ที่กระทรวงแรงงาน นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครองชีพจำนวน 2,000 บาทให้ผู้ประกันตน 8.3 ล้านคนว่า ภายหลังจากการประชุมกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ รองนายกรัฐมนตรี ได้ข้อสรุปว่าจะจ่ายเงินในรูปแบบเช็คเงินสด เหมือนการจ่ายคืนเงินภาษีของกรมสรรพากร เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวกและค่าใช้จ่ายถูกกว่าการโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรง
ทั้งนี้ จะเริ่มจ่ายให้ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. -7 เม.ย.ผ่านช่องทางในการรับเงิน 3 ช่องทาง คือ 1. ติดต่อรับเงินจากสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ทั่วประเทศ 2. จ่ายเงินผ่านสถานประกอบการ และ 3. ส่งตรงไปยังบ้านของผู้ประกันตนทางไปรษณีย์ ทั้งนี้ ผู้ประกันตนต้องแจ้งกับ สปส.ว่า สะดวกรับเงินด้วยวิธีใด และสามารถตรวจสอบสิทธิและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงาน สปส.ทั่วประเทศหรือโทรศัพท์สายด่วน 1506
“ผู้ประกันตนต้องรีบมาแสดงสิทธิที่ สปส.ทั่วประเทศ และแจ้งความจำนงว่าจะรับเช็คแบบไหน หรือบริษัทอาจรวบรวมชื่อพนักงานทั้งหมดมายื่น เพื่อความรวดเร็ว นอกจากนี้ คนที่ไม่ได้แจ้งความจำนงหรือตรวจสอบสิทธิล่าช้า ก็ไม่มีปัญหา เพราะสามารถแสดงสิทธิและขอเงินย้อนหลังได้ทุกคน รัฐบาลยึดหลักฐานเงินเดือนเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่มีการลงมติ ค.ร.ม. อนุมัติหลักการดังกล่าว สำหรับผู้ที่มีการปรับฐานเงินเดือนในขณะนี้ก็ไม่ต้องกังวลเพราะรัฐบาลจะยึด ฐานเงินเดือนของผู้ประกันตนทุกคนเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2552″ นายไพฑูรย์ กล่าว
นายไพฑูรย์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ สปส.ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับธนาคารพาณิชย์ให้ลดอัตราค่าธรรมเนียม กรณีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารจาก 10 บาทเหลือ 5 บาทนั้น ตนได้แจ้งให้ สปส.ยกเลิกแล้ว
เมื่อถามว่า การดำเนินงานมีความขัดแย้งกับนายกอร์ปศักดิ์หรือไม่ นายไพฑูรย์ กล่าวว่า ไม่มี แต่เป็นเรื่องความแตกต่างในวิธีดำเนินการมากกว่าเพราะแนวคิดของแต่ละคนมี หลายแนวทาง แต่มีจุดประสงค์ที่สำคัญ คือ หาทางออกที่ดีที่สุดให้ประชาชน
ด้านนายปั้น กล่าวว่า เงินจำนวน 24 ล้านบาทที่ใช้ในการจัดทำฐานข้อมูล และค่าใช้จ่ายล่วงเวลาให้กับเจ้าหน้าที่ที่งานในการรวบรวมข้อมูลของผู้ ประกันตน เป็นเพียงการอนุมัติในหลักการของบอร์ด สปส.เท่านั้น ขณะนี้ได้มีการระงับเงินจำนวนดังกล่าวไว้แล้ว ซึ่งจะมีการพิจารณาถึงเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมบอร์ด สปส. อีกครั้งในวันที่ 24 ก.พ.ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร โดยขณะนี้ใช้งบปกติในการดำเนินการจัดทำซอฟต์แวร์เป็นที่เรียบร้อยแล้วใน จำนวนเงิน 680,000 บาท และโครงการดังกล่าวสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในการรวบรวมข้อมูลของผู้ประกันตนในระยะยาว
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก มติชนออนไลน์