| • จนท.พากันร่ำไห้เห็นทำเนียบยับ ฝีมือพันธมิตร |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 05 ธ.ค. 51 เวลา 15:18:12 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
จนท.พากันร่ำไห้เห็นทำเนียบยับ
|
|
พังเกิน 100 ล้านค้นตึกนารีฯพบลูกระเบิดเพียบ
เปิดทำเนียบฯ พิสูจน์ความเสียหายวันแรกพังยับ ของมีค่าสูญหายเกลี้ยง ตึกสันติไมตรี-นารีสโมสร กลายเป็นคลังแสงขนาดย่อม ซุกระเบิดปิงปอง-กระสุนปืนไว้เพียบ โต๊ะทำงาน “ชัจจ์” เจออึไว้ดูต่างหน้า เจ้าหน้าที่สุดทนกอดคอร้องไห้โฮ เห็นสภาพที่ทำงานของตัวเองถูกทำลาย คาดใช้เวลานับเดือนปรับปรุง ค่าเสียหายกว่าร้อยล้าน “ลอยเลื่อน” ตบหน้า พันธมิตรฯ ไม่จำเป็นต้องส่งมอบพื้นที่ทำเนียบฯ คืน เพราะไม่ได้อนุญาตให้เข้ามายึดแต่แรก เดินหน้าฟ้องทั้งแพ่งและอาญา “สุริยะใส” ยัน พร้อมสู้คดี มีกองทุนสำรอง “ชวรัตน์” ตั้งกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินทำเนียบฯ เสียหาย ปลัดสำนักนายกฯ เป็น ประธาน “จงรัก” แจงข้อ ก.ม. “ก่อการร้าย” โทษสูงสุดประหารชีวิต ด้าน 2 สนามบิน “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง” พร้อมเปิดใช้เป็นทางการ 5 ธ.ค. ทูต ตปท. 6 ชาติตบเท้าจี้ไทยหามาตรการป้องกันสนามบินถูกยึดอีก “บัวแก้ว”แจง วิธีปราบม็อบต้องปรับตามสถานการณ์ ภายหลังการประกาศชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมกับคืนพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และทำเนียบรัฐบาล ปิดฉากการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลที่ยืดเยื้อยาวนานเกือบครึ่งปี แต่ผลกระทบแห่งความขัดแย้งก็ยังไม่สงบลงเสียทีเดียว เพราะการบินไทยเตรียมยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มพันธมิตรฯ 2 หมื่นล้านบาท ฐานทำธุรกิจเสียหายย่อยยับ ขณะที่แกนนำพันธมิตรฯ ขู่ อาจกลับมาชุมนุมอีกครั้ง หากประเทศไทยยังได้รัฐบาลนอมินีเหมือนเดิม
ปลัดสร.เรียกประชุมเครียด
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ธ.ค. ที่กรมประชาสัมพันธ์ นายนัที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะกรรมการสำรวจทรัพย์สินของส่วนราชการ ในทำเนียบรัฐบาล โดยมีหน่วยงานของทำเนียบรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม อย่างพร้อมเพรียง อาทิ ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ฯลฯ บรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด
ตั้งกรรมการสำรวจทรัพย์สินฯ
หลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง นายนัที แถลงว่านายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 311/2551 แต่งตั้งคณะกรรมการสำรวจทรัพย์สินของส่วนราชการในทำเนียบรัฐบาล มีตนเป็นประธาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้กำหนดแนวทางสำรวจความ เสียหายภายในทำเนียบฯ หลังจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าไปบุกยึดตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา เดิมทีช่วงบ่ายวันนี้ ทุกหน่วยงานที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาลจะเข้าไปสำรวจความเสียหาย แต่ได้รับการทัดทานจากตำรวจสันติบาลที่เข้าไปสำรวจในเบื้องต้นว่า ได้ตรวจพบอาวุธ ระเบิด และสิ่งแปลกปลอมหลายอย่างที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ จึงขอให้หน่วยตรวจวัตถุระเบิดเข้าไปสำรวจพื้นที่ให้เสร็จสิ้นก่อน จึงจะเข้าไปสำรวจความเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) จะเข้าไปสำรวจทรัพย์สินเป็นหน่วยงาน แรกในวันนี้
พบคอมพ์สปน.ขายตลาดนัด
นายนัที กล่าวต่อว่าจากการสำรวจภูมิทัศน์ภายนอก ทั้งสนามหญ้า และระบบสปริง เกลอร์ (ระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ) พบว่า มีความเสียหายประมาณ 25 ล้านบาท ไม่ใช่ 5 ล้านบาท ตามที่กลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวอ้าง ซึ่งตัวเลข 25 ล้านบาทนี้ ได้รายงานให้ ครม.รับทราบแล้ว นอกจากนี้สำนักเลขาธิการ ครม. ยังรายงานว่า มีรถตู้ของหน่วยงานหายไป 4 คัน ซึ่งต่อมา สน.มักกะสัน พบว่ามีรถจอดทิ้งไว้ข้างถนน 1 คัน จึงลากกลับมาได้ ขณะที่รถยนต์ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กว่า 10 คัน ที่จอดไว้ใต้ถุนอาคาร ก็มียางรถยนต์หายไป ส่วนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ที่เข้าไปสำรวจในเบื้องต้น 3 ครั้งพบว่าโต๊ะทำงานต่าง ๆ ถูกรื้อค้นหมด แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบว่ามีทรัพย์สินอะไรหายไปบ้าง แต่ที่พบแล้วคือมีเครื่องคอมพิวเตอร์ตรา สปน. ถูกนำไปวางขายที่ตลาดนัดข้างกระทรวงศึกษาธิการในราคาถูก นอกจากนี้ตำรวจสันติบาล 3 ที่มีหน้าที่อารักขาทำเนียบฯ รายงานว่าอาวุธปืน และกระสุนที่ถูกขโมยไปยังไม่ได้รับคืน เช่นเดียวกับพ่อค้าแม่ค้าของทำเนียบฯ ก็ร้องเรียนว่าร้านถูกรื้อค้นทรัพย์สินหายไปหมด ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่นายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายความของกลุ่มพันธมิตรฯ อ้างว่ารู้จักกับนายนัทีเป็นการส่วนตัวนั้นจริงหรือไม่ นายนัที ปฏิเสธว่า “ไม่รู้จัก ผมเคยได้ยินแต่เสียง ผมไม่เคยรู้จักกับพวกพันธมิตรฯ”
ผงะทำเนียบฯ กลายเป็นคลังแสง
อย่างไรก็ตาม เวลาไล่เลี่ยกัน พล.ต.ต. อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 นำเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 60 นาย ตำรวจกองกำกับการ 5 นำสุนัขตำรวจตรวจหาวัตถุระเบิด 4 ตัว และหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิดทั้งหน่วยจากกองสรรพาวุธกองทัพบก กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำอุปกรณ์การตรวจหาวัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบทุกอาคารภายในทำเนียบ รัฐบาล จากการตรวจค้นพบระเบิดปิงปอง 1 ลูก ที่ประตู 1 หน้าห้องสื่อมวลชน นอกจากนี้ยังตรวจพบอาวุธประเภทไม้ติดปลายมีด คมแฝก ไม้กอล์ฟ ท่อนเหล็ก เสื้อเกราะ โล่ ระเบิดเพลิง กระสุนปืน สนับแขนที่ทำจากท่อพีวีซีนับร้อยชิ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธทหารบก พบวัตถุทรงกระบอกสีน้ำตาลยาว 1 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เซนติเมตร ที่หน้าป้อมยามประตู 5 ภายในบรรจุพลุ 1 ลูก และถุงพลาสติกบรรจุดินปืน 1 ถุง เจ้าหน้าที่ระบุว่า ระเบิดดังกล่าวมีอานุภาพทำลายล้างประมาณ 10 เมตร ผู้ที่อยู่ในรัศมีระเบิดจะได้รับบาดเจ็บสาหัส อวัยวะฉีกขาดทันที
ตึกนารีฯ ซุกระเบิดปิงปอง30ลูก
ที่ตึกนารีสโมสร พบระเบิดปิงปองเกือบ 30 ลูก ระเบิดเพลิงที่บรรจุอยู่ในขวดเบียร์ และขวดเครื่องดื่มบำรุงกำลังนับสิบขวด กระสุนปืนขนาด .38 อีก 110 นัด ส่วนบริเวณใต้ตึกบัญชาการ 2 ซึ่งเป็นที่ประชุมของคณะรัฐมนตรี และเป็นจุดที่การ์ดศรีวิชัยยึดเป็นที่พัก พบระเบิดขวดแบบมีสะเก็ดอีก 1 ลูก เจ้าหน้าที่สรรพาวุธกองทัพอากาศ รวบรวมของกลางทั้งหมด มอบให้ พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานขณะที่พ่อค้าแม่ค้าที่เปิดแผงขายอยู่ในทำเนียบฯ ที่เจ้าหน้าที่อนุญาตให้เข้ามาตรวจสอบทรัพย์สิน ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่ามีข้าวของสูญหายหลายรายการ นางกรรณิกา เหลืองสนิท อายุ 50 ปี แม่ค้าขายข้าวราดแกงร้านค้าสวัสดิการ สลน. ร้องไห้น้ำตานองหน้า ระบุว่า ที่ผ่านมาขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมอยู่ เคยมาดูทรัพย์สินโดยกลุ่มนักศึกษารับปากว่าจะดูแลทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดเป็นอย่างดี แต่กลับมีสภาพอย่างที่เห็น ทุกวันนี้แทบสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะไม่มีรายได้นานหลายเดือน
“ลอยเลื่อน”ฉะพธม.ไม่ต้องส่งมอบ
ต่อมาเวลา 12.00 น. นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำข้าราชการประจำทำเนียบรัฐบาลหลายร้อยคน เข้าตรวจสอบอาคารภายในทำเนียบรัฐบาลทั้งหมด โดยมีเรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงาน กองทัพธรรม ผู้แทนกลุ่มพันธมิตรฯ เข้าไปเจรจาเพื่อส่งมอบพื้นที่ แต่ถูกนายลอยเลื่อนบอกปัดพร้อมระบุว่าไม่จำเป็น เพราะที่ผ่านมาไม่เคยส่งมอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลให้พันธมิตรฯ เข้ามายึด และที่มาวันนี้เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ ออกจากพื้นที่ไปแล้ว ต้องเข้าตรวจสอบความเสียหายเป็นปกติ ไม่ต้องมีพิธีการส่งมอบจากกลุ่มพันธมิตรฯ แต่อย่างใด
ยันต้องดำเนินคดีสถานเดียว
นายลอยเลื่อนกล่าวว่า วันนี้มาสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ยังคงประเมินค่าความเสียหายไม่ได้ เพราะต้องใช้เวลาตรวจสอบก่อน โดยแบ่งหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่กระจายกันสำรวจทรัพย์สินในทุกส่วน ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ขอไม่ให้ดำเนินคดีนั้นคงทำไม่ได้ เพราะเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ต้องส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอน นอกจากนั้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักในการทำความสะอาดพื้นที่ทั้งหมด เพื่อพยายามเปิดใช้พื้นที่ทำเนียบฯ อีกครั้งในวันที่ 8 ธ.ค. นี้ แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะทันหรือไม่ เพราะความเสียหายรุนแรงมาก
จนท.สุดกลั้นกอดคอร่ำไห้ระงม
จากนั้นนายลอยเลื่อน ได้ให้เจ้าหน้าที่กระจายกันออกสำรวจความเสียหายทั้งหมด โดยในส่วนของตึกบัญชาการ ทั้ง 1 และ 2 ปรากฏว่าทุกชั้นทุกห้องเป็นของคณะทำงานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พบร่องรอยงัดแงะรื้อค้นข้าวของ รวมถึงทำลายทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ลิ้นชัก โต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่ถูกรื้อค้นนำทรัพย์สินไปจนหมด เจ้าหน้าที่หลายคนที่เห็นสภาพดังกล่าวถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พากันกอดคอร้องไห้เสียงดังระงมไปทั่ว เบื้องต้นทรัพย์สินที่สูญหายไปประกอบด้วยโทรทัศน์ขนาด 42 นิ้ว เครื่องโปรเจคเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ โดยบางส่วนถูกชำแหละถอดชิ้นส่วน เช่น ฮาร์ดดิสก์ แรม ออกไป แล้วนำซากมากองไว้หน้าห้องทุกห้องเกือบ 30 เครื่อง ขณะที่ทั่วทั้งตึกมีเศษอาหาร เครื่องดื่ม กล่องโฟมวางทิ้งไว้กลาดเกลื่อน
อึใส่บนโต๊ะ “ชัจจ์” ไว้ดูต่างหน้า
ส่วนห้องทำงานของรัฐมนตรี และห้องรับรอง ถูกงัดประตูเข้าไปทำลายทรัพย์สิน โดยห้องของ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รองเลขาธิการนายกฯ บนโต๊ะทำงานมีกองอุจจาระ และร่องรอยอุจจาระทาอยู่ตามพื้นห้องส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว เป็นที่อนาถใจของเจ้าหน้าที่อย่างมาก ส่วน บนกระดานไวท์บอร์ดได้เขียนถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอคณะรัฐมนตรีไว้ด้วย นอกจากนี้ในห้องของรองนายกฯ ทรัพย์สินจำพวกเครื่องราชอิสริยา ภรณ์ เหรียญตรา พระเครื่องและพระบูชาสูญหายทั้งหมด เก้าอี้โซฟาแบบหลุยส์ราคาแพงถูกมีดกรีดเสียหายใช้งานไม่ได้ กระจกถูกทุบทำลายเกือบทุกบาน เอกสารทางราชการตกกระจายเต็มพื้นที่ไปหมดทั้งตึก เจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการนายกฯ คนหนึ่งเปิดเผยว่ารู้สึกเสียใจมากกับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไม่น่าเชื่อว่าคนไทยด้วยกันจะทำได้ถึงขนาดนี้ ข้าวของที่สูญหายไปมีค่าทางจิตใจมาก หาอะไรมาทดแทนไม่ได้ โดยเฉพาะพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หลวงพ่อเพชร จ.พิจิตร ของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และพระพุทธรูปของคณะที่ปรึกษานายกฯ ได้หายไป ทุกห้อง ความเสียหายครั้งนี้เกิดเหตุระเบิดลงน่าจะดีกว่า ไม่ต้องมาเสียความรู้สึกเช่นนี้
พังหลายร้อยล.-บูรณะเป็นเดือน
จากนั้นคณะตรวจสอบขึ้นไปบนตึกบัญชา การ 2 ซึ่งเป็นตึกบัญชาการของนักรบศรีวิชัย เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับผงะ เนื่องจากพบระเบิดซุก ซ่อนอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณใต้บันได พบระเบิดปิงปอง 5 ลูก ระเบิดขวด 2 ลูก ประทัดยักษ์ 2 ลูก และกระจับอีก 15 ลูก ส่วนในห้องควบคุมสื่อสาร ชั้น 1 พบแมกกาซีนปีนเอ็ม 16 ซุกซ่อนอยู่ 3 แม็ก และระเบิดขวดอีก 4 ลูก ขณะที่ตึกสำนักงานเลขาธิการนายกฯ ไม่ได้ถูกทำลายแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นที่นอนของการ์ดพันธมิตรฯ และนักรบศรีวิชัย โดยมีการจัดไว้เป็นห้องนอนของการ์ดแต่ละชุด ติดป้ายชื่อแต่ ละห้อง เพื่อให้รู้ว่าการ์ดชุดไหนพักห้องใด นอก จากนี้ทุกห้องของทุกตึกภายในทำเนียบฯ ป้ายชื่อที่ทำด้วยทองเหลืองถูกขโมยไปทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ดูแลอาคารสถานที่ของสำนักนายกฯ ระบุว่า ทรัพย์สินที่สูญหายและถูกทำลายไป คาดว่ามีมูลค่า กว่าหลายร้อยล้านบาท และน่าจะใช้เวลาปรับปรุง นานนับเดือน กว่าจะใช้งานได้เหมือนเดิม
“ใส” รับผิดชอบมีกองทุนสู้คดี
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา เปิดเผยว่า การชุมนุมในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มพันธมิตรฯ พยายามดูแลทรัพย์สินข้าราชการและเอกชนทั้งหมดอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะตึกไทยคู่ฟ้า และตึกสันติไมตรี ที่เป็นอาคารสำคัญ ส่วนอาคารอื่น ๆ ต้องยอมรับว่ามีการงัดแงะเข้าไปขโมยทรัพย์สิน เนื่องจากเป็นการชุมนุมในคนหมู่มาก อาจมีพวกมิจฉาชีพปะปนเข้ามาก่อเหตุ หากเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯ จะดำเนินคดี กลุ่มพันธมิตรฯพร้อมที่จะต่อสู้คดี และรับผิดชอบทั้งหมด เรามีกองทุนเพื่อการต่อสู้คดีทั้งหมดแล้ว
“จงรัก”ประชุมด่วนคดีก่อการร้าย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนฑ์ รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท. ชลอ ชูวงษ์ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตัวแทน บช.ภ.1 พนักงานสอบสวนบก.ภ.จ.สมุทรปราการ บช.น. และ สภ. ราชาเทวะ ร่วมประชุมเร่งรัดการดำเนินคดีกับ กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ หลังนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีในความผิดฐานบุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ รวมทั้งคดีที่ นพ.เหวง โตจิราการ นพ. สันต์ หัตถีรัตน์ และนางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ กล่าวโทษว่ายึดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ รวมทั้งหอบังคับการบิน ให้ดำเนินคดีในความผิดฐานก่อการร้าย
โทษสูงสุดถึง “ประหารชีวิต”
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ถูกกล่าวโทษให้ดำเนินคดีในความผิดฐานก่อการร้าย พล.ต.อ. จงรัก กล่าวว่า ความผิดฐานก่อการร้ายเป็นความผิดที่กำหนดขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2546 มีสาระสำคัญว่าผู้ใดกระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม ซึ่งการกระทำนั้นมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญ หรือบังคับรัฐบาลไทยให้กระทำการ หรือไม่กระทำการใด อันก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วน หวาดกลัวในหมู่ประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดฐานก่อการร้าย ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 3-20 ปี ซึ่งตั้งแต่มีกฎหมายนี้ยังไม่มีใครเคยถูกกล่าวโทษกระทำผิดฐานนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวน ต้องสอบสวนว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอเข้าองค์ประกอบความผิดฐานนี้หรือไม่ หากเพียงพอก็จะสรุปส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณาต่อไป
ขอขอบคุณข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 2075 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 05 ธ.ค. 51
เวลา 15:18:12
|
