| • 8นปก.ดิ้นขอ ศาลปล่อยตัว |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 01 ส.ค. 50 เวลา 10:01:05 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
วันที่สองของการที่ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิด ให้ญาติพี่น้องเข้าเยี่ยม 8 แกนนำ นปก.พร้อมนำอาหารเข้า ไปได้ แต่จะเป็นวันสุดท้ายที่ทางเรือนจำอนุญาต อ้างเพื่อความปลอดภัย แล้วให้ซื้อหาจากร้านอาหารของเรือนจำแทน เรือนจำตรวจเข้มคนเยี่ยม นปก. ทั้งนี้ บรรยากาศการควบคุมกลุ่มแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปก.ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถนนงามวงศ์วาน ซึ่งเป็นวันที่ 4 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ตลอดช่วงเช้ามีครอบครัว ญาติและกลุ่มผู้สนับสนุนมาเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ คึกคักเหมือนวันจันทร์ที่ผ่านมา ที่เรือนจำเปิดให้เยี่ยมเป็นวันแรก วันนี้เจ้าหน้าที่เรือนจำยังตรวจตราบุคคลเข้า ออกเรือนจำอย่างเข้มงวด ส่วนด้านหน้าเรือนจำมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ประชาชื่น ทั้งในและนอกเครื่องแบบ มา รักษาความเรียบร้อย ส่วนบริเวณเคาน์เตอร์ติดต่อเยี่ยมญาติ เจ้าหน้าที่ยังคอยประกาศให้ญาติผู้ต้องขังปฏิบัติตามระเบียบ ของเรือนจำโดยเคร่งครัด ห้ามนำโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป กระเป๋าสตางค์ เข้าในเรือนจำ ก่อนให้ญาติลงชื่อเข้าเยี่ยม พร้อมรับบัตรคิว โดยวันนี้ยังเปิดให้กลุ่มญาติและผู้สนับสนุน เข้าเยี่ยมได้ไม่จำกัดจำนวน แต่วันนี้บางตาลงมาก ต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ส่วนภายในห้องเยี่ยมญาติทางเรือนจำให้แกนนำทั้ง 8 คน ออกพบญาติในห้องเยี่ยมที่ 8 ประกอบด้วย นาย วีระ มุสิกพงศ์ นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย พ.อ.อภิวัน วิริยะชัย ส่วนห้องเยี่ยมที่ 9 ประกอบด้วย นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ในวันนี้ทุกคนอยู่ ในชุดลำลอง ศีรษะเกรียน สีหน้าล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยกับครอบครัว ญาติ และผู้สนับสนุนอย่างเป็นกันเอง โดยมีเจ้าหน้าที่ยืนคุมอย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียบรรยากาศ หรือสถานการณ์ตึงเครียดลง ทุกคนพูดคุยกันอย่างกันเองสบายๆ ไม่มีอาการเครียด ทั้งเจ้าหน้าที่เรือนจำและ ญาติต่างเข้าอกเข้าใจกัน ในภาพรวมจึงไม่มีปัญหาเกิดขึ้น “วีระ” บ่นเจ็บคอเล็กน้อย นายวีระ มุสิกพงศ์ กล่าวกับญาติที่เข้าเยี่ยมว่า มีอาการเจ็บคออยู่นิดหน่อย ทุกอย่างปกติดี อยู่ดีกินดีเหมือนอยู่ข้างนอก ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนกรณีมีข่าวว่ามี ผู้ต้องขังมือปืนเข้ามาใกล้ชิด เกรงว่าอาจได้รับอันตรายนั้น คงไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะผู้ต้องขังทุกคนในแดนแรกรับกว่า 1,000 คน ถือเหมือนเป็นพี่น้องพูดคุยกันตามธรรมดาไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องการยื่นขอประกันตัวก่อนครบกำหนด 14 วัน ก่อนย้ายแดน ยืนยันว่าทั้งหมดจะไม่ยื่นประกันตัว โดยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม “จักรภพ” ท้าให้แจ้งความคดีดักฟัง ด้านนายจักรภพ เพ็ญแข กล่าวถึงกรณีกองปราบ ปรามเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในคดีดักฟังโทรศัพท์ผ่านญาติว่า ไม่มีปัญหา อยากแจ้งก็แจ้งเลย เพราะตัวเองเชื่อมั่น ในกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวเป็นการต่อสู้ ทางการเมืองไม่ใช่การต่อสู้ทางกฎหมาย แต่อยากให้เข้าใจศรัทธาของประชาชนไว้ด้วย เพราะที่ผ่านมาจากเหตุการณ์ที่แกนนำไปพบศาลแล้วถูกตำรวจหักหลัง ทำให้ประชาชนเคลือบแคลงใจในกระบวนการยุติธรรม โดยขอยืนยัน เรื่องดักฟังโทรศัพท์ไม่ได้ทำผิด เพราะเสียงและข้อมูลในโทรศัพท์เป็นเสียงจริง ไม่ได้มีการตัดต่อ อย่างไรก็ตาม อยากจะบอกกับคนที่แจ้งข้อกล่าวหาให้ระวังกรรมจะสนองกรรม หากออกไปเมื่อไหร่จะมีการเอาคืนแน่นอน ที่ พูดไม่ได้พูดเพราะโกรธ เตรียมยื่นขอศาลปล่อยตัว ขณะที่นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวผ่านญาติว่า ทางกลุ่มจะมอบหมายให้ทนายความไปยื่นคำร้องต่อศาลให้ปล่อยตัวในวันพุธนี้ แต่ยังยืนยันว่าจะไม่ขอยื่นประกันตัว เพราะยังไม่ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ให้นำอาหารเข้าไปวันสุดท้าย ส่วนบรรยากาศการเข้าเยี่ยมของเหล่าญาติๆ ของนปก.นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม่อี๊ด มารดานายจักรภพ เพ็ญแข ได้เดินทางมาถึงเรือนจำเป็นคนแรกในเวลา 08.00 น. พร้อมนำข้าวมันไก่มาฝากลูกชาย โดยแม่อี๊ดมีสีหน้าสดชื่นขึ้นกว่าเมื่อวานที่คล้ายกับวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำของเรือนของลูกชาย คาดว่าเมื่อแม่อี๊ดเข้าเยี่ยมแล้วเห็นนายจักรภพ เพ็ญแข สบายดี จึงคลายความวิตกกังวลลง โดยใช้เวลาเยี่ยมเฝ้ามองลูกชายในห้องเยี่ยมนานกว่า 4 ชม. ส่วนนางนวลพันธุ์ พรหมพันธ์ ภรรยานายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปก. ได้นำส้มตำไก่ย่าง ร้านวิเชียรบุรีไก่ย่าง มาฝากสามี ก่อนให้สัมภาษณ์ภายหลังเยี่ยมเพียงสั้นๆว่า เมื่อวานสามีบอกอยากกินส้มตำไก่ย่างของโปรดจึงนำมาให้ วันนี้ดูหน้าตาสดชื่นขึ้น ส่วนกฎห้ามญาตินำอาหารมาฝากผู้ต้องขัง ทางเรือนจำอนุโลมให้เป็นวันสุดท้าย “หมอเหวง” สุขภาพกายใจยังดี ขณะที่นางธิดา โตจิราการ นายสลักธรรม โตจิราการ ภรรยาและลูก นพ.เหวง โตจิราการ นำข้าวสวย ขาหมูน้ำแดง ใส่กล่องหิ้วมาฝากสามี เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า ทางเรือนจำห้ามนำอาหารมาฝากผู้ต้องขัง นางธิดา ดูเหมือนผิดหวังเล็กน้อย ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ทำกับข้าวมาน้อย เพราะครอบครัวแต่ละท่านได้นำอาหารมากินร่วมกัน หากเรือนจำห้ามญาตินำอาหารมาฝาก ตนเห็นว่าไม่รู้ผิดตรงไหน ควรยกเว้นภรรยาและครอบครัวให้สามารถนำอาหารมาฝากได้ การให้ผู้ต้องขังใช้เงินซื้ออาหารกินเอง กับครอบครัวนำอาหารมาให้ ความรู้สึกมันจะต่างกันขนาดไหน อย่างไรก็ตาม ไม่อยากทำอะไรผิดระเบียบ หากไม่ได้รับอนุญาตจะนำอาหารมาให้ สื่อมวลชนรับประทาน ส่วนสุขภาพ นพ.เหวง ยังสบายดี ตื่นเช้าออกกำลังกายทุกวัน จนถูกนายวีระ มุสิกพงศ์ แซวว่าเมื่อออกไป นพ.เหวง จะไปเป็นนักกีฬาแข่งโอลิมปิก มั่นใจมีแต่คนอยากผูกมิตร ภายหลังเข้าเยี่ยมนานกว่า 2 ชม. นางธิดา โตจิราการ กล่าวอีกครั้งว่า อาหารที่นำมาเจ้าหน้าที่เรือนจำอนุญาตให้หนึ่งวัน วันหลังต้องซื้ออาหารที่ร้านสวัสดิการเรือนจำจึงฝากให้ผู้ต้องขังได้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีพี่น้องติดคุก วันนี้ได้รู้ระเบียบของเรือนจำแล้วว่าเสาร์อาทิตย์ ห้ามเยี่ยม ยกเว้นวันนักขัตฤกษ์และวันธรรมดาที่เข้าเยี่ยมได้ ขณะนี้เข้าใจเจ้าหน้าที่เรือนจำแล้ว ที่ผ่านมา ไม่เคยโต้เถียง เพียงแต่ยังไม่เข้าใจ ส่วนความเป็นอยู่ของทั้ง 8 ท่าน ยังสบายดี ร่าเริงทุกคน ส่วนเรื่องความปลอดภัยหากมีการจำแนกไปยังแดนอื่นเมื่อครบกำหนด คงไม่ห่วง เพราะคาดว่าผู้ต้องขังคนอื่นคงรู้ว่าทั้งหมดเป็นผู้ต้องขังการเมือง คงอยากผูกมิตรด้วยมากกว่า อีกทั้งยังคิดว่าคนติดคุกบางครั้งไม่ได้เลวเสมอไปหมดทุกคน บางส่วนคงผิดพลาดในชีวิตครั้งเดียวแล้วต้องมาอยู่ในคุก ส่วนกรณีผู้ต้องขังคดีร้ายแรงเข้ามาพูดคุยกับนายวีระ เชื่อว่าต้องการเข้ามาคุ้มครองมากกว่า ยันยังไม่ใช่ผู้ต้องหา นางธิดากล่าวอีกว่า ส่วนการยื่นประกันตัวนั้น นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ได้ค้านไม่ให้ยื่นประกัน เพราะเห็นว่าเมื่อแกนนำทั้งหมดยังไม่เซ็นรับทราบข้อกล่าวหา จึงไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่เหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ขณะที่ศาลนัดให้ทั้ง 8 ไปไกล่เกลี่ยกับตำรวจที่ขอออกหมายจับต่อศาล อาญา พร้อมยื่นไต่สวนคัดค้านการออกหมายจับของตำรวจแต่กลับถูกตำรวจหักหลัง โดยขอให้ศาลออกหมายขังแทนสร้างความแปลกใจให้กับทุกคนอย่างมาก เพราะตั้งใจเดินทางมาศาลเพื่อไกล่เกลี่ย นายมานิตย์เลยยื่นเรื่องคัดค้านการขอออกหมายขังของตำรวจอีกครั้ง โดยให้ศาลเปิดไต่สวน แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่บอกว่าหมดเวลาแล้วทั้งหมดจึงถูกควบคุมไป สน.สามเสน แต่ทั้งหมดไม่ยอมรับสถานะตัวเอง ยังยืนยันว่าเป็นผู้ต้องหาปลอม ดังนั้นในวันพุธนี้ที่ศาลอาญาเปิดทำการครั้งแรก ทางทนายความคงเข้ายื่นเรื่องคัดค้านต่อศาลให้ไต่สวนการออกหมายจับและการออกหมายขัง ดังนั้น ขั้นตอนการประกันตัวคงเป็นอีกสเต็ป หลังจากที่ทุกคนเซ็นชื่อยอมรับตกเป็นผู้ต้องหามากกว่า แม่ชีมาไกลรุดเยี่ยม “จักรภพ” ขณะเดียวกัน ภิกษุณีพัชรี พงษ์พานิชย์ จากสำนักปฏิบัติธรรมอมิตพุทธ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เดินทางเข้าเยี่ยมเป็นคนต่อมาก่อนออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เดินทางมาจากอเมริกา 5 เดือน เพื่อเข้าร่วมต่อสู้ วันนี้ตั้งใจมาเยี่ยมนายจักรภพ เพ็ญแข โดยเฉพาะ แต่หลังจากได้พบทุกคนแล้วยังสบายดี จึงให้กำลังใจให้ออกมาต่อสู้เร็วๆ พวกเรารอฟังการปราศรัยของทุกคนอยู่ เชื่อว่า นปก.จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอนในเร็วนี้ ที่ผ่านมาเคยนั่งวิปัสสนาเห็นท่านทักษิณ ชินวัตร เป็นแก้วประกายทั้งตัว จึงได้สวดมนต์ภาวนาให้ทุกคนสงบสุข อย่างไรก็ตาม การร่วมต่อสู้ของตนในครั้งนี้ทั้งสนามหลวง และในเหตุการณ์สลายการชุมนุม ยืนยันว่าไม่ได้รับเงิน วันนี้ออกมาหมดเงินไปมากแล้วเหมือนกัน เชื่อ นช.มือปืนไม่คิดร้าย “วีระ” ส่วนความเป็นอยู่ในเรือนจำของกลุ่มแกนนำ นปก. นายธนาชัย พะยอมสวาท รอง ผบ.พิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับ 8 คน ทุกวันยังสบายดี ล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุขดี ทุกคนยังตื่นนอนแต่เช้ามืด ออกกำลังกาย ทำกิจวัตรประจำวันอย่างปกติ ทุกคนตื่นเช้าแล้วรับประทานอาหารของเรือนจำ ส่วนตอนเที่ยงจะรับประทาน อาหารของญาติ ตอนเย็นอาบน้ำ กินข้าว ขึ้นเรือนนอนดูทีวีได้ถึง 3 ทุ่ม กลางวันผู้ต้องขังสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ ได้ทุกคน โดยจัดเตรียมไว้แดนละ 2 ฉบับ ติดไว้ที่กระดานส่วนกลาง ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าผู้ต้องขังมือปืนเข้ามาอยู่ ใกล้ชิดกับนายวีระ มุสิกพงศ์ ได้ตรวจสอบพูดคุยกับตัว ผู้ต้องขังคนดังกล่าวแล้วคงไม่ได้คิดร้าย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คงไม่ต้องย้ายผู้ต้องขังคนดังกล่าวไปอยู่แดนอื่น เพราะผู้ต้องขังคนดังกล่าวอยู่ในแดนแรกรับก่อนที่นายวีระเข้ามาเสียอีก ห้ามนำอาหารภายนอกเข้ามา รอง ผบ.พิเศษกรุงเทพฯกล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย ทางเรือนจำไม่ได้ประมาท วันนี้จึงมีคำสั่งห้ามไม่ให้แกนนำ นปก.ทั้ง 8 คน รับประทานอาหารจากภายนอก หากไม่อยากรับประทานที่ทางเรือนจำ จัดไว้ให้ สามารถซื้ออาหารที่ร้านสวัสดิการในเรือนจำได้ อย่าว่าแต่คนอื่นเลยขนาดคนใกล้ชิดเคยมีภรรยานำน้ำมนต์ใส่ยาพิษนำมาให้สามีกินที่เรือนจำ เพื่อหวังเงินประกันชีวิต แต่เรือนจำตรวจสอบพบเสียก่อน จึงต้องระมัดระวังเรื่องอาหารเป็นพิเศษ คิดว่าทั้ง 8 คงเข้าใจเพราะ เป็นความปลอดภัยของพวกเค้าเอง ส่วนการจำแนกย้ายผู้ต้องขังกลุ่มดังกล่าวไปควบคุมในแดนอื่น เมื่อครบกำหนด 14 วัน ตามระเบียบ คงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง เพราะภายในเรือนจำมีทั้งคนที่คิดเหมือนกันและต่างกัน ต้องยึดความปลอดภัยเป็นสำคัญ คนแห่เยี่ยมไม่ขาดสาย จากนั้นตลอดช่วงบ่าย มีญาติและผู้สนับสนุนแกนนำ นปก.ทั้ง 8 คน เดินทางเข้าเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง อาทิ พล.ต.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ อดีต รมช.สาธารณสุข ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน พร้อมผู้ บริหารพรรคพลังประชาชน ได้เข้าเยี่ยมแกนนำ นปก.ทั้ง 8 คน ตามด้วยนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ที่ออกมากล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมว่า ทุกคนยังมีความเด็ดเดี่ยว การออกคำสั่งคุมขังไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะคำสั่งจับกุมต้องเริ่มจากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ไปขออำนาจศาลเพื่อจับกุมฝากขัง แต่แกนนำทั้งแปดได้ไปศาลเพื่อไกล่เกลี่ย โดยยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา จึงถือว่าเป็นการหักหลัง ส่วนการต่อสู้หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์มีหลักฐานว่าแกนนำ นปก. ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมโดยอหิงสา เรื่องทั้งหมดเกิดจากผู้มีอำนาจสั่งให้สลายการชุมนุม ขณะที่กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ นำโดยนายสุชาติ นาค-บางไทร นำสมาชิกประมาณ 15 คน เดินทางมาร้องเพลงมีเนื้อหาขับไล่ คมช. บริเวณหน้าป้ายเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯประมาณ 5 นาที ก่อนเดินทางกลับ พระเหนือมอบหนังสือธรรมะ ต่อมานางกัลญาณี มีพันธุ์ นายวีระภัทน์ มุสิกพงศ์ อายุประมาณ 30 ปี ลูกชายนายวีระ ได้ถือสมุดวาด เขียนเล่มใหญ่ติดรูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โชว์ให้สื่อมวลชนดู ก่อนติดต่อเข้าเยี่ยม และให้นางกัลญาณีออกมาสัมภาษณ์ว่า เดินทางจากอเมริกามาเยี่ยมแกนนำเพราะรักประชาธิปไตย ส่วนลูกชายนายวีระไม่ได้ ให้สัมภาษณ์ พร้อมเดินทางกลับไปทันที ขณะเดียวกัน พระบุญธรรม จิระบุญโต พระสุวิทย์ วัฑฒโน พระลูกวัดวัดสารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ นำหนังสือประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา 8 เล่ม มาฝากกลุ่มแกนนำ ก่อนออกมาให้ สัมภาษณ์ ว่า ได้เข้าเยี่ยมนายจักรภพ นายณัฐวุฒิ เป็นพิเศษ เพราะเห็นว่าทั้ง 8 คน เป็นคนดี มีความศรัทธาส่วนตัว ส่วนในวันพุธจะมีพระ 9 รูป จากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เดินทางมาเยี่ยม เปรียบ นปก.ผู้ใหญ่ดื้อแนะยาก ขณะที่ในวันเดียวกัน มีความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ เกี่ยวกับแกนนำ นปก.ทั้ง 8 คน ทั้งจากฟากรัฐบาลและ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดย พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปก.ว่า ตนไม่ อยากวิจารณ์อะไรมาก โดยเฉพาะที่มีการประกาศว่าจะยังคงเคลื่อนไหวชุมนุมตลอดเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นเดือนมหา มงคลของคนไทยนั้น รัฐบาลคงไม่ต้องให้คำแนะนำอะไร เพราะเด็กดื้อหัวรั้น เรายังให้คำแนะนำหรือหาทางแก้ไขได้ แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ดื้อคงแนะนำยาก อีกทั้งเรื่องนี้มีหลาย ฝ่ายที่ออกมาให้คำแนะนำอยู่แล้ว และทุกคนทราบดีอยู่ แล้วว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่ดีขึ้นในบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองเราเคยมีปัญหามาก่อน ซึ่งทำให้ประชาชนเบื่อ แต่พอทหารออกมาแทรก แซงประชาชนก็ดีใจระดับหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้ที่สูญเสียผลประโยชน์ไม่เห็นด้วย นำมาเป็นประเด็นโจมตีต่างๆ จนทำให้เกิดปัญหาในขณะนี้ เตือนผู้ชุมนุมรุ่น 2 อย่าซ้ำรอยรุ่นพี่ ด้าน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มนปก.ในรุ่นที่ 2 ว่า รัฐบาลพูดมาโดยตลอดว่าการชุมนุมเป็นสิทธิ การชุมนุมหรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองสามารถทำได้ แต่ทั้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายหรือข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะฉะนั้นความเคลื่อนไหวต่างๆ ถ้าไม่เป็นการละเมิดสิทธิผู้อื่น หรือทำผิดกฎหมายก็ไม่มีปัญหา ในส่วนของ นปก.จะมีรุ่น 1 รุ่น 2 หรือรุ่น 3 หรือไม่ก็ตาม คงไม่มีผลอะไร เพราะขึ้นอยู่กับว่าแกนนำนั้นมีวิสัยทัศน์และมีวิธีคิดอย่างไร การเคลื่อนไหวต่างๆ ไม่ควรที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างที่แล้วๆ มา เพราะขณะนี้ประชาชนเริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์ต่างๆ มากขึ้น รัฐบาลไม่ได้หนีปัญหา โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการวิจารณ์ว่า รัฐบาลและฝ่ายบริหารไม่ยอมทำอะไร ลอยตัวเหนือปัญหา แต่กลับปล่อยให้ คมช.และองค์กรตรวจสอบต่างๆ มีบทบาทมากกว่า ไม่เป็นความจริง รัฐบาลทำงานและประสานกับ คมช.มาโดยตลอด มีการดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอน และหน้าที่ที่มีการแบ่งกันแล้ว การทำงานทุกอย่างมีเหตุมีผล บางครั้งอาจจะดูว่าช้าบ้างแต่เมื่อถึงเวลาทุกอย่างก็จะมีคำตอบ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นั่งอยู่นิ่งๆ หรือลอยตัวอยู่เหนือปัญหา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ แต่ต้องยอมรับว่ากระแสการเมืองในปัจจุบัน สามารถกลบกระแสการทำงานของรัฐบาลได้ “สนธิ” ไม่สนรุ่น 2 ไร้พลัง ส่วน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคมช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่การเคลื่อนไหวของ นปก.รุ่น 2 ว่า ไม่น่าจะมีพลังในการเคลื่อนไหวเท่ากับแกนนำ นปก. ชุดแรก และอย่าไปสนใจ หรืออย่าไปให้ความสำคัญกับกลุ่ม นปก.ให้มากนัก เพราะคนเหล่านี้ไม่มีเพาเวอร์ ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้แล้ว ทั้งนี้ถ้าอยากให้บ้านเมืองสงบ ไม่มีความวุ่นวาย ก็อย่าไปให้ความสนใจ ชาติไม่ก้าวหน้าเพราะวุ่นวาย เช่นเดียวกับ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด ในฐานะสมาชิก คมช. ที่มองศักยภาพของ นปก.รุ่น 2 น่าจะเบาลง แต่ก็ยังต้องติดตามดู ซึ่งทุกคนน่าจะเข้าใจว่า ใกล้ถึงการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ บ้านเมืองจะต้องมีการเลือกตั้ง หากบ้านเมืองวุ่นวายไปเรื่อยก็จะไม่ก้าวหน้า ทำให้บ้านเมืองหยุดกับที่ คิดว่าคนไทยทุกคนมีความรับผิดชอบอยู่ทุกฝ่าย เชื่อ นปก.ไม่ฟ้องศาลโลก เมื่อถามว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีการตรวจเข้ม โดยเฉพาะผู้ที่จะเข้ามาเยี่ยม 8 นปก. เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องคงจะต้องดำเนินการให้เกิดความเรียบร้อยเพื่อป้องกันเหตุร้ายทั้งปวง แต่โดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เมื่อถามว่า นปก.เตรียมที่จะนำเทปลับระหว่างการปะทะตำรวจกับ นปก.ไปฟ้องศาลโลก ทาง คมช. จะต้องมีการสกัดกั้นหรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า เห็นเงียบๆ ไปแล้ว คิดว่า นปก.คงไม่ทำแล้ว แต่หากไปฟ้องศาลโลกก็ไม่ได้มีประโยชน์กับผู้ใด เพราะเขาคง ไม่ได้มาช่วยอะไร เราจะต้องช่วยกันดูแล แก้ปัญหากันเองคนข้างนอกคงไม่รู้อะไรลึกซึ้งมาก และท้ายที่สุดแล้วปัญหาก็จะตกอยู่กับประเทศไทย ดังนั้นเราจะต้องช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองให้เกิดความสงบสุข หากมีปัญหาก็ต้องคุยสร้างความเข้าใจกัน และช่วยกันระงับอารมณ์ “เสรี” ลั่นฝากขังต่อแกนนำผู้ชุมนุม ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงการเคลื่อนไหวของ กลุ่ม นปก.ว่า ไม่จำเป็นต้องดูแล หากอยากแสดงความคิดเห็นให้แสดงไป แต่อย่าทำให้ประชาชนเดือดร้อนหรือกระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่ากันในการแสดงความคิดเห็น แต่ถ้าไปด่าใครให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย หากมีผู้ที่ถูกหมิ่นประมาทมาแจ้งความ ต้องดำเนินคดี รวมถึงการปราศรัยโจมตีตน ตำรวจมีการถอดเทปให้ พิจารณา หากผิดกฎหมายจะมีการดำเนินคดีไป ส่วนแกนนำ นปก.ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หากครบ กำหนดฝากขังผลัดแรก 12 วันแล้ว จะยื่นขอต่อศาลฝากขังแกนนำต่อไป ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่ แต่จะคัดค้านไม่ให้ประกันตัวอย่างแน่นอน เพราะถ้าออกมาอาจจะมาร่วมกิจกรรมทำอะไรต่อเนื่องทำให้บ้านเมืองยุ่งเหยิงขึ้น เพราะฉะนั้นอยู่ในนั้นดีแล้ว ขู่ผู้ชุมนุมไม่หยุด เปิดเทปจับรายตัว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวถึงการดำเนินคดีกับบุคคลอื่นในเหตุการณ์ปะทะหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ว่า ถ้าบรรดาม็อบทั้งหลายหยุด ตนจะดำเนินคดีเฉพาะแกนนำที่จับกุมครั้งแรก 6 คน และครั้งที่ 2 อีก 9 คน รวมเป็น 15 คนเท่านั้น แต่ถ้ายังไม่ยอมหยุด ต้องตรวจสอบพยานหลักฐานไป เพราะในภาพมีทั้งหมด จะสืบสวนเพื่อให้ได้ความว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นใคร และจะต้องรีบดำเนินคดีตามกฎหมาย ถ้าหยุดเราจะเอาเฉพาะแกนนำ แต่ถ้าไม่หยุดต้องล่อไปเรื่อยๆเป็นการทำตามกฎหมาย จะมาว่าตนไม่ได้ หลายคนไม่เข้าใจ พยายามประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็นว่าตำรวจกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชน ไม่มีหรอก ถ้าตำรวจทำอย่างนั้นก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน เราเป็นผู้รักษากฎหมาย ไปทำผิดกฎหมายไม่ได้ “ขอร้องทำอะไรให้อยู่ในขอบเขตกฎหมาย อย่าไปทำอย่างที่แล้วมา ซึ่งมันผิด ผมถึงจับกุมได้ ใครจะว่าอะไรผมไม่ได้ ผมเป็นผู้รักษากฎหมาย ถ้าผู้รักษากฎหมายไม่เข้มแข็ง แล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร” รักษาการ ผบ.ตร.กล่าว นปก.2 จี้ คมช.ปล่อยแกนนำรุ่น 1 ส่วนที่ท้องสนามหลวง ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ยังคงมีการชุมนุมของ นปก. โดยมีผู้สนับสนุนเดินทางมาร่วมฟังการปราศรัย ท่ามกลางสายฝน กระทั่งเวลา 19.00 น. นายเมธาพันธุ์ โพธิธีรโรจน์ ประธาน นปก.รุ่น 2 ออกแถลงการณ์ในนาม นปก. ขอให้ คมช.หยุดทำร้ายประชาชน ผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ คมช. และรัฐบาลปล่อยตัวแกนนำ นปก.15 คน โดยไม่มีเงื่อนไข ยุติการข่มขู่ คุกคาม การให้ร้ายป้ายสี ทำลายเสรีภาพประชาชน ขอชวนประชาชนร่วมกันคว่ำรธน. 50 ด้วยการเข้าคูหากาไม่เห็นชอบ และนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ในทันที ทั้งนี้ โดยในวันที่ 1 ส.ค. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข หนึ่งในแกนนำรุ่น 2 จะชวนประชาชนไปรวมตัวที่หน้าโรงพยาบาลมิชชั่น แล้วเดินไปที่หน้าทำเนียบเพื่อวางหรีด และยื่นหนังสือเรียกร้องกับรัฐบาล ให้ปล่อยแกนนำโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่หวั่นจะถูกจับรอบ 2 ด้านนายก่อแก้ว พิกุลทอง กล่าวว่า ทราบว่าจะมีการออกหมายจับนายจักรภพ กรณีที่นำเทปลับมาเปิดที่สนามหลวง ทั้งที่นายจักรภพเองถือเป็นผู้ดำเนินรายการของพีทีวี ซึ่งถือเป็นสื่อมวลชน เมื่อได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวก็ต้องนำมาตีแผ่ ตั้งข้อสังเกตว่า ตำรวจพยายามตั้งธงดำเนินคดีกับผู้ที่เรียกร้องประชาธิปไตย ในขณะที่ข้อหาต่างๆ ที่ประชาชนและ นปก.ไปแจ้งความขับ คมช. หรือป๋าเปรม กลับไม่มีการดำเนินการอะไร เรื่องนี้ นปก.เองอยากเรียกร้องให้นักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชน ออกมาส่งเสียงเรียกร้องให้คนไทยและชาวโลกได้ทราบว่า ปัจจุบันไทยมีการคุกคามสิทธิมนุษยชน และแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมแล้ว ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาขู่ว่า จะออกมาหมายจับแกนนำ นปก.อีกชุดนั้น ขอเรียกร้องให้ตำรวจจับคนที่กระทำความผิดตามกฎหมายอย่างแท้จริง ไม่ใช่ยกเรื่องที่บ้านสี่เสาฯมาแล้วพยายามกวาดต้อนแกนนำ นปก.ให้เข้าคุก เพื่อไม่ให้ขับเคลื่อนต่อ ซึ่งส่วนตัวทราบข่าวมาว่า ตกอยู่ในบัญชีการจับกุมของตำรวจในรอบ 2 แต่ถ้าจะจับก็ขอให้ดำเนินการอย่างมีหลักฐาน มิฉะนั้นจะสร้างความคับแค้นใจให้ประชาชน สำหรับการจัดงานวันที่ 12 ส.ค. นปก.ได้ส่งตัวแทนไปคุยกับ กทม.แล้ว และยืนยันว่าไม่มีการปราศรัยแน่นอน ประกาศเดินหน้าคว่ำ รธน.50 ขณะที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ กล่าวว่า นปก.จะยังคงจัดกิจกรรมคว่ำ รธน.50 โดยใช้ชื่อว่ากิจกรรม “แดงไม่รับ” โดยในวันที่ 4 ส.ค.นี้ จะให้แนวร่วม นปก.สวมเสื้อสีแดง ริบบิ้นแดง ออกไปรณรงค์ที่ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ แต่จะแจกเอกสารไม่รับร่างแทนการใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัย แล้วเดินไปรณรงค์ที่ถนนสุขุมวิท จากนั้นในที่ 11 ส.ค. จะไปรณรงค์ต่อที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว และในวันที่ 18 ส.ค. ที่ท้องสนามหลวง ขณะที่ นายเสกสันต์ แก้วนพจิตร กล่าวว่า วันที่ 1 ส.ค. จะนัดประชาชนที่สนับสนุน นปก.ไปเข้าเยี่ยมแกนนำที่เรือนจำ ส่วนทิศทางการชุมนุมของ นปก.ในอนาคต ยังเดินหน้าขับไล่เผด็จการ และไม่รับร่าง รธน.50 ขู่ปลุกผู้ชุมนุมล้อมเรือนจำ จากนั้นการปราศรัยของ นปก.ก็ทวีความดุเดือดขึ้น โดยนายสุรชัย ด่านวัฒนาณุสรณ์ ปราศรัยกับผู้ชุมนุมว่า ทราบว่าหลังฝากขังครบ 12 วัน ทางเรือนจำจะจำแนกแกนนำ นปก.ให้กระจายไปอยู่ในแดนต่างๆ การกระทำแบบนี้ถือเป็นวิธีการทำลายความคิดและความตั้งใจของแกนนำ เพื่อให้เกิดความท้อแท้ และเมื่อมีการแสดงความอ่อนแอออกมา ภาพที่ปรากฏผ่านสื่อออกมาเกี่ยวกับแกนนำ นปก.ในเรือนจำ ก็จะไม่เป็นผลดีกับเวที นปก.ที่ สนามหลวง จึงอยากฝากถึงนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ อย่าปล่อยให้ทางเรือนจำมาเล่นลวดลาย หากมีการแยกขังจริง จะมีการรวมพลังประชาชนปิดล้อมเรือนจำคลองเปรมฯข่าวจากไทยรัฐ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1443 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 01 ส.ค. 50
เวลา 10:01:05
|
