• เชียงใหม่เข้ม โรคระบาดจากจีน หากใครมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก รีบไปพบแพทย์ด่วน!!! |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 07 ม.ค. 63 เวลา 14:16:39 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ประกาศเฝ้าระวังโรคระบาด!!! ผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงนี้ รวมถึงหากพบเห็นผู้ที่เดินทางมาจากเมืองดังกล่าว แล้วมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล และเหนื่อยหอบ ขอให้รีบไปพบแพทย์ หรือแจ้งโรงพยาบาลใกล้บ้านหรือที่พักทันที
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือโรคปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ โดยมีมาตรการต่างๆ ดังนี้ ด่านควบคุมโรค ในท่าอากาศยานเชียงใหม่ เมื่อพบผู้สงสัยว่าจะเป็นโรคปอดอักเสบ (อู่ฮั่น) ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของด่านฯ และแจ้งไปยังโรงพยาบาลนครพิงค์ สายด่วน 1669 โดยโรงพยาบาลนครพิงค์จะจัดรถพยาบาลเพื่อไปรับผู้สงสัย ภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง รวมทั้งมีการแจกบัตรเฝ้าระวังโรค (Health Beware Card) ให้ผู้โดยสารที่ผ่านด่านคัดกรองโรคที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยจัดพิมพ์บัตรขนาดเท่านามบัตรพิมพ์หน้า-หลัง ทั้งแบบภาษาจีน-อังกฤษ และแบบภาษาไทย-อังกฤษ นอกจากนี้ หากพบผู้สัมผัสกับกลุ่มเสี่ยงสูง ให้ส่งกักที่โรงพยาบาลสารภี โรงพยาบาลสารภีบวร และโรงพยาบาลสันป่าตอง กรณีพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ (อู่ฮั่น) ในโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลเอกชน ให้ทำการแยกกักผู้ป่วยไว้ แล้วแจ้งไปยังโรงพยาบาลนครพิงค์ และ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่
นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่จะเดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศที่มีรายงานผู้ติดเชื้อปอดอักเสบ เนื่องจากองค์การอนามัยโลกยังไม่มีประกาศห้ามการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว ดังนั้น ผู้ที่จะเดินทางสามารถเดินทางไปได้ แต่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่มีมลภาวะที่เป็นพิษ ให้เพิ่มความระมัดระวังไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว รวมถึงการรักษาร่างกายให้อบอุ่น อยู่เสมอ นอกจากนี้ ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ หากมีอาการเริ่มป่วย เช่น มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ขอให้รีบไปพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวมได้
ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 053-211048-50 ต่อ 110
/p>
สธ.พบผู้ป่วยจากอู่ฮั่น 4 ราย นำเข้าห้องแยกโรคสถาบันบำราศฯ 3 ราย และ รพ.เอกชน 1 ราย เผยผลตรวจแล็บ 2 ราย เป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A H3N2 และสายพันธุ์ C ไม่เกี่ยวไวรัสปริศนาที่จีน รอผลตรวจยืนยันครั้งที่ 2 ก่อนให้กลับบ้าน ส่วนอีก 2 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจแล็บ ระบุทั้งหมดอาการดีขึ้น ไม่มีอาการรุนแรง "อนุทิน" มั่นใจคัดกรองได้ 100% ไม่มีหลุดรอด พร้อมเฝ้าระวังสายการบินจากฮ่องกง และสิงคโปร์ หลังเริ่มมีพบรายงานผู้ป่วย
เบื้องต้นทางการจีนรายงานผลการตรวจเชื้อโรคพบว่าไม่ใช่โรคซาร์ส ไม่ใช่ไข้หวัดนก และไม่ใช่โรคเมอร์ส แต่ที่แน่ ๆ คือมีการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง ดังนั้นจึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างชัดเจนอีกครั้งเพื่อรายงานไปยังองค์การอนามัยโลกเพื่อพิจารณายกระดับการดูแลควบคุม ส่วนของไทย กรณีที่มีผู้ป่วยหลังเดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่นและอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่ห้องแยกโรคสถาบันบำราศฯ 3 ราย รายแรกเป็นเด็กชายวัย 3 ขวบชาวจีน ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อซาร์ส ไม่พบเมอร์ส ไม่พบเชื้ออันตรายอื่น ๆ ส่วนเชื้อที่ทำให้มีปัญหาระบบทางเดินหายใจคือ AH3N2 เคสนี้อาการดีขึ้นโดยลำดับ อยู่กับมารดาในห้องแยกโรค
ส่วนรายที่ 2 เป็นนักศึกษาอายุประมาณ 20 ปี ศึกษาที่เมืองอู่ฮั่น พอกลับมาแล้วมีไข้ ไป รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง แล้วขอมารักษาที่สถาบันบำราศฯ อาการดีขึ้นตามลำดับ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อโรคอันตราย แต่ที่พบคือเชื้อ RSV และมีเชื้อตระกูลที่ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ รายที่ 3 เป็นนักศึกษาที่เมืองอู่ฮั่น ป่วยและมีรถจากสถาบันบำราศฯ ไปรับ เก็บตัวอย่างตรวจและให้การรักษาตามอาการ อยู่ระหว่างการพิจารณาให้ยาต้านไวรัสหรือไม่ ตอนนี้พูดคุยได้ตามปกติ ส่วนรายที่ 4 เป็นวัยกลางคน อยู่ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง เดิมมีไข้ ไอ มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจอยู่ก่อน แล้วเดินทางไปเที่ยวที่เมืองอู่ฮั่นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ กลับมาจึงเข้ามารับการรักษาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง แล้วทาง รพ.ประสานมาที่สถาบันฯ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะรับตัวมาดูแลที่สถาบันฯ หรือไม่ ทั้งนี้ยืนยันว่าทั้งหมดไม่มีการติดเชื้อตัวเดียวกันกับที่พบที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนแต่อย่างใด แต่เราต้องรอให้ทั้งหมดหายดีก่อนถึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้
ทั้งนี้ มาตรการเหล่านี้เราไม่ได้เพิ่งทำ แต่เราทำทุกครั้งที่มีรายงานพบโรคติดต่อร้ายแรง ซึ่งเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา นายอนุทิน ได้ให้ความสำคัญคือ มีการยกระดับ โดยเปิดศูนย์ปฏิบัติการหรือ EOC ที่ กรมควบคุมโรค และกำลังจะยกระดับมาตรการคุมเข้มระดับ 2 เพราะ 1.การเพิ่มจำนวนของผู้ป่วยในพื้นที่ระบาด ที่จีน โดยเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2562 มีผู้ป่วยประมาณ 27 ราย แต่เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 พบผู้ป่วยเพิ่มเป็น 44 รายในจำนวนนี้มีผู้ป่วยอาการรุนแรง 11 ราย และยังมีผู้ที่มีอาการที่อยู่ในกลุ่มที่ทางการจีนยังเฝ้าระวังและแยกกักตัวอีก 121 ราย 3.พบผู้ป่วยในพื้นที่อื่น คือ ที่ฮ่องกง 7 ราย ที่สิงคโปร์มีผู้ป่วยเข้าข่ายด้วย และ 4.ยังไม่สามารถระบุลักษณะการแพร่เชื้อได้ว่ามาจากสัตว์สู่คน หรือคนสู่คน ซึ่งข้อมูลพบเพียงว่าผู้ป่วยหลายคนในเมืองอู่ฮั่นมีประวัติเชื่อมโยงกับตลาดขายส่งอาหารทะเล แต่ที่นั่นมีการขายสัตว์ประเภทอื่นด้วย
นพ.สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า มาตรการรับมือกับโรคติดต่อของไทยมี 3 ระบบ คือ 1. ช่องทางเข้าออกประเทศทั้งทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ อย่างผู้ป่วย 2 ราย เราตรวจจับได้ที่สนามบิน อีก 1 รายเดินทางเข้ามารับการรักษาเองเพราะทราบข่าวที่นายอนุทินไปตรวจความพร้อมที่สนามบินสุวรรณภูมิ 2. มาตรการของสถานพยาบาลทั่วประเทศ ทั้ง รพ.รัฐ และเอกชน หากมีผู้ป่วยต้องสงสัย ต้องรายงานเข้าระบบ และ 3.ชุมชน โดยสถานที่ท่องเที่ยว เช่น โรงแรม โฮมสเตย์ ต้องมีการให้ข่าวสารคนในชุมชน ให้ช่วยกันดูอาการหากสงสัยให้แจ้งมายังกรมควบคุมโรค อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยที่เรามีการออกแบบระบบมีการวางแผนทำให้ ได้ผลที่ดี ซึ่งที่เขาประเมินว่าบ้านเรามีระบบความมั่นคงสุขภาพที่ดีระดับ 6 ของโลกไม่ใช่เรื่องมั่ว
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1758 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 07 ม.ค. 63
เวลา 14:16:39
|