ตำรวจภูหลวงขับรถตู้ไปพลิกศพพระแทงคอตาย ต้องจอดไว้ริมถนนแล้วเดินเข้าไปที่วัด ขากลับออกมาปรากฏว่ารถหาย หาไม่เจอ จึงแจ้งสกัดจับ เชื่อมีมือดีบังอาจล้วงคองูเห่า ผ่านไป 2 วันเจอรถไหลลงไปอยู่ในดงกล้วยข้างทาง เพราะจอดไม่ดึงเบรกมือ...
จากกรณีเมื่อช่วงเย็นวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา ร.ต.ท.นพพร อัทระ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ภูหลวง จ.เลย ได้รับแจ้งเดินทางไปตรวจสอบเหตุพระแทงคอตัวเองมรณภาพ ภายในกุฏิวัดวังเสื้อแดง หมู่ 1 ต.เลยวังไสย์ อ.ภูหลวง โดยใช้รถตู้โตโยต้า สีขาว ทะเบียน ฮภ 738 กรุงเทพมหานคร ติดไซเลน และมีสติกเกอร์สีแดงของ สภ.ภูหลวง ติดด้านข้างตัวรถ เป็นพาหนะเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ปรากฏว่า ขากลับออกมาจากวัด ซึ่งต้องนำรถจอดไว้ริมทาง แล้วเดินเข้าไปอีกประมาณ 1 กม. เมื่อมาถึงจุดที่จอดรถไว้ รถตู้คันดังกล่าวได้หายไป จึงวิทยุไปยังศูนย์วิทยุ สภ.ภูหลวง ให้แจ้ง สภ.ใกล้เคียง ช่วยกันสกัดจับคนร้ายที่คาดว่าได้ขโมยเอารถตู้ขับหลบหนีไป หากันพลิกจังหวัดสุดท้ายมาจอดสงบนิ่งอยู่ในป่ากล้วยข้างทางนี่เอง
จนกระทั่งเวลา 07.00 น. วันที่ 13 ธ.ค.58 หลังจากตำรวจทั้งจังหวัดตามหารถตู้กันมาแล้ว 2 วัน แต่ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ และไม่ได้เบาะแสใดๆ ทางเจ้าหน้าที่ของ สภ.ภูหลวง ได้รับแจ้งว่า พบรถคันดังกล่าวแล้ว อยู่ในป่าดงกล้วย ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร จึงแจ้งไปยัง ร.ต.ท.นพพร อัทระ ร้อยเวรเจ้าของคดี เดินทางไปตรวจสอบ
พบว่ารถตู้จอดแน่นิ่งอยู่ในดงป่ากล้วยบริเวณไหล่ทาง ซึ่งเป็นหุบลึกลงไปจากริมถนน สันนิษฐานว่า ตอนที่พลขับ ขับมาจอดไว้บนถนนไหล่ทาง ปิดล็อกประตูก่อนจะพากันไปตรวจสอบเหตุพระแทงคอฆ่าตัวตาย แล้วลืมดึงเบรกมือ ทำให้รถตู้ไหลลงไปในดงกล้วย และเนื่องจากเป็นเวลามืดค่ำ มองไม่เห็น
จึงทำให้ตำรวจคิดว่าคงถูกโจรล้วงคองูเห่าขโมยเอารถตู้ไปแน่ จึงได้แจ้ง สภ.ต่างๆ ช่วยกันสกัดจับคนร้าย จนในที่สุดพบว่ารถไม่ได้ถูกขโมย แต่ไหลลงไปอยู่ในดงกล้วยข้างทาง คราวนี้ตำรวจจึงต้องช่วยกันนำรถตู้คันดังกล่าวขึ้นมาเก็บไว้ที่ สภ.ภูหลวง โดยที่รถไม่ได้รับความเสียหาย หรือบุบสลายแต่อย่างใด.
ขอบคุณภาพข่าว:
รวมพลังต่อต้านคอร์รัปชั่น