• มวลชนอุดมการณ์-แก๊งอภิบาลโจร |
โพสต์โดย 1111 , วันที่ 06 ก.ค. 50 เวลา 14:48:24 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ด้วยพฤติกรรมอันประจักษ์แล้ว ผมว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ในฐานะบุคคลสาธารณะ เป็นบุคคลที่น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง เป็นภาพพจน์เสื่อมเสียต่อสังคมชาติมากที่สุดคนหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงด้านอื่น เอาแค่ด้านเอารัดเอาเปรียบสังคมทางภาษี ทางกฎหมาย ในขณะที่ประชาชนร่วมชาติ “อาบเหงื่อต่างน้ำ” ได้เงินเดือนมาแต่ละบาทก็ต้องกัดฟัน “จ่ายภาษี” เลี้ยงชาติ! แต่ทักษิณกับครอบครัว ใช้โอกาส และอำนาจที่เหนือกว่าทางสังคม สร้างความร่ำรวยให้กับตัวเองและครอบครัวนับหมื่น-นับแสนล้านแล้ว “ไม่ยอมจ่ายภาษี” ให้ชาติซักบาท! และในฐานะ “บุคคลผู้นำสังคม” เมื่อมีปัญหาทางกฎหมายที่ต้องเผชิญความจริง เพื่อแสดงถึงการเอื้อเฟื้อต่อกติกาสังคม เพื่อเป็นการผดุงความศักดิ์สิทธิ์แห่ง “กฎหมายบ้านเมือง” แทนที่จะประพฤติตัวเองให้เป็นแบบอย่าง “เยี่ยงผู้นำ” ที่ดีเขาปฏิบัติกันดังปรากฏในประวัติอารยชาติ แต่นี่..กลับทำเป็นตัวอย่าง “ผู้นำที่เลว”! นอกจากแสดงปฏิกิริยาต่อต้าน ยังแสดงปฏิกิริยาหยาบหยาม ใช้เงินและโอกาสทางสังคม สร้างทัศนคติเหนือ เหนี่ยวนำ-โน้มน้าว “ลบล้าง” กระบวนการกฎหมายบ้านเมือง ทำให้สังคมเกิดความคลอนแคลนในศรัทธาต่ออำนาจรัฐ ต่อความศักดิ์สิทธิ์ทางสถาบันกฎหมาย ทำให้เกิดทัศนคติผิดๆ ต่อหมู่ประชาชนว่า “อำนาจรัฐ-กฎหมายรัฐ ไม่เห็นทำอะไรทักษิณได้เลย”? อย่างนี้..กฎหมายมีไว้ “กดหัว” เฉพาะคนจน คนด้อยโอกาส คนไทยติดแผ่นดินที่ไม่มีทาง “ดิ้น” ไปทางไหนได้เท่านั้นน่ะซี?! ตาสี-ตาสา คนที่ไม่มีปัญญาหือกับรัฐ คนที่ไม่ประสาทางกฎหมาย ไม่มีโอกาสทางสังคม ไม่มีเงินจ้างท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ไม่มีเงินจ้างม็อบป่วนเมือง ไม่มีเงินจ้างสื่อเห่า ไม่มีเงินจ้างทีมทนายมารับใช้โจรปล้นแผ่นดิน ไม่มีเงินไปซื้อบ้านเสวยสุขอยู่ต่างแดน คนเหล่านี้..คือคนที่ไม่มีโอกาสโกงชาติเท่านั้นที่... “คุก” มีไว้ขัง!นี่คือ ทัศนคติอันเป็น “ปฏิกิริยาย้อนกลับ” จากประชาชนที่เห็น “อำนาจทั้งประเทศ” ไปจัดการ พ.ต.ท.ทักษิณ อันมีชนักโกงบ้าน-กินเมือง “แค่คนเดียว” ก็ยังไม่ได้! แล้วจะห้ามไม่ให้เขา “คิดอย่างนั้น” ได้อย่างไรกัน? แถมยังปล่อยให้ใช้โอกาสที่เหนือกว่านั้น “ลอยตัว” อยู่นอกประเทศ สร้างพฤติกรรมชักใย เป็นปฏิปักษ์ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมชาติ ต่อความมั่นคงรัฐ ชาติแตกแยก “เพราะคนคนเดียว” ชนิดไม่จบ-ไม่สิ้น! การยกตัวเอง เหนือสังคม เหนือกฎหมาย เหนืออำนาจบริหาร และการปกครองของพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างที่เห็นอยู่ต่อเนื่องถึงขณะนี้ คมช.และรัฐบาล คมช.ต้องตระหนักให้ทัน และแสดงความรับผิดชอบให้มากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ อย่าถามเชิงปัดสวะว่า “ทำอย่างนี้แล้ว แล้วจะให้ทำอย่างไรอีก?” ถ้าไม่รู้ว่า ต้องรุกฆาต “โจรปล้นเมือง” ให้เข้าตาจนอย่างไร ก็ไม่ควรมาทำปฏิวัติด้วยข้ออ้างตามคำประกาศที่ว่า “เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและความมั่นคงของชาติ รวมทั้งเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์” และใครก็ไม่คู่ควรจะพูดคำว่า “ผมเสียสละมาเป็นนายกฯ”! ก็ดูซี..เข้าเดือนที่ ๑๐ ที่บ้านเมืองปกครองด้วย “อำนาจเผด็จการ” เพื่อความสงบสุข และความมั่นคงของรัฐ แต่ ๑๐ เดือนที่ผ่าน ซักเดือน-สองเดือนแรกเท่านั้นที่สภาพเศรษฐกิจ-สังคมไทยต้องชะงัก ก่อนปรับตัวเข้ากับระบบอำนาจปฏิวัติ แต่อีก ๗-๘ เดือน สภาพเศรษฐกิจและสังคมไทยที่ “สังคมทำความเข้าใจได้แล้ว” กลับต้องทรุดโทรม และเลวร้ายลงไปจนถึงวันนี้ ด้วยการกระทำ ของกลุ่มบุคคลที่เรียกว่า ขบวนการ “เอาทักษิณของกูคืนมา”! ผมอยากจะถามว่า โจรก่อการร้าย ๓ จังหวัดใต้ กับม็อบป่วนเมืองของระบอบทักษิณ แตกต่างกันในเป้าหมายอย่างไร? ผิดกันเพียงวิธีการที่ใช้เท่านั้น พวกโจรก่อการร้าย “ใช้อาวุธ” และการเข่นฆ่าประชาชน แต่ม็อบป่วนเมือง “ไม่ใช่อาวุธ-ไม่เข่นฆ่าประชาชน” แต่คล้ายกันในเป้าหมายคือ ก่อกวนความสงบสุข บั่นทอนความมั่นคงของประเทศ ทำลายความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจการลงทุน และบรรยากาศสร้างสุขสมานฉันท์ของสังคมไทย ประเทศไทยกำลังกลายเป็นประเทศที่อ่อนแอ และล้าหลังเพราะ “ประชาชนแตกแยก” บ่อนทำลายชาติกันเอง เหตุการณ์คล้ายก่อน “กรุงศรีอยุธยา” แตกครั้งแรก!? จริงอยู่ เราหลับตาอ้าง “สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ” ได้ และผมก็ไม่คัดค้านใครในประเด็นนี้ แต่ที่ผ่านๆ มา การชุมนุมนั้นๆ เขามีเจตนาแห่งการชุมนุมเพื่อ “เป้าหมาย” ที่ไม่ปลุกปั่นผู้คนด้วยข้อมูลบิดเบือน และไม่กระทำให้เป็นการบั่นทอนความมั่นคงของรัฐ และที่สำคัญ คือเขาได้รับความเข้าใจในเหตุผลจากสังคมรวม ตามกรอบรัฐธรรมนูญ หรือถึงขั้นได้รับความร่วมมือที่เรียกว่า “แนวร่วม” จากประชาชนส่วนใหญ่รวมเป็น “พลังประชาชน” เข้าจัดการในเรื่องที่เห็นว่า ปล่อยไว้จะเป็นภัยต่อสังคมบ้านเมือง แต่ม็อบที่ต่อสู้เพื่อปกป้อง “คนโกงบ้าน-กินเมือง” ที่เห็นพฤติกรรมตำตาขณะนี้ เอาที่ง่ายๆ อย่างเงิน ๒๐ ล้านปอนด์ เป็นหมื่นๆ ล้านบาทที่เอาไปซื้อทีมฟุตบอลก็เห็นอยู่ทนโท่ว่า เป็นเงินมิบเม้มไปจากแผ่นดินไทย-คนไทย หรือได้มาอันไม่สามารถเปิดเผยถึงความสุจริตได้ และซุกซ่อนไว้นอกประเทศ แต่ม็อบ “พิทักษ์ทักษิณ” ก็หาได้แยกแยะในความรู้สึกผิดชอบ-ชั่วดีไม่ หาได้มีสำนึกว่าอะไรมีค่าควรพิทักษ์ และใครไร้ค่าควรกระทืบไม่ กลับชุมนุมผู้คน สร้างความวุ่นวายป่วนบ้าน-ป่วนเมือง ปกป้องเทิดทูนโจรปล้นแผ่นดิน ๗ เดือน ๘ เดือน ก็ไอ้หน้าเดิมๆ กลุ่มนี้ จำนวนนี้ จนถึงขณะนี้ มันก็ไม่ใช่การชุมนุมในความหมาย ปรากฏการณ์ที่พรั่งพร้อมด้วย “ประชาชนร่วมอุดมการณ์” แต่มันคือ “แก๊งป่วนเมือง” สร้างความรำคาญ สร้างความเดือดร้อนให้วิถีชาวบ้าน ทำลายบรรยากาศบ้านเมืองไทยพุทธ ทำลายการประกอบสัมมาอาชีวะชาวบ้าน ร่ำๆ ไปถึงขั้น ก่อกวนความสงบสุข และบ่อนทำลายความมั่นคงของแผ่นดินไปแล้ว! ถ้าเป็นม็อบที่ได้ใจประชาชนเป็นแนวร่วม ก็คงไม่ถูกแม่ค้าเอาอุจจาระปาหน้า ไม่ถูกคนมีการศึกษาตะโกน “ด่าสั่งสอน” ที่ยกวงสัญจรไปเห่าหอนหน้าห้าง ไม่ใช่ผมพูดลอยๆ หรือพูดเพราะไม่ชอบทักษิณ ไม่ชอบม็อบเชิดชูคนกินเมือง แต่ผมพูดตามสิทธิและเสรีภาพเช่นเดียวกัน เพราะการแตกกลุ่มย่อยๆ แล้วแยกย้ายกันออกไปชุมนุม ก่อความวุ่นวายตรงโน้น-ตรงนี้ ทั่วบ้านทั่วเมืองนั้น ผมถือว่า การกระทำนั้นเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ “ไปละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น” แถมพฤติกรรมนั้น ชัดเจนขึ้นทุกวันว่า เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ และขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน เพราะทุกวันนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ “เอือมระอา” ไม่เอาด้วยกับม็อบปลุกเสกโจรให้เป็นพระกลับมาครองบ้าน-กินเมืองเต็มทีแล้ว! ไปทางไหน-ใครก็ด่า..ไอ้ม็อบจัญไร ทำให้รถติด-ปิดจราจร สร้างความวุ่นวาย-แตกแยก “แบกโจรเป็นพ่อ” ไม่ใช่อุดมการณ์เพื่อบ้าน-เพื่อเมือง แต่มันเป็นอันธพาลป่วนบ้าน-ป่วนเมือง ถือว่าการกระทำขณะนี้ถึงขั้น “ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอันเป็นส่วนรวมแล้ว”! อย่าง “พลเอกเปรม ติณสูลานนท์” นั้น ในความเป็นปัจเจกชน ท่านก็มีคุณูปการแก่บ้านเมือง สมควรได้รับการเคารพยกย่องเยี่ยง “ผู้ใหญ่ของบ้านเมือง” ท่านหนึ่ง ในความเป็นผู้มีดำรงสถานภาพแห่งสังคมชาติบ้านเมือง ท่านอยู่ในตำแหน่ง “ประธานองคมนตรี” ถ้าไม่เห็นแก่ท่าน ก็ควรต้องมีจิตสำนึกถึงตำแหน่ง “ประธานองคมนตรี” ระดับแกนนำม็อบ อย่างวีระก็อดีตรัฐมนตรี อย่างนายจักรภพ หรืออย่างใครๆ ที่ชักใยอยู่หลังฉากมากมาย ล้วนปัญญาชน อดีตตุลาการก็มี เคยยืนแถวหน้าจุดเทียนถวายพระพรชัยกันมาแล้วแทบทั้งนั้น แล้วนี่มิตรสหายไทยรักไทยไปถึงขั้น “กล้าแลก” เพื่อทักษิณกันแล้วเชียวหรือ? ระดับผม ไม่จำเป็นต้องคิดมาก แต่ระดับ พลเอกสนธิ-พลเอกสุรยุทธ์..ต้องคิดให้หนักในภาระหน้าที่-ที่รับผิดชอบนะครับ อำนาจเผด็จการ คืออำนาจที่ต้องทำให้บ้านเมืองนิ่ง อำนาจเผด็จการ เป็นอำนาจใช้แก้ปัญหาวิกฤติชาติที่เฉียบพลัน ทุกวันนี้ แค่ คตส. ลงแส้แจ้งข้อหาทักษิณกับแก๊งจริงจังก็จริง แต่ก็เหมือน “เผากงเต็ก” ให้มีผลในชาติหน้า เพราะตัวตนทักษิณไปนอนสะดือปลิ้นอยู่อังกฤษโน่น การอายัดทรัพย์ เป็นแค่พิธีกรรมเฉพาะหน้า เวลาที่ยืดไป เป็นการให้เวลา “ยักย้ายที่ยังจับไม่ได้ซุกลงใต้ดิน” ถ้า คมช. ยังไม่ขุดรากถอนโคน การทุ่มเพื่อ “ซื้ออำนาจการเมืองใหม่” เท่าไหร่ก็คุ้ม เพราะอำนาจการเมืองใหม่เท่านั้น จะทำให้ทักษิณ “เดินพรมแดง” จากบันไดเครื่องบินกลับบ้าน
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 2611 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย 1111
IP: Hide ip
, วันที่ 06 ก.ค. 50
เวลา 14:48:24
|