• ศิลปินผู้ประพันธ์ทำนองเพลงชาติไทยคือใคร |
โพสต์โดย thailnad , วันที่ 13 มี.ค. 59 เวลา 16:13:39 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
[b]เพลงชาติไทย[/b]เป็นเพลงที่ทรงคุณค่ายิ่งนัก เพราะในเนื้อเพลงชาติไทยก่อให้เกิดความฮึกเหิม มีความสามัคคี รักใน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จนอดนึกชื่นชมศิลปินผู้ประพันธ์ทำนองเพลงชาติไทยคือใครคนนั้นไม่ได้ เพราะท่านได้หยิบยกคำที่มีความหมายที่ดีมาใส่ไว้ในเพลงชาติไทย เนื้อเพลงจนครบ ดังนั้นการได้ศึกษาถึงประวัติของศาสตร์ของเพลงชาติไทยจึงเป็นสิ่งที่มีค่าและจำเป็นยิ่งนัก เพราะจะได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของเพลงชาติไทยอย่างละเอียดและรู้ลำดับขั้นตอนก่อนจะมาถึงเนื้อร้องในปัจจุบันนี้ ซึ่งลำดับขั้นตอนของเพลงชาติไทยได้ปรากฏดังต่อไปนี้
สำหรับเพลงชาติไทยที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้จะเป็น เพลงชาติไทยลำดับที่ 7 ซึ่งได้มีการประกาศใช้ในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม รัฐนิยมฉบับที่ 6 ในวันที่ วันที่ 10 ธันวาคม 2482 โดย พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) เป็นผู้ประพันธ์ทำนอง ไว้ในปี 2475 และ พันเอกหลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์) เป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้อง ซึ่งก่อนจะมาลงตัวเป็นเพลงชาติไทยในแบบปัจจุบันนี้ได้มีเพลงชาติไทยสมัยก่อนอีกถึง 6 เพลงด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ ปี 2395 2414 โดยได้ใช้ทำนองเพลง God Save the Queen ซึ่งเป็นเพลงถวายความเคารพองค์พระมหากษัตริย์และเรียกเพลงนี้ว่า เพลงสรรเสริญพระบารมีอังกฤษ จากนั้น พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ได้ประพันธ์เนื้อร้องขึ้นมาใหม่ โดยเรียกชื่อว่า เพลงจอมราชจงเจริญ ซึ่งเพลงนี้นี่เองจึงได้ถือเป็น เพลงชาติลำดับที่ 1 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมาพระองค์ทรงมีพระราชดำริว่าควรจะใช้เพลง เป็นทำนองเพลงไทยจะดีกว่า คณะครูดนตรีไทยในสมัยนั้น จึงได้ขอพระราชทานอัญเชิญ เพลงทรงพระสุบิน หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เพลงบุหลันลอยเลื่อน ในพระราชนิพนธ์ ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 2 ซึ่งได้ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ให้ดูเป็นสากลขึ้นโดย เฮวุดเซน จึงถือว่าเป็น เพลงชาติลำดับที่ 2 และใช้ในระหว่าง ปี 2414 2431
ต่อจากนั้นนักประพันธ์ชาวรัสเซีย ปโยตร์ สชูโรฟสกี้ (Pyotr Schurovsky) ได้นำคำร้องเป็นบทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ มาใช้บรรเลงเป็นเพลงชาติลำดับที่ 3 ขึ้นใช้ในระหว่าง ปี 2431 2475 ซึ่งเพลงนี้ได้ใช้ต่อมายาวนาน เนื่องจากมี ทำนองที่ไพเราะ และเนื้อหามีความสมบูรณ์ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงใช้อยู่ ในชื่อของ เพลงสรรเสริญพระบารมี นั่นเอง ทั้งนี้ภายหลังประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เปลี่ยนมาเป็นระบอบประชาธิปไตยแล้ว ก็ได้มีการสร้างเพลงชาติขึ้นมาใหม่อีกครั้งเป็นลำดับที่ 4 โดย พระเจนดุริยางค์ เป็น ผู้ประพันธ์ แต่ยังไม่สมบูรณ์ จึงใช้ทำนองเพลงมหาชัย ไปก่อน จากนั้นเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) และเสนาบดีกระทรวงธรรมการได้ ประพันธ์เนื้อร้องขึ้นมาโดยมีเนื้อหาเพื่อเป็นการปลุกใจให้คนได้เกิดความรักชาติ และมีความสามัคคี เลื่อมใสในรัฐธรรมนูญ แต่เพลงนี้ใช้ได้ไม่ถึง 1 เดือน ก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเป็นเพลงชาติลำดับที่ 5
ซึ่งเพลงชาติลำดับที่ 5 นี้ พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) เป็นผู้ประพันธ์ทำนองในวันที่ 4กรกฎาคม 2475 โดย ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) ประพันธ์เนื้อร้อง และได้ใช้ครั้งแรก ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2475 แต่ก็ใช้อยู่เพียง 3 ปีเท่านั้น ต่อมาในปีพุทธศักราช 2477 พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ และคณะ ได้พิจารณาเห็นสมควรว่า เพลงชาติควรจะมีลักษณะบ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ จึงได้จัดให้มีการประกวดบทร้องเพลงชาติขึ้นใหม่ และคณะกรรมการก็ได้สรุปผลให้บทร้องของนายฉันท์ ขำวิไล กับบทร้องของขุนวิจิตรมาตรา ควรได้รับรางวัล และสุดท้ายจึงตัดสินให้บทร้องของขุนวิจิตรมาตราชนะเลิศ
ในปีพุทธศักราช 2482 ได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อประเทศ โดยเปลี่ยนจากจากคำว่าประเทศ สยาม มาเป็น ประเทศไทย จึงทำให้ต้องแก้ไขเนื้อร้องในเพลงชาติด้วย รัฐบาลจึงได้มีการจัดประกวดบทร้องเพลงชาติไทยขึ้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งผลการประกวดมีผู้ชนะ ได้แก่ นายพันเอกหลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์) ได้ส่งเข้าประกวดในนามของกองทัพบก และใช้ทำนอง ของพระเจนดุริยางค์ ตามแบบที่มีอยู่เดิม จนกลายมาเป็นเพลงชาติลำดับที่ 7 และได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีเนื้อร้องตามที่คนไทยทุกคนร้องได้ ทั้งนี้พันเอกหลวงสารานุประพันธ์เองนั้น ท่านก็มีความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจที่ได้ใช้บทประพันธ์เพลงของตนมาเป็นเพลงประจำชาติ ถึงกับได้สั่งเสียบุตร ธิดา ไว้ว่า หากวันใดที่ท่านถึงวาระที่ต้องอำลาจากโลกนี้แล้ว ให้บุตร หลาน ของท่านได้นำเพลงชาติไทยนี้มาเปิดในงาน เพื่อสร้างความครึกครื้นให้กับผู้ที่มาร่วมงานอีกด้วย
จากประวัติความเป็นมาของเพลงชาติไทยข้างต้น ชี้ให้เห็นว่าเพลงชาติไทยนี้มีความเป็นมาที่ยาวนานคู่กับประวัติศาสตร์ของชาติไทยเลยทีเดียว และในแต่ละลำดับของเพลงในแต่ละช่วงก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย และได้มีผู้ประพันธ์เพลงมากมายหลายคน แต่โดยสรุปแล้ว เนื้อหาก็ยังคงมุ่งเน้นไปในทางเดียวกัน นั่นก็คือ ต้องการให้คนในชาติมีความรักและสามัคคี รักชาติ รักศาสนาและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความหวงแหนแผ่นดินไทย ซึ่งนับว่าเพลงชาติไทยนี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่เราคนไทยควรเก็บรักษาให้อยู่ยั่งยืนตลอดคู่กับประเทศไทยต่อไป
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 722 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย thailnad
IP: Hide ip
, วันที่ 13 มี.ค. 59
เวลา 16:13:39
|