| • 3 สัญญาณ บ่งบอกเข้าสู่วัยทอง แนะ 5 เคล็ดลับ ให้หญิงวัย 45 อัพ รับมือ |
|
โพสต์โดย คนข่าว , วันที่ 19 ต.ค. 65 เวลา 14:19:13 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้วันที่ 18 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันสตรีวัยทองโลก (World Menopause Day) เพื่อรณรงค์ให้สตรีที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป ให้ความสำคัญและตระหนักในการเตรียมความพร้อมดูแลสุขภาพตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพของสตรีในช่วงใกล้หมดและหลังหมดประจำเดือน ซึ่งในช่วงอายุ 45 – 55 ปี เมื่อย่างเข้าสู่วัยทองจะพบการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย โดยเฉพาะการทำงานของรังไข่ที่สร้างฮอร์โมนเพศหญิงลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ จนถึงหมดประจำเดือน ถ้าประจำเดือนขาดหายไปครบ 1 ปี แสดงว่ารังไข่ ได้หยุดทำงานแล้ว ถือว่าได้เข้าสู่วัยทองอย่างสมบูรณ์ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา สังเกตได้จาก 3 สัญญาณ บ่งบอกอาการวัยทอง คือ
1) จะมีอาการร้อนวูบวาบตามตัวและหน้าอก อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด เหงื่อออกมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืน
2) ช่องคลอดแห้ง ผิวหนังแห้ง ปัสสาวะบ่อยหรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ นอนไม่หลับ ความต้องการและความรู้สึกทางเพศลดลง
3) โรคที่เกิดจากความเสื่อมถอยของร่างกายตามอายุ ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะอ้วนลงพุง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และโรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไป การดูแลสุขภาพเพื่อรับมือกับการเข้าสู่สตรีวัยทอง สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำ 5 วิธี คือ
1) กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง อาทิ นม โยเกิร์ต งาขาว งาดำ ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว เป็นต้น แคลเซียมที่รับเข้าไปจะเป็นตัวเสริมสร้างกระดูก เพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุน และกินอาหารที่มีไฟโตเอสโตรเจน ได้แก่ ถั่วเมล็ดแห้ง โดยเฉพาะถั่วเหลือง หรือผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองในปริมาณพอเหมาะจะช่วยลดอาการร้อนวูบวาบของสตรีวัยหมดประจำเดือนได้
2) ลดอาหารประเภทแป้ง อาหารมัน อาหารทอด อาหารเค็ม น้ำหวาน ชา กาแฟ หรืออาหารที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนเพราะอาจทำให้อารมณ์แปรปรวน และกระวนกระวายมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
3) ออกกำลังกายเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และให้ร่างกายได้รับแสงแดดบ้าง เพื่อช่วยในการสร้างวิตามินดี ซึ่งมีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เช่น เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ โยคะ รำมวยจีน เมื่ออายุมากขึ้น ไม่ควรออกกำลังกายที่ใช้แรงกระแทก โดยเฉพาะข้อเข่าที่รับน้ำหนักมาก อาจเป็นสาเหตุของข้อเข่าเสื่อม
4) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง จะช่วยเพิ่มความจำ ทำให้มีสุขภาพดี มีอายุยืนยาว
5) รู้จักผ่อนคลายความเครียด ทำจิตใจให้แจ่มใส
“ทั้งนี้ หากพบว่าอาการดังกล่าวมีความรุนแรงขึ้น หรือ มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน สามารถเข้ารับบริการคลินิกวัยทอง คลินิกส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งจะมีบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการวัยทอง และให้บริการตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต ตรวจน้ำตาลและไขมันในเลือด ตรวจความหนาแน่นของกระดูก ตรวจมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม เพื่อประเมินอาการ รับคำแนะนำแนวทางการป้องกัน รักษา และดูแลตนเองที่ถูกต้อง ตามความเหมาะสมต่อไป” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 748 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย คนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 19 ต.ค. 65
เวลา 14:19:13
|