ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจากมติชนออนไลน์
หลังจากที่ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสามารถเคลื่อนกำลังย้ายที่ชุมนุมจากสะพานมัฆวานรังสรรค์ มาปักหลักอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อย พร้อมประกาศกร้าวรัฐบาลต้องลาออกสถานเดียวด้วยนั้น
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (21 มิถุนายน) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศขีดเส้นตายให้รัฐบาลชุดนี้ลาออกภายใน 48 ชั่วโมงนั้น พวกเราคงทำได้เพียงคร่าวๆ ไม่สามารถไปกำหนดกฎเกณฑ์ได้ เพราะพวกเราทำตามสถานการณ์ แล้วสถานการณ์อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ ก็ต้องรอดูว่ารัฐบาลจะทำตามข้อเรียกร้องหรือไม่ คือยุติความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 และรัฐบาลต้องลาออกไปทั้งคณะ
"ส่วนการชุมนุมจะยืดเยื้อหรือไม่ตอนนี้ยังคาดเดาไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อาจจะมีสถานการณ์อะไรเพิ่มเติมได้ แล้วขอยืนยันว่าจะดำรงตามมุ่งหมายเดิม พวกเราก็ไม่ใช่เป็นคนสร้างสถานการณ์ แต่ฝ่ายรัฐบาลต่างหากที่พยายามสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เช่น กุข่าวว่ามีการเคลื่อนย้ายอาวุธร้ายแรงเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ รัฐบาลทำเช่นนั้นก็เพื่อจะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะจัดการกับการชุมนุม แต่มันก็ล้มเหลว เพราะไม่มีใครเชื่อ และตอนนี้ยังไม่มีใครมาเจรจากับพวกเราเลย แล้วก็ไม่คิดว่าทางรัฐบาลจะส่งคนมาเจรจาด้วย แต่ถ้ามาเจรจาได้ ก็คงไม่เคลื่อนขบวนไปไหน จนกว่าจะได้สิ่งที่เรียกร้องทั้งหมด" พล.ต.จำลอง กล่าว
ขณะที่ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือชัยชนะของประชาชน ไม่ใช่การเมืองข้างถนน หรือพวกก่อความวุ่นวายอย่างที่รัฐบาลกล่าวหา เป็นการสถาปนาพลังประชาชน เป็นพลังบริสุทธิ์ที่จะบอกกล่าวว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหมดความชอบธรรมแล้ว ยุทธศาสตร์ดาวกระจายหรือสงครามเก้าทัพ เป็นยุทธการที่ยึดหลักสันติวิธีอย่างเคร่งครัด และแนวทางการชุมนุมจากนี้ไปจะใช้วิธีปักหลักชุมนุมยืดเยื้อเช่นเดียวกับที่สะพานมัฆวานฯ แต่ยังไม่มีการบุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลแน่นอน เพราะจุดยืนของพันธมิตรฯ ไม่ต้องการเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล แต่จะพยายามตรึงพื้นที่บริเวณถนนพิษณุโลกทั้งหมด
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า วันนี้ที่รัฐบาลเกิดกลับใจเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ ส.ว.และ ส.ส.ได้ในวันที่ 23 และ 24 มิถุนายนนี้ ชี้ให้เห็นว่ากระบวนการรัฐสภานั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ต่อไป ท่าทีที่กลับกลอกของนายกรัฐมนตรี ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลจวนตัวแล้ว ตนคิดว่ามันสายเกินไปแล้ว แม้ว่าจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจมันก็ไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้มานานแล้ว ฉะนั้น ทางออกที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือรัฐบาลต้องลาออกไป รัฐบาลต้องการเปิดสภาเพื่อให้ประชาชนเชื่อว่าเขาเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาฯ เพื่อดิสเครดิต ทำให้ ความชอบธรรมของผู้ชุมนุมต่ำลง ฉะนั้น เชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่เป็นทางออกของรัฐบาล
"ตราบใดก็ตามที่พรรคพลังประชาชนภายใต้ระบอบเอาทักษิณคืนมา แรงต่อต้านก็คงอยู่ เชื่อว่าพันธมิตรฯก็จะชุมนุมอยู่ เพราะตนไม่รู้ว่าจะอธิบายประชาชนอย่างไร หรือจะให้บอกว่ากลับบ้านกันเถอะ สมมติว่าได้นายกฯชื่อสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ทุกคนเชื่อแล้วว่าคนเหล่านี้คือระบอบทักษิณ นอกจากนี้ ตนยังได้รับทราบจากแหล่งลงข่าวระดับสูงอีกว่าขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้ลงนามใน พ.ร.ก.ภาวะฉุกเฉินแล้ว" นายสุริยะใส กล่าว
ข้อมูลจาก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|