคนเข้าทำงาน หรือไม่ก็ร่วมหุ้นกับคนรู้จักที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ซึ่งในวัยเรียนนั้นก็ไม่ต่างกันมาก เพราะการทำโปรเจ็คต่างๆ ร่วมกันกับเพื่อนๆ หลายๆ งาน จะทำให้เราได้รู้ถึงลักษณะการทำงานและนิสัยของเพื่อนๆ แต่ละคนได้ไม่ยาก การเลือกผู้ร่วมทีมเพื่อเริ่มต้นธุรกิจจากเพื่อนๆ เหล่านี้จึงเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
ค่าย YWC เป็นกิจกรรมที่รวมตัวผู้ที่สนใจการทำเว็บไซต์ในสาขาต่างๆ ครบทุกด้านมาทำเวิร์กชอปกัน
แต่ถ้าหากยังหาเพื่อนร่วมคณะที่ถูกใจหรือแนวคิดตรงกันไม่ได้ ก็มีงานสัมมนาหรือกิจกรรมต่างๆ อีกมากมายสำหรับนักศึกษาที่ใช้รวมตัวคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน อย่างเช่น ค่าย YWC (Young Webmaster Camp) ที่เป็นกิจกรรมที่รวบรวมผู้ที่สนใจการทำเว็บในสาขาต่างๆ ครบทุกด้านเพื่อมาทำเวิร์กชอปเว็บไซต์กันในช่วงเวลา 4 วัน ซึ่งในค่ายนี้เราก็จะได้พบกับเพื่อนๆ ที่สนใจในการทำเว็บเหมือนกัน จึงเป็นเรื่องไม่ยากเลยถ้าหากเราจะมาหาแนวร่วมในค่ายหรืองานอีเวนต์ต่างๆ ที่รวมตัวผู้ที่สนใจในสิ่งเดียวกันเช่นนี้
โอกาสที่จะได้ทีมดีๆ บางครั้งก็อยู่ใกล้มือ หรืออาจอยู่ไกลออกไปหน่อยอย่างเพื่อนต่างสถาบัน ไปจนถึงการได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในกิจการที่กำลังโตผ่านการได้โอกาสพบเจอ และรู้จักนักธุรกิจจริงๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหนทางเสริมให้เกิดทีมได้ทั้งสิ้น และแน่นอนว่าโอกาสเหล่านี้เปิดกว้างให้กับนักศึกษา มากกว่าบัณฑิตจบใหม่
3. ทุน
ในโลกของการทำธุรกิจ ต้นทุนอาจหาได้จากแหล่งสินเชื่อต่างๆ หรือผู้ร่วมลงทุนที่มีมากมายเต็มไปหมด แต่สำหรับธุรกิจในวัยเรียนนั้นไม่สามารถขอกู้สินเชื่อได้เพราะยังไม่มีหลัก ฐานทางการเงินที่มากเพียงพอ และยังไม่มีความน่าเชื่อถือที่จะสามารถดึงดูดเหล่านักลงทุนให้เข้ามาร่วมลง ทุนได้ แต่ถ้าธุรกิจที่เราคิดนั้นไม่มีสเกลที่ใหญ่มาก การหยิบยืมเงินจากพ่อ แม่มาลงทุนก่อนก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แต่ถ้าไม่อยากจะรบกวนพ่อแม่ ก็อาจหันไปพึ่งทางมหาวิทยาลัยหรือคณะของเราแทน ด้วยการนำผลงานไปเสนอพร้อมกับลองขอทุนเพื่อมาสนับสนุนเพิ่มเติม
หรือถ้าเรามั่นใจว่าผลงานของเรานั้นมีคุณค่าเพียง พอและสามารถพัฒนาต่อไปได้ไกลในอนาคต ก็อาจนำผลงานเหล่านี้ไปเข้าประกวดในงานอีเวนต์ต่างๆ
หรือถ้าเรามั่นใจว่าผลงานของเรานั้นมีคุณค่าเพียงพอและสามารถพัฒนาต่อไป ได้ไกลในอนาคต ก็อาจนำผลงานเหล่านี้ไปเข้าประกวดในงานอีเวนต์ต่างๆ ที่จัดขึ้นอยู่บ่อยๆ โดยงานเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อให้บรรดา startups ไปเสนอผลงานหรือแสดงความคิดเพื่อให้บรรดาผู้ลงทุนสนใจและพร้อมที่จะควักเงิน ทุนมาให้กับเรา อย่างที่ผ่านมาก็มีงานที่ชื่อว่า ขุนศึก VS ซามูไร: First Thai-Japanese X-Culture ที่จัดโดย Software Park ของไทยร่วมมือกับ Samurai International ของญี่ปุ่น ที่ให้ startups คนไทยไปร่วมแข่งขัน Pitch งานให้กับนักลงทุนชาวญี่ปุ่น ได้แลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างเครือข่ายการตลาดและทางธุรกิจ โดยไอเดียที่ชนะในครั้งล่าสุดที่ผ่านมาก็คือ เว็บไซต์และแอพลิเคชั่นแนะนำร้านอาหารที่มีชื่อว่า Wongnai และในตอนนี้ยังมีเว็บไซต์ที่สนับสนุน Startups ในไทยอย่าง eggidea.com ที่สร้างคอมมิวนิตี้ของบรรดา startups ที่มาแชร์ไอเดีย แชร์ความรู้ และยังเป็นการสร้างเครือข่ายไปถึงนายทุนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ส่วนใครที่คิดว่านายทุนในไทยอาจไม่เพียงพอ อยากจะโกอินเตอร์ไปร่วมทุนกับต่างชาตินั้นก็ควรติดตามงาน Echelon เอาไว้ให้ดีๆ เพราะนี่คือการแข่งขันของ Startups ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียเลยก็ว่าได้ หากใครมีไอเดียดีๆ ที่น่าสนใจบวกกับสกิลภาษาอังกฤษที่อยู่ในเกณฑ์ดี ถือว่างานนี้เป็นอีกหนึ่งงานใหญ่ที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
4. ทาง
ทาง ในที่นี้หมายถึงหนทางในการสร้างหรือขยายธุรกิจออกไปนอกเหนือจากขอบเขตที่ เป็นอยู่ ซึ่งหนทางที่เรากำลังหานั้นก็คือการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจนั่นเอง ซึ่งถ้าเป็นธุรกิจทั่วไปการหาเครือข่ายอาจต้องพึ่งพาบรรดาการบอกต่อของผู้ลง ทุนหรือไม่ก็เข้าตลาดหุ้น แต่สำหรับนักศึกษานั้นสามารถเริ่มได้ง่ายๆ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากอาจารย์ที่ปรึกษาที่หรือสถาบันการศึกษาให้คอยส่ง เสริมและแนะนำเราให้กับนักลงทุน
หากต้องการพบปะเครือข่ายที่กว้างขึ้นเราก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมอีเวนต์ที่รวมพลชาวไอที่จัดขึ้นหลายงาน งานที่น่าสนใจเช่น YWC ซึ่งในงานนี้นอกจากจะได้ความรู้จากการลงมือทำเว็บกันจริงๆ ภายในเวลา 4 วันแล้ว เรายังได้มีโอกาสพบปะ พูดคุยกับพี่ๆ วิทยากรที่เป็นคนในวงการที่มีชื่อเสียงมากมาย และถ้าหากผลงานชิ้นไหนเข้าตาก็มีสิทธิ์ดึงตัวไปร่วมงานด้วยได้ง่ายๆ
หรือถ้าหากไม่สะดวกที่จะไปทำกิจกรรมแบบหลายๆ วันก็มีอีเวนท์แบบวันเดียวที่น่าสนใจมากมาย เช่น งาน Barcamp ที่รวมตัวบรรดาผู้ที่หลงใหลในอุปกรณ์เทคโนโลยีมาร่วมแสดงไอเดียความคิดตัว เอง จุดเด่นในงานคือมีวิทยากรที่เป็นคนในวงการเข้าร่วมมากมาย หรืองาน Webpresso ที่เป็นการชุมนุมแลกเปลี่ยนความรู้ทางเว็บต่างๆ แต่ละหัวข้อที่ผ่านมาก็น่าสนใจไม่น้อย เช่น เทคนิคการหางาน หรือการเพิ่มยอดผู้ใช้บริการเว็บนั้นทำได้อย่างไร ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมส่วนมากก็มีคนในวงการไอทีอีกเช่นกัน นอกเหนือจากงานเหล่านี้ก็ยังมีงานไอทีที่น่าสนใจที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่อีกมากมายที่พร้อมให้เราได้ไปเข้าร่วมแบบฟรีๆ อย่าง Web Wednesday งานกิจกรรมของ Google Event และอื่นๆ
5. ทักษะบริหาร
การเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่นค่ายหรือชมรมก็พอจะทำให้เราได้ฝึกฝนทักษะในการบริหารงานบ้าง นอกจากนี้การอ่านหนังสือเพิ่มพูนความรู้ก็จำเป็น
ทักษะบริหารคือความสามารถในการบริหารจัดการองค์ประกอบต่างๆ ในธุรกิจ มองภาพรวมของธุรกิจได้เฉียบขาด รวมถึงความสามารถในการตัดสินใจที่เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินทุนหมุนเวียน เรื่องของเวลา เรื่องการบริหารคน และอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราต้องคิดอยู่ตลอดเวลา สำหรับคนที่ยังไม่เคยบริหารอะไรมาก่อนอาจดูเป็นเรื่องยาก เพราะขาดความมั่นใจและความเด็ดขาดในการตัดสินใจ การหาหนังสือหรือศึกษาตามเว็บไซต์เกี่ยวกับการบริหารและการจัดการมาอ่านให้ มากๆ ก็จะช่วยให้เรามีหลักการและรู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรได้ง่ายขึ้น
หากอยากลองวิชาสักหน่อย ก็สามารถทำได้โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำค่าย ทำชมรมต่างๆ หรือเข้าร่วมกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะทำให้เราได้ลองบริหารงานบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารทีมงาน บริหารงบประมาณ การเงิน หรือการควบคุมระยะเวลาในการทำงาน ทักษะในการบริหารงานเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สามารถสร้างขึ้นจากประสบการณ์ตรงได้ แทบทั้งสิ้น เพียงแค่ลองลงมือทำก่อน แล้วเราก็จะได้ประสบพบเจอปัญหาด้านต่างๆ ในการบริหาร เช่น บริหารคนอย่างไร ซึ่งหลังจากผ่านประสบการณ์แก้ปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้เราเข้าใจในธุรกิจมากขึ้น
• • •
4 ปีในมหาวิทยาลัยเป็นเวลาอันแสนมีค่าเพราะเป็นช่วงที่เรามีโอกาสมากมายในการ หาปัจจัยมาทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ทำล ทีม ทุน ทาง หรือแม้แต่ทักษะการบริหาร สิ่งเหล่านี้มีพร้อมให้เราครบถ้วนอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องหาให้เจอและตัดสินใจลงมือทำให้เกิดขึ้น อย่าปล่อยให้ 4 ปีของเรานั้นเป็นแค่การเตรียมพร้อมความรู้และทักษะก่อนการทำงานจริงเท่านั้น เพราะเราทุกคนมีศักยภาพเพียงพอที่จะเริ่มต้นธุรกิจตัวเองในช่วงนี้ได้อย่าง ไม่ยาก
photo courtesy of RaeAllen
http://incquity.com/articles/student-startups
