ยากาศสุดหงอยและสุดกร่อยกับพิธีทำบุญฉลองเนื่องในโอกาสวันครบรอบ 3 ปี คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. และครบรอบ 5 ปี วันสถาปนากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีทีเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ปีนี้ ในส่วนของกระทรวงไอซีทีนอกจากจะตรงกับช่วงไม่มี รมว.ไอซีที ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว ข้าราชการบาง ส่วนยังไม่รู้ว่า มีการจัดงาน โดยมีเพียงข้าราชการและผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดเข้าร่วมไม่เกิน 30 คน อย่างไรก็ตาม จำนวนคนเข้าร่วมงาน หรือ แม้กระทั่งบรรยากาศและขนาดของงานคงไม่สามารถนำมาตัดสินผลงานของทั้ง กทช. และกระทรวงไอซีทีในช่วงที่ผ่านมาได้ ขณะที่เสียงสะท้อนจากผู้บริหารบริษัทเอกชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและนักวิชาการก็เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของกลุ่มคนในสังคม ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมตั้งแต่บรรทัดนี้ เป็นต้นไป เราจะได้นำเสนอผลงานของหน่วยงานทั้ง 2 เพื่อให้ประชาชนเจ้าของภาษีเป็นผู้ตัดสินเอาเอง พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธาน กทช. แจกแจงผลงานเด่นในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ว่า มีการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภทต่างๆ โดยรายหลักๆ ที่ให้ คือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ ทีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ กสท เพราะกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจน หลังจากนั้น เมื่อมีกฎเกณฑ์ ระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ครบ ถ้วน ใครขอมาและมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ก็ออกให้ แต่ประเภทที่ 3 ยังน้อยมาก ประธาน กทช. แจกแจงต่อว่า ในส่วนของธุรกิจอินเทอร์เน็ต กทช. ได้ออกใบอนุญาตอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ระหว่างประเทศ ที่หลังจากมีการให้ใบอนุญาตบริการนี้ ออกไปทำให้มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ถือว่า มีประโยชน์ ส่วนเรื่องโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศโดยตรงด้วยการใช้หมายเลขนั้น ยังไม่อนุญาต แม้จะมีผู้ขอเข้ามาหลายราย โดยอนุญาตให้ต้องผ่าน กสท เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ก็มีการร้องเรียนกันอยู่ สำหรับงานที่ต้องเร่งดำเนินการต่อจากนี้ พล.อ.ชูชาติ กล่าวว่า จะเร่งดำเนินการเรื่อง 3 จี อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง หรือ บรอดแบนด์ และเรื่องเลขหมายเดียวทุกระบบ หรือ นัมเบอร์พอร์ตบิลิตี้ โดยทั้งหมดจะทำให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.นี้ ด้าน นายเหรียญชัย เรียววิไลสุข กรรมการ กทช. อีกคน ชี้ให้เห็นถึงผลงานในหน้าที่ของ กทช. ว่า หน่วยงานสามารถตั้งขึ้นมาได้และเติบโตถือว่า เป็นผลงานแล้ว เพราะ กทช. เริ่มต้นมาจากไม่มีอะไรเลย ขณะเดียวกันยังทำให้งานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมเติบโตขึ้นและทำให้อุตสาหกรรม หรือ ธุรกิจโทรคมนาคมเติบโตไปอย่างแข็งแรง อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผลงานแค่นี้ ก็ดีใจแล้ว ส่วน นายเศรษฐพร คูศรีพิทักษ์ กรรมการ กทช. บอกถึงผลงานว่า เป็นดังที่ กทช. หลายคนได้พูดไป แต่งานที่ต้องเร่งทำต่อจากนี้ คือ การออกหลักเกณฑ์ 3 จี ไวแม็กซ์และไวร์เลส แอ็คเซ็ส อย่างไรก็ตาม ภายใน 2 เดือนจากนี้ คาดว่า หลัก เกณฑ์เบื้องต้นของ 3 จี จะเสร็จ หลังบริษัทที่ปรึกษาที่ กทช. จ้างมานำเสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ให้ กทช. พิจารณา นอกจากนี้ ยังจะตรวจสอบปรับปรุงและแก้ไขหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ได้ออกไปแล้วให้เหมาะสมกับปัจจุบัน คราวนี้ จาก ถนนพหลโยธินข้ามฝั่งมายัง ถนนแจ้งวัฒนะ นายสือ ล้ออุทัย รองปลัดกระทรวงไอซีที รักษาราชการแทนปลัด กระทรวงไอซีที กล่าวถึงผลงานเด่นๆ ว่า ตลอด 5 ปี กระทรวงไอซีทีได้ผลักดันให้มีการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยแบ่งงานออกเป็น 4 ด้าน คือ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที พัฒนาบุคลากรด้านไอซีที พัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-กอฟเวิร์นเม้นท์ และควบคุมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ไม่เหมาะสม รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงไอซีที ยกตัวอย่างผลงานด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีว่า เช่น การปฏิรูประบบ สื่อสารโทรคมนาคม การจัดตั้งโครงการทีเคซี ที่เป็นศูนย์กลางความรู้และเครือข่ายในการจัดการความรู้ด้านต่างๆ และการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนการพัฒนาบุคลากรด้านไอซีทีมีทั้งการจัดงานไอซีทีเอ็กซ์โปและโครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน ที่ขณะนี้ ได้เปิดศูนย์ไปแล้ว 20 แห่ง ส่วนผลงานการพัฒนา อี-กอฟเสิร์นเท้นท์ นายสือ ให้ข้อมูลว่า มีการพัฒนาเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาค รัฐ การจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน หรือ จีซีซี 1111 และการจัดทำบัตรประชาชนอเนกประสงค์ หรือ สมาร์ทการ์ด ขณะที่งานการควบคุมการใช้ไอซีทีที่ไม่เหมาะสมนั้น มีทั้งการจัดตั้งโครงการไซเบอร์แคร์ เกทคีปเปอร์และเฮาส์คีปเปอร์เพื่อแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการใช้เทคโนโลยีในทางที่ไม่เหมาะสม หรือ ผิดศีลธรรมตลอดทั้งความมั่นคง “นอกจากนี้ ที่เป็นภารกิจหลักๆ แล้ว กระทรวงไอซีทียังมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคม เช่น การเปิดศูนยน้ำใจไอซีทีเพื่อระดมความช่วยเหลือเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัย เป็นต้น” รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงไอซีที ให้ข้อมูลเพิ่มเติม มาถึงแผนงานของกระทรวงไอซีทีในอนาคต นายสือ อธิบายว่า จะใช้ 7 แผนงานหลักใน 3 ปี ข้างหน้า ที่เน้นพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดในการใช้บริการ โดยแผนงานประกอบด้วย การพัฒนาขีดความสามารถไอซีที การพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีที การพัฒนาบุคลากรไอซีที การพัฒนาระบบอี-กอฟเวิร์นเม้นท์ การพัฒนาระบบอี-โลจิสติกส์ การพัฒนากิจการโทรคมนาคมและการพัฒนาไอซีทีเพื่อความมั่นคง นอกจากนี้ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงไอซีที ยังยกตัวอย่างถึงแผนงานพัฒนากิจการโทรคมฯ ว่า กระทรวงไอซีทีมีเป้าหมายมุ่งเน้นการบริการกิจการโทรคมนาคมให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่น เร่งรัดการดำเนินงานโครงการโทรศัพท์ มือถือระบบ 3 จี ส่วนการพัฒนาไอซีทีเพื่อความมั่นคงนั้น จะนำไอซีทีมาใช้ในการเตือนภัยธรรมชาติและรักษาความมั่นคงของชาติ โดยแผนงานหลักทั้งหมดจะทำให้เกิดผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่นำเสนอมาทั้งหมด เป็นผลงานของ กทช. และกระทรวงไอซีที ที่มีอายุครบ 3 ปี และ 5 ปี ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า ผลงานของทั้ง กทช. และกระทรวงไอซีทีในช่วงที่ผ่านมา จะสอบผ่านหรือไม่ แต่จังหวะก้าวย่างและการทำหน้าที่ของทั้ง 2 หน่วยงานดังกล่าว จากนี้ ต่อไปนับว่า สำคัญและชวนให้ติดตามเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ จะได้ประโยชน์อะไร เพราะจนถึงทุกวันนี้ คงยากที่จะปฏิเสธแล้วว่า ไอซีทีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตของเรา... ณัฐพล ทองใบใหญ่ itdigest@thairath.co.th |