วันที่ 9 กันยายน 2551 ที่พรรคชาติไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมพรรคถึงกรณีกระแสข่าวสนับสนุนนายบรรหาร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี หากนายสมัครพ้นจากตำแหน่ง โดยเขาระบุว่า "อย่าเอาเรื่องมาให้หน่อยเลยน่า ให้อยู่อย่างนี้ดีกว่า อายุจะสั้น ผมไม่เอาแล้ว อายุ 70 กว่าแล้วอยากอยู่สบายๆ"
เมื่อถามว่าถือเป็นการปฏิเสธโดยสิ้นเชิงหรือรอดูสถานการณ์ก่อน นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่รับหรอกๆ เหตุการณ์แบบนี้รับไม่ไหว ตนไม่สามารถทนแรงเสียดทานแบบนี้ได้ เป็นคนไม่อดทนพอ มันไม่ได้หรอก
เมื่อถามว่าใจของนายบรรหารจะเปลี่ยนได้อีกหรือไม่ ไปหากถึงที่สุดแล้วไม่สามารถหาใครได้ นายบรรหาร กล่าวว่า หากตนพูดไปพวกคุณก็เอาไปแปลความหมายอีก ไม่เอาหรอก ตนกลัวสื่อมากๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางออกควรเป็นอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า มองแล้วมันมันริบหรี่เหลือเกิน เพราะเหตุว่าพอพูดอะไรไปฝ่ายพันธมิตรก็ด่าตนทุกคืน นี่คือจุดที่มันเป็นเช่นนี้ เหมือนเขาว่าอะไรใครก็ว่าได้แต่คนอื่นติติงไม่ได้ปัญหาอยู่ที่ตรงนี้ ต้องดูพวกท่านเหล่านั้น ทั้งนายจำลอง ศรีเมือง และคนอื่นๆว่าเขามองบ้านเมืองเป็นอย่างไรบ้าง อย่างที่เคยบอกคือต้องถอยคนละก้าว เพราะหากถอยแล้วก็สามารถเจราจาได้ แม้ท่านประธานวุฒิก็ไปเจรจาแล้วแต่ไม่สำเร็จแล้วจะทำอย่างไร อย่างตอนที่ตนเคยบอกว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่บนเวทีพันธมิตรฯกลับบอกว่าตนทำแสร้ง สำออย มันอย่างว่าล่ะนะ มันแย่จริงๆ สื่อก็ติงเขาบ้างสิ ต้องปราบทั้งสองฝ่ายอย่าปราบฝ่ายหนึ่งฝ่ายเดียวไม่ได้
เมื่อถามว่าพรรคพลังประชาชนระบุว่าหากนายสมัครพ้นจากตำแหน่งก็สามารถโหวตในสภาฯกลับมาได้อีก นายบรรหาร กล่าวว่า "ไม่รู้ ไม่ได้ข่าวเลย"
ต่อข้อถามว่าหากทำเช่นนี้จะทำให้การเมืองริบหรี่อะไรหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันนะ ไว้อีก1-2วัน รอดูเหตุการณ์ต่างๆก่อนแล้วถึงจะพูดได้ว่าจะทำอย่างไร แต่เหตุการณ์มันแย่แล้ว และไม่รู้ว่าจะแย่ไปถึงแค่ไหน
ผู้สื่อข่าวถามถึงการหารือร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 10 ก.ย. นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบ ยังไม่มีการแจ้งเลย
เมื่อถามย้ำว่าถกกันคืนนี้เลยหรือไม่ นายบรรหาร หัวเราะแล้วตอบว่า ไม่รู้ๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่นายบรรหารให้สัมภาษณ์เสร็จแล้ว และกำลังจะเดินไปขึ้นรถยนต์กลับบ้าน แต่มีสายไมรโครโฟนของสื่อที่เชี่อมอยู่กับกล้องทีวีขวางระเกะระกะอยู่ตรงทางเดิน สื่อพยายามบอกให้นายบรรหารเดินระวัง เพราะเกรงว่าจะล้ม แต่นายบรรหาร ย้อนกลับมาว่า “ไม่เป็นไร ล้มไปยังดีเสียกว่า”
จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ 5 พรรคร่วมจะพลิกกลับมาจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเพราะกระแสสังคมของชนชั้นกลางยังตอบรับ ไม่กดดันมากเท่ากับรัฐบาลพลังประชาชน นายบรรหาร กล่าวว่า คุณกลับไปถามอีก 3 พรรคร่วมก่อนแล้วกัน
เมื่อถามย้ำว่า 3พรรคร่วมนั้นหมายถึงพรรคไหนบ้าง นายบรรหาร ปฏิเสธที่จะตอบคำถามแล้วเดินขึ้นรถไปเลย
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมพรรคมีวาระการประชุมคือเรื่องเตรียมการจัดงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่อิมแพ็คเมืองทองธานีวันศุกร์ที่ 12 ก.ย. จากนั้นได้มีการหารือถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ซึ่งมีการสรุปสถานการณ์ว่าแม้มาถึงทางตันแต่ก็ยังมีทางออก ส่วนกระแสข่าวที่จะดันบรรหารเป็นนายกฯนั้น นายบรรหารพูดในที่ประชุมว่า “ผมไม่เป็น ของอย่างนี้อย่าแสดงความอยากได้ เพราะยิ่งอยากได้ยิ่งไม่ได้เป็น ถ้าไม่อยากได้มันก็จะมาเอง จึงขอให้ลูกพรรคอย่าแสดงท่าทีที่ชัดเจน ขอให้สงวนท่าที และรอคำวินิจฉัยศาลรธน.ออกมาก่อน”
"กานต์" เสนอวาระด่วน เพื่อเลือกนายกฯพรุ่งนี้
เวลา 16.30 น. พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ว่า พรรคพลังประชาชน เคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่อย่างไรก็ตามการพ้นจากตำแหน่งครั้งนี้ก็มีเพียงนายกฯ คนเดียวที่พ้นจากตำแหน่ง แต่รัฐมนตรีคนอื่นยังรักษาการอยู่ อย่างไรก็ตาม ทางพรรคพลังประชาชน จะมีการหารือกันและคาดว่า จะให้มีการเสนอวาระด่วน เพื่อเลือกนายกฯ ในวันพรุ่งนี้(10 ก.ย.) ทันทีและเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 หยุมหยิมเกินไปควรที่จะมีการแก้ไข
ข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ