|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ยุบหนอพองหนอ!! หลักฐานแน่น อดีต กกต.สมชัย สาวไส้โกงเลือกตั้งซ่อมลำปาง กางกฎหมายถึงขั้นยุบพรรค!!
.
ที่รัฐสภา วันนี้ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการ กกต. แถลงข่าวเปิดเผยหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 4 จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่อาจนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองบางพรรคได้
.
โดย อ.สมชัย กล่าวว่าจากการรวบรวมข้อมูลในพื้นที่พบพฤติการณ์ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ถึง 4 ลักษณะ ประกอบด้วย
- ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐวางตัวไม่เป็นกลาง
- รองนายกรัฐมนตรี,รัฐมนตรีซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้
- มีการจ่ายเงินซื้อเสียง
- มีการสวมสิทธิ์ให้บุคคลเข้าไปเลือกตั้งแทน
.
และจากการสำรวจประชาชนในพื้นที่พบว่า ผู้ที่ทุจริตส่วนใหญ่เป็นหัวคะแนนรองลงมาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีทั้ง อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยการซื้อเสียงเป็นพฤติการณ์ที่พบมากที่สุด หัวละ 300 บาทโดยส่วนใหญ่ บางพื้นที่ 500บาท ขณะนี้ มีผู้ให้ข้อมูลหลักฐานแล้ว 102 คน และมี 25คน ที่พร้อมเป็นพยานในคดีนี้
.
สำหรับประเด็นที่ เกี่ยวข้องกับ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี และเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้นั้น ในข้อเท็จจริงพบว่า ในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งซ่อม ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงพื้นที่ไปตรวจราชการอยู่หลายครั้ง รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ลงพื้นที่ก่อนการเลือกตั้งเพียง 2 วัน โดยอ้างว่ามาตรงจพื้นที่ภัยแล้ง ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าว ไม่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่เขตภัยแล้ง และยังมีการเชิญ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน 3 อำเภอ ในเขตพื้นที่เลือกตั้งมาประชุมพร้อมเพรียงกันด้วย และจากการลงพื้นที่ของรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีดังกล่าว นำมาสู่การสั่งการให้มีโครงการเข้ามาในพื้นที่เขตเลือกตั้ง มากถึง 12 โครงการ อาทิ
- โครงการสร้างโรงอบสมุนไพร 16 ล้านบาท
- โครงการสร้างอ่านเก็บน้ำแม่ปะ มูลค่า 150 ล้านบาท
- โครงการสร้างถนน
- การจัดสรรที่ดินทำกิน
.
โดยบางโครงการมีการให้ข่าวยอมรับว่ามีการเสนอขอจัดสรรงบประมาณเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นการเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้จากรัฐบาลและพรรคการเมือง ตาม73(2) ของกฎหมายเลือกตั้งฐานสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด มีโทษจำคุกสูงสุด 10ปี ตัดสิทธิ์เลือกตั้ง 20ปี เช่นเดียวกับกรณี ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดเชียงใหม่ ที่เคยได้ใบส้ม ให้มีการเลือกตั้งใหม่ จากกรณีมอบเงินทำบุญให้วัดมาแล้ว
.
อีกทั้งกรณีนี้ยังเข้าข่ายมาตรา 132 ของกฎหมายเลือกตั้ง ฐานกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็นทำให้การเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปตามสุจริต ซึ่ง กกต.สามารถร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้สั่งยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องได้
.
และจากการเก็บข้อมูล พบว่าการทุจริตซื้อเสียงเกิดขึ้นมากสุดที่อำเภอเสริมงาม ถึง 43 กรณี รองลงมาเป็นเกาะคา 23 กรณี และอำเภอสบปราบ 12กรณี อำเภอเถิน 11 กรณี อำเภอแม่พริก 4 กรณี รวมทั้งสิ้น 93กรณีในพื้นที่เขตเลือกตั้ง ถือว่าเป็นการซื้อเสียงกระจายในทุกพื้นที่เพื่อให้เลือกหมายเลขเดียวกัน
.
ส่วนการสวมสิทธิ์แทนกัน นายสมชัย พบว่า มีการลงบันทึกประจำวัน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งถูกใช้สิทธิแทนกันถึง 30 ราย ใน อ.เถิน ซึ่งเกิดจากปัญหาผู้มีสิทธิ์ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ไม่สามารถกลับมาใช้สิทธิ์ช่วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ แต่กลับมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งใกล้เคียงกับการเลือกตั้งปกติ ทั้งที่เป็นไปไม่ได้
.
และจากการตรวจสอบพบว่า กรณีนี้มีการสำรวจรายชื่อผู้ที่ไม่สามารถมาใช้สิทธิ์ได้อย่างเป็นระบบ เพื่อเอาคนนอกพื้นที่มาใช้สิทธิ์แทน โดย อ.สมชัยได้นำคลิปเสียงของประชาชนที่ถูกสวมสิทธิ์มาเปิดต่อสื่อมวลชน ภายในคลิปมีการระบุว่ามีผู้ถูกสวมสิทธื์มากถึง 60 ราย พร้อมส่งมอบคลิปเสียงดังกล่าวให้พบตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ส่งเรื่องให้ กกต. ตรวจสอบต่อไป ซึ่งกรณีนี้ จะมีความผิดตามมาตรา 94 ของกฎหมายเลือกตั้ง โทษจำคุกถึง 10ปี และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20ปี
.
อ.สมชัย เรียกร้องให้ กกต. ใช้เวลาในการตรวจสอบได้เต็มที่เพราะมีเวลาการประกาศเลือกตั้งได้ถึงวันที่ 19 สิงหาคม หากมีการประกาศก่อนแล้วค่อยมาตามสอยทีหลัง จะเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
