• คลายข้อข้องใจ ฟ้าทะลายโจรรักษา COVID-19 ได้หรือไม่? |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 01 พ.ค. 64 เวลา 15:54:28 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
คลายข้อข้องใจ ฟ้าทะลายโจรรักษา COVID-19 ได้หรือไม่
ฟ้าทะลายโจร มีแนวโน้มเป็นทางเลือกในการรักษา อาการในผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีอาการไม่รุนแรง ภายใต้การดูแลของแพทย์
ศึกษาเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ป่วยเป็นโรคโควิดที่ไม่ได้รับยาฟ้าทะลายโจร ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาฟ้าทะลายโจร มีโอกาสปอดอักเสบ 14.64 %
ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับฟ้าทะลายโจร มีโอกาสปอดอักเสบ 0.97 %
ยาฟ้าทะลายโจรที่เก็บไว้นาน มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ขมคอ ถ่ายมากขึ้น แน่นหน้าอก เวียนหัว
ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับตับและไต หัวใจเต้นเร็ว ควรใช้ยาที่ผลิตใหม่ อายุไม่เกิน 6 เดือน หากเกิน 2 ปี ไม่ควรใช้
--------------
ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย “ฟ้าทะลายโจร” จัดเป็นสมุนไพรที่มีรสขม อยู่ในกลุ่มยาเย็น มีสรรพคุณทางการแพทย์แผนไทย ใช้บรรเทาอาการไข้หวัด แก้ไอและเจ็บคอ เป็นสมุนไพรที่ได้ถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (บัญชียาจากสมุนไพร) กระทรวงสาธารณสุข ในรูปแบบยาเดี่ยว
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวสมุนไพรฟ้าทะลายโจรกันอย่างแพร่หลาย มีข้อมูลสนับสนุนจากงานวิจัยทางคลินิก พบว่า สมุนไพรฟ้าทะลายโจรมีส่วนช่วยรักษาอาการของโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจ (acute respiratory tract infection) เช่น อาการไอ อาการเจ็บคอได้ดี ในปี พ.ศ.2555 ได้มีข้อมูลงานวิจัย จากผู้ป่วยจำนวน 807 คน พบว่าผลิตภัณฑ์สารสกัดจากฟ้าทะลายโจรร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ ขนาดรับประทาน 31.5-200 มิลลิกรัม/วัน รับประทานเป็นเวลา 3-10 วัน มีผลช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการไอเนื่องจากไข้หวัด (common cold) และอาการอักเสบของระบบทางเดินหายใจส่วนบนได้
ในมุมมองการเกิดโรคหรืออาการตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยนั้น อาการไข้ ไอ เจ็บคอ เป็นอิทธิพลของธาตุไฟที่เพิ่มปริมาณสูงขึ้น ทำให้เกิดอาการดังกล่าว เราจึงสามารถใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็น (สมุนไพรฟ้าทะลายโจร) เพื่อใช้ในการรักษาอาการที่ส่งผลมาจากอิทธิพลของไฟที่เพิ่มขึ้นได้ พูดง่ายๆคือ ใช้ความเย็น ปรับหรือลดปริมาณความร้อนในร่างกายให้สมดุลนั่นเอง แต่หากใช้ในปริมาณเกินความจำเป็นก็อาจส่งผลทำให้ ร่างกายมีปริมาณความเย็นเกินไป ส่งผลทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ตามมาได้ เช่น อาการชาต่างร่างกาย แขน-ขาอ่อนแรง ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเสีย หรือผื่นแพ้ตามร่างกาย เป็นต้น
ที่มา : พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
https://med.mahidol.ac.th/altern_med/th/km/19jun2020-1729
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1237 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 01 พ.ค. 64
เวลา 15:54:28
|