• สงฆ์เชียงใหม่วุ่น เหตุย้ายไม่ย้านเสาอินทขีล |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 09 ส.ค. 54 เวลา 08:54:44 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ชี้กรณีจดหมายสนเท่ห์นิสิต มมร. วิทยาเขตล้านนาวัดเจดีย์หลวง ล่อแหลมทำ ความแตกแยกสงฆ์ธรรมยุต-มหานิกายล่าสุดรองอธิการบดี มจร.วัดสวนดอกออกมาติง ฝ่ายมหานิกายไม่ได้ยุ่งเกี่ยวด้วยเหตุใดถูกพาดพิง ขณะที่ ผช.เจ้าอาวาสเจดีย์หลวงออกหนังสือแถลงไม่ได้นำมาหรือหน่วงเหนียว และผลักไสให้ย้ายเสาอินทขีลออกใดๆ ทั้งสิ้น ระบุเป็นแนวคิดคนบ้า ส่วนที่เปิดให้ประชาชนสักการะทุกวันหาคนดูแลไม่ได้
ตามที่ "ไทยนิวส์" เสนอข่าวไปแล้วว่า มีนิสิตมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย (มมร.) วิทยาเขตล้านนา วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อ.เมืองเชียงใหม่ ทำหนังสืออ้างที่มาจากคณะ สงฆ์ธรรมยุต ภาค 4-5-6-7 ถึงพระราชเจติยาจารย์ เจ้าอาวาส และถึงสื่อมวลชน ขู่ให้ย้ายวิหารอินทขีล และเสาอินทขีล(เสาหลักเมืองเชียงใหม่)ออกจากวัดเจดีย์หลวงฯ โดยพยายามชี้ว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ ควรนำพื้นที่มาสร้างอาคารเรียนจะดีกว่า และบางส่วนยังพาดพิงไปถึงความเชื่อของคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต และมหานิกายว่าแตกต่างกัน ซึ่งต่อมาคณะสงฆ์วัดเจดีย์หลวงฯ และ มมร.ได้แจ้งความเป็นหลักฐานไว้ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่เพื่อตามหาตัวมือมืดรายนี้ไปแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ นั้น
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พระครูโฆษิตปริยัตยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดป่าแดงมหาวิหาร เจ้าคณะตำบลสุเทพเขต 1 และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ วัดสวนดอก พระอารามหลวง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ประเด็นที่พูดถึงกันเรื่องพระนิสิต มมร.วัดเจดีย์หลวงฯ ทำหนังสือเรียกร้องให้ย้ายเสาอินทขีลกลับไปอยู่วัดสะดือเมือง และพาดพิงว่าพระฝ่ายมหานิกายงมงายนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่เหมาะสมจะนำมากล่าวอ้าง ปัจจุบันคณะสงฆ์ทั้งธรรมยุต และมหานิกาย ต่างก็อยู่ร่วมกันโดยไม่มีความแผกแตกต่าง ทั้งยังร่วมกันทำงานด้านการศึกษาอย่างดี เช่นที่ มจร.ก็มีพระภิกษุสามเณรจากวัดธรรมยุตมาเรียน และที่ มมร.ก็มีพระฝ่ายมหานิกายบริหารอยู่ โดยเฉพาะพระปลัดบุญธรรม ปุญญธัมโม ผอ.สำนักงานวิทยาเขตล้านนา เป็นต้น นอกจากนั้นมีข่าวออกมาพาดพิงถึง มจร.ว่าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ในฐานะรองอธิการบดีฯ ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับกรณีดังกล่าว และไม่มีความขัดแย้งเรื่องนิกายใด ๆ วันเดียวกันที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร พระราชเจติยาจารย์ เจ้าอาวาส ประชุมประจำเดือนคณะสงฆ์ ได้หยิบยกประเด็นนี้หารือที่พระวิหารหลวง โดยมีความเห็นเช่นเดียวกับที่พระครูโสภณกวีวัฒน์ ผช.เจ้าอาวาส ที่ได้นำแถลงการณ์ และบทความเสนอที่ประชุม มีใจความสรุปว่า ที่หนังสือร้องเรียนระบุการไหว้เสาหลักเมือง "เป็นความเชื่อของคนไร้การศึกษาฯ" นั้น เท่ากับดูหมิ่นคนส่วนใหญ่ คนเขียนไม่รู้จักแยกแยะอะไรควรไม่ควร อะไรคือวัฒนธรรมประเพณี อะไรคือหลักศาสนาหรือศาสนธรรม ควรเข้าใจว่า การสถาปนาราชธานีขึ้นแล้ว มีการสร้างเสาอินทขีลคือหลักเมืองไว้เป็นหลักชัยของนคร เพื่อให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา อันจะก่อเกิดความรักความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพลเมืองเป็นพลัง ค้ำจุนบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่นมั่นคง แต่หากคิดว่าเป็นการกระทำของคนไร้การศึกษาแล้ว ก็เป็นความคิดที่ไร้สติบ้าใบ้โดยแท้
"การกราบไหว้บูชาเสาหลักเมือง โดยเจตนาที่แท้จริงของชาวพุทธ มิใช่การกราบไหว้ภูตผีปีศาจ (เพราะเราไม่เคยคิดว่าบรรพชนผู้วายชนม์เป็นภูตผีปีศาจ) เพื่อเอามาเป็นสรณะที่ 4 ของชาวพุทธ แต่เรากราบไหว้บูชาคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของบรรพชนผู้สร้างบ้านแปลงเมืองให้ เราได้อยู่อาศัย สร้างสมอบรมวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามให้เราได้สืบสาน และเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ความเป็นพื้นถิ่นล้านนาให้คงอยู่การประกอบพิธีกรรม ใด ๆ เกี่ยวกับหลักเมืองหรืออินทขีล ก็เพื่อสื่อเข้าหาคุณธรรม คือความกตัญญูกตเวที ที่เรามีต่อบรรพชน" ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ และว่าผู้ที่ให้การเคารพเทิดทูนให้การนับถือบูชาบรรพบุรุษของตน ไม่ลืมคุณความดีของคนอื่น ไม่ลืมกำพืดของตนเอง และไม่ย่ำยีบุพการีโดยประการใดๆ ถือได้ว่าเป็นผู้มีมโนธรรมสำนึกอันสูงส่ง ควรแก่การยกย่องเป็นแบบอย่างที่ดี ความจริง วัฒนธรรมประเพณีกับศาสนา หากรู้จักแยกแยะและนำมาใช้ให้ถูกกาลเทศะแล้ว ย่อมจะก่อเกิดประโยชน์เกื้อกูลกันในทางสร้างสรรค์
พระครูโสภณกวีวัฒน์ กล่าวว่า ใด ๆ ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลัทธิ ประเพณี ศาสนา วิทยาการ ความศรัทธาเชื่อถือ หรือแม้กระทั่งวิทยาศาสตร์ ก็อาจกลายเป็นเรื่องงมงายเกิดโทษเป็นภัยได้ทั้งนั้น หากเชื่อถือหรือนำมาใช้อย่างบ้าคลั่ง สุดโต่ง ลุ่มหลง ไร้สติ ปฏิเสธ ศีลธรรม ไม่รู้จักแยกแยะ ไม่รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราและไม่เข้าใจแก่นแท้ในสิ่งหรือเรื่องนั้นๆ ดังนั้นเรื่องเสาอินทขีลกับวัดเจดีย์หลวงฯ แม้จะเป็นเรื่องวัฒนธรรมประเพณีกับศาสนามาอยู่ในที่เดียวกัน ก็ไม่มีเรื่องใดวิบัติขัดแย้ง ดังที่กล่าวมาแล้ว เพราะอยู่ร่วมกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ยอมรับและเข้าใจวัตถุประสงค์ของกันและกัน ในกรณีที่มีกลุ่มคนมุ่งหวังสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังฆมณฑลและสังคม ครั้งนี้ มีบางคนกล่าวว่า อาจจะมีเจตนาแฝงเร้นแบบโยนหินถามทางก็ได้
อย่างไรก็ตาม ท้ายแถลงการณ์ได้ระบุว่า 1.คณะสงฆ์วัดเจดีย์หลวงฯ ไม่ได้เป็นผู้สร้างเมืองเชียงใหม่และเสาอินทขีลไม่ได้ชักนำให้เอาเสาอินทขีล มาไว้ในวัด เสาอินทขีลอาจจะถูกสร้างไว้ ณ ที่แห่งนี้..มาตั้งแต่แรกเริ่มสร้างเมืองสมัยพระเจ้ามังราย เมื่อปี พ.ศ.1839 แล้วก็ได้ หรืออาจจะย้ายมาทีหลังสมัยพระเจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 1 วงศ์ทิพจักร/เชื้อเจ็ดตน เมื่อปี พ.ศ.2343 ดังที่เราเชื่อกันก็ได้ทั้งนั้น หลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้น ยังไม่เป็นยุติชัดแจ้งยังขัดแย้งกันอยู่ใครรู้หรือมีหลักฐานที่ถูกต้อง ปรดนำมาเผยแพร่ให้ได้รับทราบทั่วกัน จะเป็นกุศลยิ่งนักเพราะเป็นวิชาการที่สร้างสรรค์ มิใช่วิชามารแบบพาลชน
2.คณะสงฆ์วัดเจดีย์หลวงฯ ไม่มีแนวคิดที่จะหน่วงเหนี่ยวเอาเสาอินทขีลไว้เป็นสมบัติของวัด เสาอินทขีล ณ กาลปัจจุบัน จะอยู่ที่นี่ หรือจะย้ายไปอยู่ที่อื่นจะดำเนินการในรูปแบบไหนอย่างไร ผู้ที่จะตัดสินชี้ขาดได้มีอยู่แล้ว คือชาวเชียงใหม่ทุกคน วัดพร้อมน้อมรับถ้าหากเป็นฉันทามติอันชอบธรรม 3. คณะสงฆ์วัดเจดีย์หลวงฯ ไม่มีแนวคิดที่ผลักไสไล่ส่งให้ย้ายเสาอินทขีลออกไปจากวัด เพื่อเอาพื้นที่สร้างอาคารสถานที่ใด ๆ ตรงกันข้ามได้ดูแลทำนุบำรุงวิหาร-เสาอินทขีล ด้วยดีเสมอมา เสมือนปูชนียสถานสำคัญของวัด ทั้งยังตั้งกองทุนบูรณะ และจัดงานประเพณีบูชาอินทขีลทุกปี แม้เทศบาลนครเชียงใหม่เป็นผู้รับผิดชอบการจัดงาน แต่ทางวัดก็ได้จัดงบประมาณให้เทศบาลปีไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท เพราะพิจารณาเห็นว่า เสาอินทขีลหลักเมืองเชียงใหม่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมเป็น "ทรัพย์สินทางศรัทธา" ควรค่าแก่การสนับสนุน และอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่คู่กับบ้านเมืองสืบไปตามเจตนารมณ์ของบรรพชน.
http://www.thainews70.com/news/news-head/view.php?topic=2610
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 4371 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 09 ส.ค. 54
เวลา 08:54:44
|