• ศบค.ไฟเขียวเปิด ผับ-บาร์ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป |
โพสต์โดย คนข่าว , วันที่ 20 พ.ค. 65 เวลา 11:37:33 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เผยถึงมติที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มีมติผ่อนคลายสถานที่ท่องเที่ยว ผับ บาร์ จะดำเนินการได้ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป และยึดตามหลักสาธารณสุขด้วย ต้องปฏิบัติการตามอย่างเคร่งครัด ทั้งผู้ประกอบการ ผู้ไปเที่ยว ปรับมาตรการเข้าประเทศใหม่ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกวัน
20 พ.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เผยว่า ที่ประชุมมีมติ
เห็นชอบปรับพื้นที่สถานการณ์และมาตรการป้องกันโรค ดังนี้
ปรับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ได้แก่
•พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จาก 65 จังหวัด ลดลงเหลือ 46 จังหวัด
•พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) เพิ่มเป็น 14 จังหวัด
•พื้นที่สีฟ้า (นำร่องท่องเที่ยว) จาก 12 จังหวัด เพิ่มขึ้นเป็น 17 จังหวัด จังหวัดอื่นดำเนินการบางพื้นที่ จาก 16 จังหวัดเป็น 12 จังหวัด
นอกจากนี้ยังเห็นชอบปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สำหรับสถานบริการ สถานประกอบการ ที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือ สถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เริ่ม 1 มิถุนายน 2565 ในพื้นที่ในการเปิดดำเนินการ ได้แก่ พื้นที่สีฟ้า และพื้นที่สีเขียว
ลักษณะการเปิดให้บริการ กำหนดเวลาในการให้บริการ จำหน่าย และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 24.00 น. เปิดบริการไม่เกิน 24.00 น.
ทั้งนี้ งดบริการเครื่องดื่มที่มีการใช้แก้วร่วมกัน งดกิจกรรมส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้) การให้บริการที่มีการคลุกคลีและสัมผัสใกล้ชิดกับลูกค้า จะต้องสวนหน้ากาก
“วัคซีนมีเพียงพอ ขอความร่วมมือในการฉีดโดสบูสเตอร์ให้ได้มากที่สุดเข็ม 3 เข็ม 4 เมื่อมีวัคซีนก็ฉีด อย่างไรก็ปลอดภัย เปิดโรงเรียนออนไซต์ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้อยู่ รู้ว่ามาตรการที่ออกมาทำให้ประชาชนเดือดร้อน รู้ว่าไม่สบายใจ สถานการณ์ทำให้ลำบาก ขอให้เข้าใจรัฐบาลด้วย วันนี้ประเทศไทยได้รับการยกย่องเป็นประเทศต้น หรือเป็นที่ 1 ในอาเซียนดูแลการแพร่ระบาดโควิด โดยการท่องเที่ยวของไทยได้รับการชื่นชม ทั้ง กทม. ภูเก็ต เชียงใหม่ถือว่ายังเป็นเครื่องจักรสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเรา คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกมาก และเพิ่มรายได้ให้กับประเทศเครื่องจักรอื่นก็ยังไปได้ช้า เพราะมีอยู่ 3 ซ้อน 1.มาตรการกีดกั้นทางการค้า 2.โควิด-19 และ 3.สถานการณ์ความขัดแย้ง ที่เกี่ยวพันกันทั้งหมด รัฐบาลเจอ 3 เด้ง ซึ่งพยายามทำอย่างดีที่สุด ตัดสินใจบนพื้นฐานความถูกต้อง จากการหารือกับทุกฝ่าย” นายกฯ ระบุ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 197 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 20 พ.ค. 65
เวลา 11:37:33
|