ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
การรู้ราคาสินค้าเกษตรล่วงหน้า ช่วยให้เกษตรกรตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรจะผลิตสินค้าเมื่อไหร่ และจังหวะใดที่สมควรวางตลาดเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) ซึ่งเป็นตลาดกลางในการเป็นเวทีตกลงราคาสินค้าล่วงหน้า ต้องเร่งเพิ่มช่องทางในการให้บริการเพื่อให้เกษตรกรสามารถเช็คราคาสินค้าเกษตรต่างๆได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่ต้องพึ่งนักการตลาดจากโบรกเกอร์ในการเช็คราคาให้ หรือดูจากทางเว็บไซต์เป็นหลัก แต่หลังจากนี้สามารถเช็กผ่านเครื่องโทรศัพท์มือถือผ่านระบบเอสเอ็มเอส
เปิดช่องทางใหม่SMS แก้ไขปัญหาความล่าช้า
สำหรับช่องทางการเช็กข้อมูลในอดีต อาจยังมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาในการเช็ค นักการตลาดของโบรกเกอร์บางราย อาจจะใช้เวลาในการเช็คนาน หรือหากลูกค้าจะเช็คเองผ่านเว็บไซต์ก็อาจมีข้อจำกัดเรื่องของเวลาและสถานที่ หรืออุปกรณ์ในการเช็ค
ด้วยเหตุนี้ โทรศัพท์เคลื่อนที่ จึงกลายเป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่ AFET หยิบระบบมาพัฒนาเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า เพราะโทรศัพท์เคลื่อนที่คืออุปกรณ์ที่อยู่ติดตัวของคนทุกคน จะหยิบมาเช็คเมื่อไหร่ก็ได้
ความง่ายในการให้บริการเช็คราคาสินค้าเกษตรล่วงหน้าผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเป็นอื่นไม่ได้ นอกจาก เอสเอ็มเอส ซึ่งสะดวกในการส่ง และรับข้อความ ได้ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรุ่น
ทั้งนี้ รายละเอียดของบริการ นางนภาภรณ์ คุรุพสุธาชัย กรรมการและผู้จัดการ AFET อธิบายว่า เป็นบริการที่ให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบราคาสินค้าซื้อขายล่วงหน้าของสินค้า ผ่านระบบ เอสเอ็มเอส ลูกค้าสามารถใช้บริการได้ทุกเครือข่าย คือ เอไอเอส ดีแทค และ ทรูมูฟ ภายใต้ชื่อบริการ SMS-Futures Price Alert
บริการประกอบด้วย 3 บริการ ได้แก่ รายงานภาพรวมราคาซื้อขายล่วงหน้า 6 เดือน ของสินค้าแต่ละประเภท รายงานราคาซื้อขายล่วงหน้าแบบละเอียด และที่นับเป็นบริการเด่น คือ ระบบ Price Alert ที่จะส่งข้อความเตือนไปยังลูกค้า เมื่อราคาต่างๆ ทั้ง Matching ราคา Bid และราคา Offer เป็นไปตามที่ลูกค้าต้องการ
จึงช่วยให้ลูกค้าสะดวก รวดเร็ว ไม่พลาดทุกข้อมูลการซื้อขาย ลูกค้าสามารถใช้บริการได้ง่ายโดยการพิมพ์รหัสสินค้า รหัสเดือน และรหัสปี ของสินค้าแต่ละประเภทที่ต้องการตรวจสอบราคา จากนั้นเลือกพิมพ์รหัสซื้อขายให้ตรงกับบริการที่ต้องการทราบ ส่งมาที่หมายเลข 4874321 ระบบก็จะทำการส่งข้อมูลกลับมาให้ทันที คิดค่าบริการปกติ ครั้งละ 3 บาท
การจัดทำระบบเอสเอ็มเอส จะเป็นการเพิ่มช่องทางนการติดตามรายงานราคาล่วงหน้าให้แก่กลุ่มที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ประกอบการ นักลงทุน รวมทั้งบริษัท นายหน้าซื้อขายล่วงหน้า หรือโบรกเกอร์ ซึ่งในส่วนของบริษัทนายหน้าซื้อขายล่วงหน้า ระบบเอสเอ็มเอส จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าตรวจสอบราคาซื้อขายของตนเอง ซึ่งทาง AFET ก็มีการเตรียมความพร้อมในการจัดอบรมเรื่องการใช้งานระบบ SMS-Futures Price Alert ให้แก่โบรกเกอร์ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลไปถ่ายทอดแก่ลูกค้าได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด นางนภาภรณ์ กล่าวย้ำ
สำหรับสินค้าเกษตรที่ AFET มีบริการซื้อขายราคาล่วงหน้า ประกอบด้วยสินค้า 6 ประเภท ได้แก่ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ,ยางแท่งเอสทีอาร์,น้ำยางข้น,แป้งมันสำปะหลังสตาร์ชชั้นพิเศษ,มันสำปะหลังเส้น และข้าวขาว 5% โดยมีโบรกเกอร์ที่เป็นผู้ใช้บริการอยู่ประมาณ 10 ราย มีลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ทางภาคใต้
อย่างไรก็ตาม นางนภาภรณ์ ยังได้เล่าถึงปริมาณการซื้อขายต่อวันว่า มีทั้งสิ้น 325 ข้อตกลง หรือคิดเป็นมูลค่า 117.50 ล้านบาท โดยสินค้าเกษตรอย่างยางพาราเป็นสินค้าที่โดดเด่นที่สุด ทำให้ปริมาณการซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ วันละ 280 ข้อตกลง คิดเป็นมูลค่า 112.36 ล้านบาท ข้าวขาว 5 % ปริมาณซื้อขายต่อวันที่ 24 ข้อตกลง มูลค่า 3.80 ล้านบาท มันสำปะหลังเส้น ปริมาณต่อวันที่ 21 ข้อตกลง มูลค่า 1.25 ล้านบาท และน้ำยางข้นปริมาณซื้อขายต่อวันที่ 1 ข้อตกลง มูลค่า 0.90 ล้านบาท
เชื่อมกับเซิร์ฟเวอร์เดิม
ด้านการพัฒนาระบบ กรรมการและผู้จัดการ AFET เล่าให้ฟังว่า เป็นหน้าที่ของบริษัท ไอออนไลน์ จำกัด เป็นผู้ทำหน้าที่พัฒนาระบบและประสานงานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 ราย ซึ่งไม่ต้องลงทุนอะไรมาก และไม่ยุ่งยากอีกด้วย
โดยเรื่องนี้นายบูรพากรณ์ มุสิกสินธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไอออนไลน์ กล่าวเสริมว่า หน้าที่ของไอออนไลน์คือการนำข้อมูลจาก AFET ที่มีอยู่แล้วมาเชื่อมกับระบบเอสเอ็มเอส ไม่ต้องทำข้อมูลใหม่ จากนั้น ไอออนไลน์ก็จะทำหน้าที่ไปเจรจากับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อใช้เกตเวย์ของผู้ให้บริการในการให้บริการ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ได้รับถูกต้องและรวดเร็ว
ขณะผู้ให้บริการอย่างเอไอเอส นายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้จัดการด้านคอนเท็นต์ กล่าวว่า เรื่องความล่าช้าของระบบรับรองว่าไม่มีแน่ เพราะปกติ เอไอเอสจะแบ่งโครงข่ายสำหรับการส่งเอสเอ็มเอสในลูกค้าทั่วไป และนักธุรกิจออกจากกันอย่างชัดเจน บริการดังกล่าวนับว่าเป็นบริการที่ดีเพราะปัจจุบันการใช้เอสเอ็มเอสถูกนำไปใช้เกี่ยวกับบันเทิงมากกว่าเป็นประโยชน์ด้านข้อมูลข่าวสาร ซึ่งการจับมือกับ AFET ครั้งนี้ ถือเป็นเฟสแรกในการร่วมมือกัน ในอนาคตอันใกล้จะมีการเพิ่มบริการที่ลงรายละเอียดที่ลึกกว่านี้ ทำให้ลูกค้าได้ดูข้อมูลแบบเต็มที่ แต่ทว่าบริการในเฟสหลังนี้จะใช้ได้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่บางรุ่นที่มีฟังก์ชันรองรับเท่านั้น
ทั้งนี้ ลูกค้าที่ต้องทำหน้าที่บอกราคาแก่ลูกค้าโดยตรง คือ โบรกเกอร์ มีความสำคัญมากที่จะเป็นตัวกลางในการแจ้ง หรืออธิบายวิธีการใช้งานให้กับลูกค้าที่เป็นนักลงทุนหรือเกษตรกร โดย นายชานนท์ ภู่เจริญยศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอสพี ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาลูกค้าจะโทรมาเช็คราคา แต่บางครั้งเจ้าหน้าที่ของโบรกเกอร์ก็อาจจะตอบคำถามกลับไปช้า แต่ถ้ามีบริการเอสเอ็มเอส ก็จะช่วยให้ลูกค้ารับรู้ข้อมูลได้เร็วขึ้น"ผู้บริหาร
ที่มา http://www.arip.co.th/businessnews.php?id=411052
ชานนทน์ ภู่เจริญยศ • เจเอสพี ฟิวเจอร์ส • โบรกเกอร์ • สินค้าเกษตรล่วงหน้า • afet
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|