|
|
|
|
|
เป็นเวลากว่า 10 ปีที่ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์พีซีทั่วโลกได้ใช้งาน ระบบปฏิบัติการ (โอเอส) ที่มีชื่อว่า วินโดวส์ เอ็กซ์พี (Windows XP) หรือที่ บริษัท ไมโครซอฟท์ ให้นิยามว่า เป็นระบบโอเอสที่ให้ประสบการณ์ใหม่ ในการใช้งานพีซีบนเทคโนโลยี 32 บิต หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้ใช้งานได้เปลี่ยนจากระบบโอเอส อาทิ วินโดวส์ 95 และ วินโดวส์ 98 มาแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่ไมโครซอฟท์ ออกชุดโอเอสใหม่มา วงการคอมพิวเตอร์ทั่วโลกต่างตื่นตัว เพื่อขานรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เสมอๆ และแล้วในวันที่ 30 มกราคม 2550 บริษัท ไมโครซอฟท์ ก็ได้เปิดตัวโอเอสตัวล่าสุด ที่จะเปลี่ยนมุมมองการใช้งานพีซีแบบเดิมของผู้ใช้งานทุกคน ด้วย ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ วิสต้า (Microsoft Windows Vista) หลังจากที่เป็นข่าวมานานในชื่อที่ผู้ใช้หลายคนเคยได้ยินอย่าง “ลองฮอร์น” ถือเป็นการก้าวเดินในเส้นทางใหม่ของ นายบิลล์ เกตส์ ชายผู้กุมทิศทางของวงการคอมพิวเตอร์โลก ที่ลุกขึ้นมาปฏิวัติหน้าตาของวินโดวส์ ที่ผู้ใช้งานกว่าพันล้านคนทั่วโลกคุ้นเคย ด้วยของใหม่ๆ เช่น หน้าต่างโปร่งแสง 3 มิติ แอโรว์ (Areo) แกตเจ็ท (Gadgets) ไซด์โชว์ (SideShow) การทำไลฟ์พรีวิว เป็นต้น นายแอนดรูว์ แม็คบีน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงเส้นทางของวินโดวส์วิสต้าว่า 10 ปีมาแล้วที่ไมโครซอฟท์ได้แนะนำ วินโดวส์ เอ็กซ์พี แก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ลองคิดดูว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วเกิดอะไร จำนวนผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ ในประเทศไทยมีเท่าใด ปริมาณผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ADSL มีกี่สาย เมื่อเทียบกับวันนี้จะเห็นว่า สิ่งที่ผลักดันให้ทุกอย่างที่กล่าวมา มีการพัฒนา คือ วินโดวส์ เอ็กซ์พี “ด้วยการเชื่อมต่อพีซีกับอุปกรณ์ไอทีต่างๆ กว่า 1.5 ล้านชนิด หรือการใช้เพื่อทำงานภาพถ่ายดิจิตอล ที่ผู้คนทั่วโลกสามารถแบ่งปันไฟล์ภาพเหล่านี้ การติดต่อสื่อสารกับผู้คนกว่า 7,500 ล้านคนด้วยโปรแกรม Instant Messaging ของ MSN หรือแม้แต่การเชื่อมพีซีเข้ากับอุปกรณ์สื่อสารพกพาอื่นๆ อาทิ พีดีเอโฟน หรือ UMPC: Ultra Mobile PC ทำให้เกิดความสนุกสนานจากการใช้งานและแบ่งปันข้อมูล แต่เมื่อ วินโดวส์ วิสต้า และไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ ซิสเต็ม 2007 เข้ามาสิ่งที่กล่าวมาจะถูกผนวกรวมเป็นดิจิตอลไลฟ์สไตล์ และทำให้เครื่องพีซีกลายเป็นของทุกคนในบ้าน” กก.ผจก. บริษัท ไมโครซอฟท์ฯ กล่าว นายแอนดรูว์ อธิบายต่อว่า 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ไมโครซอฟท์ได้นำเสนอนวัตกรรมด้านการออกแบบ ยูสเซอร์อินเตอร์เฟซ ที่จะเปลี่ยนโฉมการทำงานบนเดสก์ท็อป ตลอดจนการแสดงภาพ หรือ วิชชวล (Visual) ที่จะสร้างความตื่นเต้น และง่ายต่อการใช้งาน นอกจากนี้ ความสามารถใหม่ๆ ยังทำให้ใครๆ ก็สร้างและแบ่งปันข้อมูลดิจิตอล เช่น ภาพ ดนตรี และวิดีโอ ตลอดจนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบล็อก สร้างเว็บท่า และเล่นเกมออนไลน์ ทุกรูปแบบของความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ ดนตรี และภาพยนตร์ ในรูปแบบและเวลาที่ตัวเองต้องการ กก.ผจก. บริษัท ไมโครซอฟท์ฯ อธิบายอีกว่า ด้านการติดต่อสื่อสารจะสะดวก ง่ายดายยิ่งขึ้น โดยการใช้คอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลาง ในการติดต่อกับครอบครัว เพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมงาน ผ่านอีเมล์ เสียงและภาพ ยิ่งไปกว่านั้นยังจะช่วยทำให้การหาข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการง่ายยิ่งขึ้นทั้งรูปภาพ หรือ คลิปมีเดียต่างๆ ไม่ว่ามันจะเก็บไว้ที่ใดก็ตาม นอกจากนี้เวอร์ชั่นใหม่ วิสต้าและออฟฟิศ 2007 ยังนำเสนอความก้าวหน้าที่เพิ่มขึ้นในเรื่องความปลอดภัยส่วนตัวและครอบครัว โดยจะช่วยให้ผู้ปกครองดูแลเด็กๆ ในการใช้งานหรือท่องอินเทอร์เน็ตได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ตลอดจนปกป้องข้อมูลส่วนตัวของพวกเขา นายแอนดรูว์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ฟังก์ชันใหม่ Parental Controls ในวินโดวส์ วิสต้า ที่ใส่เพิ่มเข้ามานี้ จะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถดูแล จัดการการใช้งานอินเทอร์เน็ต และการเข้าใช้งานคอมพิวเตอร์ของเด็กๆ รวมทั้งเรียกดูรายงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่เด็กๆ เข้าชม และปริมาณการใช้งานคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ คุณสมบัติของ Windows Defender ยังช่วยปกป้องผู้บริโภค จากการโจมตีของบรรดาสปายแวร์ และเว็บไซต์ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ได้ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมไอทีในต่างประเทศ คาดการณ์ว่า วินโดวส์ วิสต้า จะส่งผลอย่างยิ่งต่อยอดขายของคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ โดยจากข้อมูลของ บริษัท ไอดีซี คาดการณ์ว่า การวางตลาดของวินโดวส์ วิสต้า จะช่วยให้เกิดการสร้างงานกว่า 150,000 ตำแหน่ง ในบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมไอที รายได้ของคู่ค้าทั่วโลกที่เกิดจากการวางจำหน่ายของสองผลิตภัณฑ์นี้คาดว่าจะสูงถึง 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ทุก 1 เหรียญสหรัฐที่ลงไปกับวิสต้า จะแปรเป็นเงิน 18 เหรียญสหรัฐแก่วงการไอที นอกจากนี้ ยังเป็นที่คาดกันว่า การวางจำหน่ายแก่ผู้บริโภคของวินโดวส์ วิสต้า นั้น จะทำให้เกิดการต่อยอดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ รวมทั้งอุปกรณ์และบริการด้านความบันเทิงอีกมหาศาล ปัจจุบัน มีอุปกรณ์ต่างๆ กว่า 1.5 ล้านรายการในตลาด ที่สามารถทำงานร่วมกับวินโดวส์ วิสต้าได้ และในจำนวนนี้มีกว่า 2,000 อุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองจากวินโดวส์ วิสต้า นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความเห็นว่า ปัจจัยที่จะทำให้ผู้บริโภคที่เปลี่ยนเครื่องพีซีใหม่ที่ใช้วิสต้า น่าจะมาจากเครื่องเก่าใช้โอเอสรุ่นเดิมที่เป็นวินโดวส์ 98 มานาน เพราะวิสต้าต้องการพีซีที่มีสมรรถนะค่อนข้างสูง เช่น โพรเซสเซอร์ อินเทล คอร์ ทู ดูโอ แรมตั้งแต่ 512 MB ขึ้นไป ทำให้เครื่องใหม่ที่ใช้วิสต้าได้จะอยู่ในราคาประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป ทำให้ผู้บริโภคกังวลเรื่องราคาของพีซีที่จะสูงขึ้น กก.ผจก.บริษัท อินเทล ให้ความเห็นเสริมว่า สุดท้ายเรื่องราคานี้ จะกลายเป็นแรงผลักดัน ให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น แรม และการ์ดจอภาพสมรรถนะสูงจะมีราคาถูกลง เพราะแม้แต่อินเทลก็กำลังจะมีซีพียูตัวโลว์เอนด์อย่าง เซเลรอน ที่จะสามารถใช้งานวินโดวส์ วิสต้า ระดับโฮม และสตาร์ทเตอร์ เอดิชั่นได้ โดยเชื่อว่าเมื่อถึงวันนั้นอาจจำให้ผู้บริโภคต้องคิดแล้วว่า จะเลือกซื้อเทคโนโลยีตัวล่าสุด หรือจ่ายเท่ากันได้มากกว่าแต่เป็นเทคโนโลยีเก่า ส่วนเรื่องแอพลิเคชันก็เชื่อว่าจะเป็นอีกแรงที่ทำให้มีการผลิตซอฟท์แวร์แบบ 64 บิตมาทดแทน 32 บิตของเก่าได้เร็วขึ้นด้วย ส่วน นายฐิตกร อุษยาพร ผู้อำนวยการ ฝ่าย OEM บริษัท ไมโครซอฟท์ฯ ให้ความเห็นว่า ในปี 2550 หลังจากวินโดวส์ วิสต้า ออกมาน่าจะเป็นผลดีกับทางธุรกิจไอทีโดยรวม เพราะจะทำให้เกิดการจ้างงาน อาทิ การฝึกอบรมผู้ใช้งานวินโดวส์ วิสต้า เป็นต้น อีกทั้งยังเข้ามาช่วยยุติสงครามราคาเครื่องพีซี ที่ทุกวันนี้ผู้ประกอบการต้องรับผลกระทบจาก ค่าใช้จ่ายในด้านบริการหลังการขาย เพื่อแก้ไขปัญหาบนเครื่องที่ลูกค้าส่งซ่อม จากปริมาณลูกค้าที่มากขึ้นเพราะขายของถูก ดังนั้น วิสต้า จะมาเป็นสิ่งที่สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ธุรกิจขายคอมพิวเตอร์ ผอ.ฝ่าย OEM บริษัท ไมโครซอฟท์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้บริโภคที่ซื้อวินโดวส์แท้ สามารถมั่นใจได้ว่า โปรแกรมที่ใช้งานจะสามารถเล่นได้ทุกฟังก์ชัน ส่วนผู้ที่ใช้ของปลอมนั้น ทางไมโครซอฟท์ก็มีวิธีจัดการ อาทิ ลบตัวเลขกล่องโปรแกรมเถื่อนออกจากระบบ รวมถึงปิดฟังก์ชันบางอย่าง โดยเฉพาะวิสต้าที่เป็นรุ่น Ultimate จะไม่สามารถเปิด Aero3 มิติได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ผู้บริโภคก็ฉลาดพอสมควร และทางร้านขายพีซีก็มีซอฟท์แวร์แท้ให้เลือกใช้งานด้วยเช่นกัน ความเห็นและข้อมูลทั้งหมดจากผู้ที่เกี่ยวข้อง คงพอช่วยให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน ได้เข้าใจถึงเทคโนโลยีตัวล่าสุด ที่จะมาพลิกหน้าประวัติศาสตร์ ของวงการคอมพิวเตอร์อีกครั้ง เพราะไม่ว่าจะเป็นมุมใดๆ ในโลกขณะนี้กำลังจับจ้องปรากฏการณ์ครั้งสำคัญตรงนี้ ดูได้จากข่าวที่ในสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น มีคนเข้าไปต่อแถวเพื่อรอซื้อวินโดวส์ วิสต้ามาใช้งาน รวมทั้งความคาดหวังของวงการไอทีที่จะกลับมาคึกคัก และสร้างสีสันได้อีกครั้ง คำถามสำหรับผู้ใช้งานที่แสนดีอย่างคนไทย คือ ขณะนี้ ตัวเรานั้นพร้อมที่จะก้าวไปใช้งานเทคโนโลยีล่าสุดหรือยัง ตัวเครื่องที่ใช้อยู่รองรับของใหม่ได้หรือไม่ และความจำเป็นในการเอาไปใช้งาน หากไม่พร้อมวันนี้ก็ไม่ต้องรีบร้อนเสียเงินก็ได้ ลองไปใช้เครื่องเพื่อนที่ลงวินโดวส์ วิสต้าดูก่อน เพราะยังไงแล้วผู้ใช้งานทุกคน คงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงนี้แน่นอน… จุลดิส รัตนคำแปง itdigest@thairath.co.th
บทความจาก : ผู้จัดการออนไลน์
|
|
| |
|
|
|