| • ยอดรัก หย่าศึก "ผมผิดเองละกัน" |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 17 มี.ค. 51 เวลา 09:56:42 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ยอดรัก หย่าศึก "ผมผิดเองละกัน"
"สายัณห์" ไม่หยุด "ยอดรัก" ขอหยุดเอง ใช้หลักธรรมะสงบจิตใจ บอกถ้าสายัณห์ไม่ยอมรับผิด ตัวเองก็ขอรับผิดแทน แล้วขอเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษเอง เรื่องขุ่นมัวจะได้จบ ครวญเรื่องขัดแย้งลุกลามบานปลายรวดเร็วยิ่งกว่ามะเร็งในร่างกายตัวเองเสีย อีกวอนแฟนเพลงที่โกรธแค้นเลิกความคิดจะทุบซีดีสายัณห์ทิ้ง ทางด้านครูเพลง "ชลธี ธารทอง" ที่แต่งเพลงปั้นทั้งสายัณห์-ยอดรักจนดังเป็นพลุแตก ฉะสายัณห์มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 มี.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านพักของแอ๊ว ยอดรัก สลักใจ ที่หมู่บ้านกฤษดานคร ย่านพุทธมณฑลสาย 3 พบว่าเช้านี้ขุนพลเพลงลูกทุ่งมีสีหน้าสดใสขึ้น และผ่อนคลายอารมณ์ด้วยการดูแลไม้ดอกไม้ใบที่ระเบียง ก่อนเข้าไปรับประทานอาหารเช้า ข้าวต้ม ผัดปลาช่อนทอดกรอบกับใบขึ้นฉ่าย คะน้าผัดกระเทียมน้ำมันหอย ที่ศรีภรรยา "หนู"ลัดดา ไพรวัลย์ ปรุงอาหารมาเสิร์ฟ
หลังรับประทานอาหารอิ่ม "แอ๊ว-ยอดรัก" เผยว่า ช่วงเช้าตนได้ให้สัมภาษณ์กับแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ในรายการวิทยุผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หลังคิดทบทวนกับเรื่องที่เกิด และกำลังบานปลาย ตนขอเป็นฝ่ายลดโกรธลดทิฐิให้อภัย เพราะไม่อยากจะโกรธกับขุนพลเพลงลูกทุ่งรุ่นพี่ "เป้า-สายัณห์ สัญญา" ไปตลอดชีวิต เพราะถือว่าการให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์
ส่วนหนึ่งของคำสัมภาษณ์มีใจความว่า "จากที่ผมได้มาคิดทบทวนดูแล้ว ถ้าสายัณห์เขาไม่ยอม ผมขอเป็นฝ่ายถอยหลังยอมรับผิดเอง ถามว่าเราเจ็บปวดไหม เราไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย กับแค่การที่เรายอมที่จะเป็นคนผิดซะ เพื่อให้เรื่องมันจบ
ทั้งนี้เพื่อให้ต่อไปเรายังสามารถมองหน้ากันได้ แฟนเพลงก็ยังให้ความศรัทธาทั้งสองฝ่ายไม่เสื่อมคลาย ผมคิดว่าสังคมนี้จะแลดูสวยงามยิ่งขึ้น กว่าที่เราจะมาถือทิฐิ อยากที่จะเอาชนะกัน ซึ่งกว่าจะได้ชัยชนะมา ย่อมต้องสูญเสียอะไรไปหลายๆ อย่าง ดูมันไม่คุ้มเลยกับชีวิตของเรา หรือไม่ก็แพ้ด้วยกันทั้งคู่ เจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่"
จากนั้น "แอ๊ว-ยอดรัก"กล่าวฝากก่อนจบการให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ว่า "อยากจะฝากกราบขอร้องแฟนเพลงทั้งกลุ่มยอดรัก และกลุ่มแฟนเพลงสายัณห์ จะเอาเทปซีดีของสายัณห์มาทำลายเพื่อประท้วง ประชดประชัน ผมขอร้องเถอะครับ ให้อภัยกันเถอะครับ ถ้าเกิดพวกท่านทำลายข้าวของ คนที่สูญเสียไม่ใช่สายัณห์ แต่จะเป็นตัวท่านที่สูญเสียเทปซีดีที่เก็บสะสมมาหลายสิบปี และไม่ใช่ยอดรักที่สูญเสีย ผมขอเถอะครับ ให้อภัยกันเถอะครับ เรื่องจะได้จบ"
จากนั้นลูกทุ่งรุ่นใหญ่เปิดใจให้สัมภาษณ์ข่าวสดว่า "ตอนนี้ผมหายโกรธหายโมโหแล้ว ยอมรับว่าวันแรกที่อ่านข่าวเจอ ผมว่าเป็นใครก็คงโกรธ ตัวผมเองก็กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็ง จิตใจเราเหลืออยู่นิดเดียว พอโกรธเลยใช้วาจาที่ไม่สมควรกับรุ่นพี่ แต่มาตอนนี้แล้ว
จากที่ผมได้คิดทบทวน ได้อ่านหนังสือธรรมะ ไหว้พระขอพรทุกเช้า และได้ฟังแง่คิดดีๆ จากพี่แอ๊ด เทวดา ว่าเราควรที่จะแคร์คนในครอบครัวเรามากกว่าที่จะไปแคร์คำพูดของคนอื่น ลูกเราพาเราไปหาหมอ เมียเราทำกับข้าวให้กิน
ดูแลเราเป็นอย่างดี การที่เรามัวมานั่งโกรธมานั่งคิดมากมันไม่เกิดประโยชน์อะไร ผมอาจจะชนะ แต่ชนะแล้วผมก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไหร่ ส่วนผู้ที่สูญเสียเขายังต้องต่อสู้กับชีวิตเขาอีกนาน
ถ้ามัวแต่ถือทิฐิจะเป็นการทำลายกันหรือเปล่า สู้เราให้อภัยกันดีกว่า ถ้าเขาไม่รับผิด เราเป็นฝ่ายยอมรับผิดเองเพื่อที่จะให้เรื่องที่กำลังลามหยุดสักที ทั้งนี้เพราะเรารู้นิสัยรุ่นพี่ว่าเขาเป็นคนไม่ยอมคน ถ้าปล่อยให้เรื่องมันยาวมันจะเลยเถิดไปกันใหญ่"
ต่อข้อถามอะไรที่ทำให้คิด ตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายรับผิด ยอมลดทิฐิ อดีตยอดนักร้องเพลงลูกทุ่งเผยว่า "เท่าที่ได้ติดตามข่าวสาร ดูเรื่องราวมันจะใหญ่โตถึงขั้นแฟนเพลงจะรวมกลุ่มกันมาทำลายเทปซีดีของ สายัณห์ ทั้งที่บ้านเมืองเราทุกวันนี้ก็บอบช้ำพอดู จากเหตุการณ์การบ้านการเมืองที่แตกแยกเป็นสองฝักสองฝ่าย
และยิ่งตอนนี้มาวงการลูกทุ่งมาแตกแยกกันอีก ดูจะเลอะเทอะไปกันใหญ่ ผมอยากให้เรื่องมันจบๆ ไป อย่างน้อยอาจเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่ทะเลาะ กันอยู่ให้ปรองดองกัน เพราะขนาดเราที่เป็นผู้น้อย มีเรื่องแรงๆ กัน ยอมถอยเพื่อที่จะให้เรื่องมันจบ หันมากอดคอกันดีกว่า"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงว่ายอมอภัยให้รุ่นพี่ ทั้งที่ก่อนหน้าประกาศไม่เผาผี "แอ๊ว-ยอดรัก" กล่าวว่า "ครับ ยอมอภัยให้แล้ว และยอมรับว่าวันแรกที่อ่านข่าวเจอคำให้สัมภาษณ์ของเขา ผมโต้ตอบกลับไปด้วยอารมณ์เคือง เคืองที่คนที่ออกมาพูดไม่น่าจะเป็นสายัณห์ เพราะก่อนวันเกิดผมเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เขายังมานอนเตียงเดียวกับผม มานอนนวดนอนบีบ มาให้กำลังใจผม หลังรู้ว่าผมป่วยเป็นมะเร็ง"
ต่อข้อถามถึงแฟนเพลงรวมกลุ่มเตรียมจะทำลายเทปซีดีของสายัณห์ ยอดรักกล่าวว่า "อ่านจากข่าวแล้วรู้สึกไม่ดีเลย ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ผมว่าทางหนังสือที่ลงข่าวแรงๆ น่าจะออกมาชี้แจงให้กระจ่างแจ้งไป ดูอย่างวันนี้ที่ผมอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงข่าวแรงๆ เขาก็พยายามบ่ายเบี่ยงที่จะขอโทษขอโพย แต่กลับเขียนว่า น่าจะขอบคุณหนังสือพิมพ์เขามากกว่า ทำให้ดัง ซีดีจะได้ขายได้
เขาเขียนเหมือนกับว่าเขามีบุญคุณกับผม ซึ่งมันไม่ใช่ ผมไม่ได้ทำธุรกิจ แต่ผมเป็นมะเร็ง ส่วนซีดีและคอนเสิร์ตที่น้องๆ ในวงการลูกทุ่งเขาจัดทำนั้นก็เพราะเขาอยากช่วยเหลือผม ผมว่าการที่หนังสือพิมพ์เล่มนั้นลงข่าวแรงๆ เมื่อเรื่องบานปลายอย่างนี้แล้ว เขาต้องไปแก้ข่าว ไปเคลียร์กับสายัณห์เอง อย่ามายุ่งกับผม ไม่ควรดึงผมเข้าไปเกี่ยวข้อง"
ต่อข้อถามมีหลายคนเป็นห่วงอยากให้ยอดรักได้พักผ่อน มากกว่าที่จะมาเป็นทุกข์กับคำพูดของสายัณห์ "แอ๊ว-ยอดรัก" เผยว่า "ขอบคุณครับ ใช่คนที่เป็นมะเร็งควรที่จะได้รับการพักผ่อน สงบจิตสงบใจ เพราะถ้าเครียดจะมีสารตัวหนึ่งที่หลั่งออกมาแล้วทำให้มะเร็งเจริญเติบโตได้ดี อย่างที่มีข่าวว่าสายัณห์อยากรู้ว่ายอดรักเป็นมะเร็งจริงหรือเปล่า
พอคณะแพทย์ศิริราชออกมาแถลงว่าเป็นมะเร็งจริง เขาก็ไม่ยอมอีก ให้สัมภาษณ์ว่าทำไมหมอไม่บอกว่าเป็นมะเร็งขั้นไหน เขาจะตะแบงไปเรื่อย ไม่ยอมจบอีก ผมเองก็อยากรู้ว่าเป้าหมายของเขาคืออะไร คิดอะไรอยู่ หรือต้องการอยากที่จะรู้ว่าผมจะตายเมื่อไหร่อย่างนั้นเหรอ แต่ถ้าเป็นห่วงกันจริงควรจะมาหากันมาเตือนกันด้วยตัวเอง ไม่ใช่ไปพูดให้สัมภาษณ์แล้วพูดเอาดีเข้าตัวเอง
ผมเลยคิดว่าถ้าผมต่อความยาวโต้ตอบเขาไปเรื่อยๆ เรื่องก็จะลามไปเรื่อยๆ ผมเลยขอเป็นฝ่ายผิดเอง เรื่องจะได้จบ ทั้งนี้เพื่อความสบายใจของตัวเราเอง แค่เราต่อสู้กับโรคมะเร็งที่อยู่ในร่างกายเราก็เหนื่อยใจพออยู่แล้ว เราเองไม่รู้ว่าจะเหลือเวลาอีกกี่เดือน กี่ปีตาย เอาเวลาที่จะมัวไปทะเลาะมาดูแลสุขภาพตัวเองจะดีกว่า ตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้ว อโหสิทุกอย่าง"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ลดทิฐิให้อภัยแล้ว พร้อมที่จะเจอหน้ากับขุนพลเพลงรุ่นพี่หรือเปล่า "แอ๊ว-ยอดรัก" ตอบว่า "พร้อมครับ แต่ก็แล้วแต่เขา ถ้าเขาพร้อมเจอหน้าเรา เราอยู่ที่บ้านนี้ไม่ได้หนีไปไหน ยอมที่จะให้เขาเข้าบ้าน เพราะในวันนี้ผมหายโกรธแล้ว เพราะโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ขนาดหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวแรงๆ ผมยังเลิกคิดที่จะฟ้องเขาเลย
เมื่อวานเขาก็มาคุย ผมก็บอกไปว่า ผมจะไม่ฟ้อง แต่ให้ไปคุยกับสายัณห์ เพราะคุณเป็นจุดเริ่มต้นข่าวแรงๆ กันสองฝ่าย ผมไม่ได้ด่าคุณ แต่คนทั้งประเทศกำลังด่าคุณที่ลงข่าวอย่างนี้ได้ยังไง สังคมกำลังประณามหนังสือคุณ เพราะฉะนั้นคุณต้องเคลียร์ตัวคุณเองด้วยกันทั้งสองฝ่าย เพื่อสังคมจะได้ยอมรับพวกคุณ สำหรับผมอภัยทานให้หมด ตอนนี้ให้ผมได้มีเวลาดูแลตัวเองเถอะ"
"ในวันที่ 26 มี.ค.ที่จะมีคอนเสิร์ต ผมอยากที่จะเซอร์ไพรส์วงการลูกทุ่ง อยากที่จะก่อตั้งชมรม จะรวมตัวศิลปินทั้งหมดที่มาในงานนี้ร่วมเป็นสมาชิกชมรม ถ้าเกิดมีใครเจ็บป่วย หรือเดือดร้อนอะไร เราควรที่จะรวมตัวคนลูกทุ่งช่วยเหลือกันอย่างนี้ เพราะยอดรักไม่ใช่คนดีคนเดียวของวงการลูกทุ่ง และผมเองไม่มั่นใจว่าผมจะอยู่กับวงการไปอีกนานเท่าไหร่ อย่างน้อยถ้าคนลูกทุ่งมีการรวมตัวช่วยกันอย่างนี้ ชื่อของ ยอดรัก สลักใจ ก็จะไม่หายไปจากวงการลูกทุ่ง"
"งานนี้ถ้าสายัณห์จะมาโกรธผมว่าผมไม่ได้เชิญเขา คงโกรธไม่ได้ เพราะนักร้องที่จะมาขึ้นเวทีคอนเสิร์ตผมไม่ได้เชิญ แต่พวกเขาอาสามาลงชื่อช่วยผม และงานอย่างนี้จะไปเชิญได้ยังไง ไม่ใช่งานปิดวิก แต่เป็นน้ำใจที่พี่ๆ น้องๆ มีให้ ไม่ใช่งานบังคับ ถ้าในวันนั้นเขาพร้อมที่จะมาขึ้นคอนเสิร์ตด้วย ผมว่าจะเป็นเรื่องที่ดี เป็นความยิ่งใหญ่ที่พี่ใหญ่ในวงการลูกทุ่ง ยังให้ความเมตตาช่วยเหลือน้อง"
"อยากให้แฟนเพลงอภัยต่อกัน ยิ่งเราให้อภัยเขามากเท่าไหร่ เรายิ่งสบายใจเท่าไหร่ ถ้ามัวแต่ไปเคียดแค้นก็เหมือนเราจุดไฟเผาใจตัวเอง ผมพูดได้เต็มปากว่าเรื่องนี้ผมเป็นคนถูก ซึ่งทุกคนยอมรับ แต่ในวันนี้ผมขอเป็นคนรับผิดเองดีกว่า เพื่อให้เรื่องมันจบ ขอให้อภัยซึ่งกันและกัน อย่าไปทิฐิกับการพลั้งปาก หรือพูดกันด้วยอารมณ์ อย่าไปซ้ำเติมกันเลย แค่นี้เรื่องราวก็ลามร้ายลามไวยิ่งกว่ามะเร็งในตัวผมอีก"
อยากฝากอะไรถึงขุนพลเพลงรุ่นพี่ไหม "ถ้าเขายอมรับฟังผม ผมขอให้เขาลดทิฐิลงสักนิด ในเมื่อพี่เป้าคิดว่าพี่เป้าไม่ผิด งั้นผมที่เป็นน้องขอยอมรับผิดเอง แล้วพี่เป้าไม่คิดจะขอโทษผม ผมขอโทษพี่เป้าเองแล้วกัน เพื่อให้เรื่องที่กำลังลุกลามจบลงสักที"
"ฝากถึงคนพิจิตรที่บอกว่าจะไม่เปิดเพลงสายัณห์ จะไม่ฟังเพลงสายัณห์ ไม่ให้สายัณห์เข้าเมืองพิจิตร ผมอยากให้คนพิจิตรแสดงสปิริตของคนพิจิตรกับคติธรรมที่ว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ให้อภัยเถอะ เขาจะได้รู้ว่าคนพิจิตรไม่ทิฐิกับคำพูดที่มันเลื่อนลอย ให้อภัยกันดีกว่า อย่าไปเคียดแค้นเขาเลย แค่คนสุพรรณโกรธเขานั้นก็แรงพออยู่แล้ว อยากให้ทุกคนให้อภัยเขา"
ทางด้านชลธี ธารทอง ศิลปินแห่งชาติวัย 72 ปี นักแต่งเพลงซึ่งปั้นสายัณห์ และยอดรัก จนมีชื่อเสียงโด่งดังมาทั้งคู่ กล่าวถึงเรื่องราวขัดแย้งดังกล่าวว่า ยอดรักไม่ได้แกล้งป่วย ถ้าสายัณห์ไม่เปิดประเด็นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทั้งคู่มีอาจารย์คนเดียวกัน ไม่ควรทะเลาะกัน สายัณห์นั้น ถ้ามือไม่พายก็อย่าเอาเท้าราน้ำ เขาเป็นคนอย่างนี้แหละ
"ขนาดผม เขายังเคยพูดเลยว่าถ้าเขาไม่ร้องเพลงผม ผมก็ไม่มีทางได้เกิด ผมฟังแล้วยังงงๆ เลยประกาศมาเป็นเวลา 20 ปีแล้วว่าจะไม่แต่งเพลงให้เป้าอีก ถ้าตัวเองไม่รู้จริงก็ไม่สมควรพูด เพราะทำให้เสียหายกันหมด" ครูเพลงกล่าว
ชลธีกล่าวว่า ในฐานะอาจารย์ของทั้งสามคน คือ สายัณห์ สัญญา ยอดรัก สลักใจ และเสรี รุ่งสว่าง ขอร้องว่าอย่าทะเลาะกันเลย อยากให้ใจเย็นลง ให้อภัยกัน ยอดรักก็สุขภาพแย่แล้ว ต้องดูแลตัวเองให้เยอะ เสรีก็อย่าใจร้อน ส่วนสายัณห์เป็นรุ่นพี่เขา ควรดูแลน้องๆ ลดความบ้าความห่ามลง จะพูดอะไรก็คิดให้ดี ถ้ารู้ว่าตัวผิดก็ควรไปขอโทษเสีย ตนเชื่อว่าใจจริงยอดรักคงไม่โกรธแล้ว แต่ไม่รู้สายัณห์จะรู้ตัวหรือเปล่า
ส่วนผ่องศรี วรนุช ศิลปินแห่งชาติ ซึ่งสายัณห์เคยเป็นเด็กหางเครื่องในวงมาก่อน ให้ความเห็นว่า สายัณห์จะไปพูดเรื่องของยอดรักทำไม จะป่วยจริงไม่จริงก็ไม่สมควรพูด ให้หมอเป็นคนพูดเท่านั้น ตนรักทั้งคู่ ไม่อยากให้ทำลายกัน ควรหันหน้ามาปรึกษากันดูแลกัน สายัณห์ก็ควรหยุดได้แล้ว วันหนึ่งถ้าตัวเองเจ็บป่วยบ้างคนจะสมน้ำหน้าเอา ตนอยากให้ทั้งคู่รักและเมตตาสงสารกัน อาชีพเดียวกันแท้ๆ มาทะเลาะกันอย่างนี้ อายคนอื่น
ขณะที่พนม นพพร อดีตนักร้องลูกทุ่ง ซึ่งปัจจุบัน เป็นนายกสมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย กล่าวถึงปัญหาดังกล่าวว่า พอหมอออกมายืนยันก็น่าจะจบ ต้องขอบคุณทางโรงพยาบาลศิริราชที่ออกมาชี้แจง สายัณห์เองก็ต้องยอมรับ ก่อนหน้านี้สายัณห์ก็พูดว่าถ้ายอดรักเป็นจริง ก็จะให้ความช่วยเหลือ เรื่องนี้ถ้าหมอออกมายืนยันแต่ต้นก็ไม่มีปัญหา แต่ทั้งนี้หมอเขาก็ต้องมีจรรยาบรรณของเขา ไปว่าเขาก็ไม่ได้
อยากให้ทั้งสองเลิกทะเลาะกันได้แล้ว สำหรับแอ๊วเอง ตนอยากให้ปฏิบัติตัวตามที่หมอสั่งในการรักษามะเร็ง มันจะได้ไม่ลุกลามไปมากกว่านี้ ส่วนเป้าไม่ใช่หมอก็ควรจะเงียบ เขาเป็นเพียงนักร้องคนหนึ่งที่สงสัยว่าแอ๊วเป็นหรือไม่เป็นมะเร็ง จริงๆ แล้วสองคนนี้ไม่ได้เกลียดกัน เร็ววันนี้น่าจะคุยกันได้ ลิ้นกับฟันก็ต้องมีกระทบกันบ้าง เรื่องธรรมดา
ทางด้านนายไพบูลย์ หรือแต้ ไพรวัลย์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 ถนนหนุมาน ในเขตเทศบาลเมืองตะพานหิน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร เจ้าของสวนอาหารยอดรัก พี่ชายร่วมสายโลหิตของยอดรัก สลักใจ เปิดเผยว่า รู้สึกสงสารน้องชายที่ต้องป่วยด้วยโรคมะเร็ง อีกทั้งขณะนี้เกิดอาการเครียด จากคำพูดทิ่มแทงใจดำของเพื่อนนักร้องลูกทุ่งร่วมวงการและศิษย์อาจารย์เดียวกัน
ตนเองและญาติพี่น้องของยอดรัก อยากจะขอร้องให้สายัณห์ หยุดวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาว่าน้องของตนเองเสียที จะออกมาขอโทษน้องชายของตนเองหรือไม่ พวกเราไม่สนใจ เพราะว่าพวกเราก็ไม่ต้องการและไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่พวกเราต้องการคือไม่อยากให้ยอดรักเกิดอาการเครียด อาจจะเกิดอาการทรุดไปมากกว่านี้
"ผมกับญาติพี่น้องขอให้ยอดรัก สลักใจ ตั้งสติให้ดีๆ มีเวลาก่อนนอนก็สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้กับสัตว์ร่วมโลก อย่าไปนึกถึงคำพูดของคนสิ้นคิด โดยขอให้นึกถึงและทำสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่ต้องการมาโดยตลอดของยอดรัก นั่นคือให้ความบันเทิงกับแฟนเพลงจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต ด้วยจิตวิญญาณของนักร้องลูกทุ่งขวัญใจชาวบ้าน จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ"
ที่มาจากหนังสือพิมพ์
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1308 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 17 มี.ค. 51
เวลา 09:56:42
|
