e-wallet on Mobile แล้วการจ่ายเงินก็ง่ายกว่าที่คุณจะนึก
ใครๆ ก็ว่าชีวิตยุคใหม่เราต้องพึ่งพาแต่การ์ดพลาสติก ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต บัตรรถไฟฟ้า บัตรสมาร์ทการ์ด บัตรสมาชิกต่างๆ บัตรส่วนลด ถ้าขืนต้องพกบัตรทั้งหมดแถมยังต้องพกโทรศัพท์มือถือ ต้องพกแบตเตอรี่สำรอง ต้องพกเอ็มพีสาม ต้องพกฯลฯ แล้วอย่างนี้ชีวิตเราจะมีวันอิสระกับเขาบ้างไหมนี่ โอเควันนี้ถ้าต้องเลือกระหว่างการพกบัตรมากมายกับโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง แน่นอนเราต้องเลือกโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว เพราะมันกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ขนาดเราลืมไว้ที่บ้านขับรถออกมาแล้ว ถ้าเป็นไปได้หลายคนก็ยอมกลับไปเอา เพราะถ้าไม่มีโทรศัพท์มือถือติดตัวมันเหมือนขาดความมั่นใจ แต่ถ้าวันนี้โทรศัพท์มือถือสามารถจ่ายเงินซื้อของได้ เหมือนกับบัตรสมาร์ทการ์ดคงจะดีไม่ใช่น้อย ถึงวันนี้เราใช้มันได้แล้วที่ สยามพารากอน ห้างดังกลางใจเมือง เมื่อเราสามารถนำโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวเป็นบัตรเงินสด ใช้แทนเงินไปซื้อของในร้านที่เขากำหนดเอาไว้ได้ “ขอโค้กแก้วหนึ่งครับ” ทันทีที่เราได้รับของตามสั่งเราก็เอาโทรศัพท์มือถือของเราไปสัมผัสกับแป้นขนาดฝ่ามือที่อยู่ตรงหน้า รอจนไฟสีส้มกลายเป็นไฟสีเขียว ก็จะมีตัวอักษรขึ้นมาแสดงให้รู้ว่าธุรกรรมนี้สมบูรณ์ ต่อจากนั้นบริกรก็จะนำสลิปมาให้เราเซ็นชื่อ เหมือนเวลาเราใช้บัตรเครดิต แค่นี้เราก็เดินออกมาหน้าตาเฉยโดยไม่ต้องควักกระเป๋าเงินออกมาเลย ยกตัวอย่างเรื่องซื้อน้ำอัดลมอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีบริการของโอเปอเรเตอร์บางรายที่ทำตัวเป็น Micro payment สามารถเติมเงินแล้วเอามือถือไปกดจากตู้หยอดเหรียญหรือเวนดิ้งแมชชีนได้ แต่ขอโทษบริการใหม่นี้คือการที่เอาโทรศัพท์มือถือมาเป็นกระเป๋าเงินจริงๆ โดยสามารถทำงานกับคนจริงโดยไม่ต้องผ่านเครื่องอะไรให้วุ่นวายเลย โครงการนำร่องนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่าง สยามพารากอน โดยมีบริษัท เมเจอร์ ออนไลน์ เป็นผู้รับชอบร่วมกับ บริษัทสามารถ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลเครื่องรูดการ์ดบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และบริษัท Payzy ประเทศไทย ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องระบบการเก็บเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ หลักคิดของโครงการนี้อยู่ที่ว่า ต้องการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือที่คนเราพกพาอยู่ทุกวันอยู่แล้วให้กลายเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทริกนิกส์ หรือ e-wallet ให้ได้ การทำให้โทรศัพท์มือถือที่เรามีอยู่สามารถเก็บบันทึก และปรับเปลี่ยนจำนวนเงินเข้าออก การตัดเงินการใส่เงินเข้าระบบ สามารถดู log file ตรวจสอบจำนวนเงินที่เหลือได้ เรื่องอย่างนี้พึ่งพาแต่ซอฟต์แวร์อย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องเพิ่มเติมชิปบางตัวเข้าไปอยู่ในระบบหลักของเครื่องเลย ปัจจุบันชิปรุ่นนี้มีใช้แล้วกับโทรศัพท์บางรุ่นเช่น โนเกีย 3220 และซัมซุง X700 ซึ่งคาดว่าในอนาคตโทรศัพท์มือถือในโลกแทบทั้งหมดจะติดตั้งชิปรุ่นนี้จากโรงงานเป็นมาตรฐานไปเลย อุปสรรคของชิปรุ่นนี้ก็คือ ระบบที่แตกต่างกันของผู้ให้บริการทั่วโลกที่ค่อนข้างสับสนว่า ค่าชิปนี้ใครจะออกเงิน ระหว่างผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือหรือผู้ให้บริการภายในประเทศนั้นๆ ซึ่งคงเกินอำนาจเราปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยกันเองก็แล้วกัน ปัจจุบันคนที่มีเครื่องอยู่ในรุ่นทดลองประมาณ 80-90 เครื่อง ในเมืองไทย ซึ่งข้อเสนอที่เย้ายวนใจของผู้ใช้กลุ่มนี้ก็คือ หากเอามือถือมาเติมเงินเหมือนพรีเพดการ์ดทั่วไป ลงเงินไป 500 บาทได้แถมอีก 100 บาท พระเจ้านั่นเป็นเงินสดๆ เลยนะนี่ เพราะคนที่มีเครื่องสามารถเอาไปซื้อของในร้านที่พารากอนที่กำหนดได้เลย ตัวระบบทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือดังกล่าวสามารถดูบัญชีการใช้จ่ายเงินของต้วเอง เติมเงินได้ทันทีตามร้านค้าที่ร่วมบริการ และอื่นๆ ที่เราไม่สามารถเห็นได้จากการ์ด หรือบัตรเครดิตต่างๆ ซึ่งทั้งหมดในอนาคตสามารถทำงานผ่านออนไลน์ และทุกวันจะมีการสรุปยอด ส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์กลาง มีการสำรองไฟล์ทั้งหมดส่งให้ธนาคารแห่งประเทศไทยถูกต้องตามกฎหมายเลยทีเดียว จากสถิติการใช้ปัจจุบันอายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 38 ปี ปริมาณการใช้สูงสุดอยู่ที่ 50 ครั้งต่อเดือน ราคาต่ำสุดที่ใช้ 199 บาท สูงสุด 1540 บาท นี่เป็นแค่ตัวเลขคร่าวๆ แต่สิทธิพิเศษที่เราจะได้รับนอกจากเงินพิเศษเมื่อเติมแล้ว การซื้อตั๋วดูหนังหรืออะไรที่ต้องเข้าคิวจะมีเลนพิเศษให้กับลูกค้าที่ใช้บริการโดยเฉพาะ ซึ่งต่อไปคงมีบริการเสริมอย่างพวก royalty program เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าอีกมากมาย เอาเป็นว่าใครอยากทันสมัย ใครอยากดูล้ำ พาแฟนไปดูหนังแล้วทำตัวเป็นป๋า พกแค่โทรศัพท์มือถือ เวลาจ่ายเงินแค่ยกโทรศัพท์มือถือก็พอ ก็เตรียมตัวใช้กันได้ ส่วนร้านค้าที่ต้องการเข้าร่วมกับโครงการก็แค่เพิ่มตัวอ่านเข้าไปอีกตัว ส่วนที่รูดการ์ด ส่วนใหญ่ก็มีกันอยู่แล้วแค่อัพเกรดนิดหน่อยเท่านั้น งานนี้เราก็มี e-wallet ใช้กันทั้งเมืองแล้ว
บทความจาก : ผู้จัดการออนไลน์ |
|