• วูบขณะวิ่ง สัญญาณเตือน อันตรายถึงชีวิต |
โพสต์โดย คนข่าว , วันที่ 21 ต.ค. 65 เวลา 07:56:31 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
21 ต.ค. 65 เพจเฟซบุ๊ก”หมอเวร” โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับการวูบขณะวิ่ง สัญญาณเตือน อันตรายถึงชีวิต ระบุข้อความว่า เมื่อวานมีข่าวน่าตกใจของวงการนักวิ่งอีกแล้ว ในโพสต์นี้คือน้องนักวิ่งท่านหนึ่ง เป็นนักวิ่งสายเก็บระยะแถมอายุยังน้อยอยู่เลย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาน้องโพสต์ว่าในขณะกำลังซ้อมวิ่งอยู่ ตอนกำลังนั่งพัก จู่ๆก็ภาพตัดมีอาการวูบและหมดสติไป แต่ก็โชคดีที่มีคนมาช่วยปฐมพยาบาลได้ทัน
แต่เมื่อวันพุธที่ผ่าน น้องก็ไปซ้อมวิ่งอีกครั้ง และก็หมดสติไปอีกรอบ แต่คราวนี้หมอช่วยน้องเอาไว้ไม่ทัน เลยทำให้โพสต์นี้กลายเป็นโพสต์สุดท้ายของน้องไป หมอเวรขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวน้องเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ
แต่เรื่องนี้จะไม่เตือนก็คงไม่ได้จริง ๆ เพราะนักวิ่งยุคนี้ หมอว่าบางคนหักโหมในการวิ่งเป็นอย่างมาก ยิ่งพวกซ้อมมาราธอน วิ่งอัลตร้าเพื่อเอาเวลาเก็บระยะกันแบบบ้าคลั่งเลยทีเดียว ฉะนั้นบางคนที่มีอาการวูบขณะออกกำลังกายอย่างหนัก อันนี้เป็นสัญญาณเตือนที่บ่งชี้ว่าร่างกายไม่ไหวแล้ว โอเคแหละบางเคสอาจจะเป็นไปได้ว่าอาการวูบเนี่ย มันอาจจะเกิดจากการสูญเสียน้ำเยอะเกินไปขณะวิ่ง แต่มันไม่สามารถฟันธงได้ด้วยตัวเองนะ ว่าไอ้ที่วูบไปเนี่ยหัวใจหรือสมองมันมีปัญหาซ่อนอยู่หรือเปล่า ? ต้องไปตรวจอย่างละเอียดที่รพ.เท่านั้นถึงจะทราบได้
ซึ่งอย่างเคสน้องคนนี้หมอเวรก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ แต่จากสถิติที่นักวิ่งเสียชีวิตกันมากที่สุด มักเกิดจาก #โรคผนังหัวใจหนาตัวขึ้น อันนี้เป็นโรคที่เจ้าตัวมักเป็นอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ตัวเองว่าเป็น ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายก็คือ หัวใจห้องล่างซ้ายปกติแล้วมันจะทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ซึ่งปกติหัวใจในส่วนตรงนี้จะหนาและแข็งแรงที่สุดแล้วในบรรดาหัวใจทั้ง 4 ห้อง (ห้องนี้ทำงานหนักสุด เพราะต้องบีบเลือดให้ไปเลี้ยงทั่วร่างให้พอ) ซึ่งถ้าคนไหนมีปัจจัยทางกรรมพันธุ์ที่ส่งเสริมให้เกิดภาวะหัวใจหนาขึ้น เวลาออกกำลังกายหนักๆ จะทำให้เลือดไปเลี้ยงทั่วร่างไม่ทัน
ใครนึกภาพไม่ออกจะอธิบายแบบนี้แล้วกันนะ สมมุติให้หัวใจห้องล่างซ้ายเป็นเหมือนห้องนอนในคอนโดเรา วันดีคืนดีนิติจัดแคมเปญเบิ้ลผนังห้องให้ฟรีโดยเบิ้ลให้หนาขึ้น 1 เมตร ดูเผินๆเหมือนจะดี แต่การใช้ชีวิตจริงมันจะลำบากขึ้น เพราะผนังที่หนาทำให้ห้องมันแคบลง เจ้าโรคผนังหัวใจที่หนาขึ้นก็อารมณ์เดียวกัน แทนที่เวลาเลือดมาอยู่ในหัวใจห้องนี้จะถูกบีบส่งไปเลี้ยงทั่วร่างด้วยปริมาณเยอะ พอผนังหัวใจหนาขึ้น เลือดก็เลยสูบฉีดไปทั่วร่างได้น้อยลงอารมณ์นั้นเลย
คือเวลาพักผ่อนหรือออกกำลังกายเบาๆ มันก็ยังพอไหว แต่พอออกกำลังกายหนักมากๆ ร่างกายก็รีเควสบอกว่าสูบฉีดเลือดให้เยอะอีก ออกซิเจนไม่พอ แต่เราก็ยังไม่หยุดวิ่ง ใจเราสู้แล้วบอกกับตัวเองว่าถ้าทนได้อีกนิดเดี๋ยวเราจะแกร่งขึ้นจะได้วิ่งได้ไกลขึ้น แต่ความเป็นจริงคือร่างไม่ไหวแล้ว อาการวูบมักเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ เหมือนปั้มทำงานได้เร็วก็จริง แต่ปั้มก็ปล่อยน้ำออกไปได้น้อยเพราะปั้มมันมีขนาดเล็กลงโดยไม่รู้ตัวประมาณนั้น
รวมถึงกรณีที่สองที่มักเสียชีวิตด้วยโรคนี้ คือพอผนังหัวใจมันหนาขึ้นมากๆ สัญญาณไฟฟ้าที่วิ่งไปคุมผนังหัวใจบางครั้งน้องก็เกิดอ๊องขึ้นมาดื้อๆเองได้ ก็เลยอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเองได้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเสี่ยงทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน
ดังนั้นใครที่ยังวิ่งแบบบ้าคลั่งอยู่ทุกวันนี้ ถึงแม้จะเป็นนักวิ่งที่อายุน้อยแต่แข็งแรงดีก็ตาม อันนี้ก็แนะนำให้ไปตรวจสุขภาพกันบ้าง อย่าประมาท เพราะร่างกายที่ดูแข็งแรงจากภายนอกมันบอกไม่ได้เลยว่าภายในเราอะไรมันไหวหรือไม่ไหวบ้าง ไปลองเดินสายพานหรือไปลองอัลตร้าซาวด์หัวใจ (ECHO) ดูก็ได้ เพราะวิธีนี้สามารถวัดความหนาของผนังหัวใจได้ (แต่ถ้าอยากตรวจพวกคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อเช็คหัวใจเสี่ยงเต้นผิดจังหวะ อันนั้นต้องตรวจ EKG แทนนะ)
หรือถ้าจริงจังมากไปทดสอบ CPET ไปเลย จะได้รู้ว่าหัวใจไหวมั้ย ปอดไหวมั้ย ขีดจำกัดอยู่ที่แค่ไหน ต้องวิ่งที่เพซเท่าไหร่ถึงวิ่งจะไปได้ไกลที่สุด อารมณ์เหมือนเอารถยนต์ขึ้นเช็คไดโน่เทสนั่นแหละ เพียงแต่อันนี้เปลี่ยนเป็นเอาร่างกายมาขึ้นบนสายพานวิ่ง หรือเอามาปั่นจักรยานแล้ววัดค่าการใช้งานออกซิเจนของร่างกายนั่นเอง ส่วนใหญ่เทสกัน 15-30 นาทีก็เสร็จแล้ว
แถมเจ้าเครื่อง CPET เนี่ย ยังสามารถดูแนวโน้มพัฒนาการในการก้าวข้ามขีดจากัดเดิมของตนได้อีกด้วย ว่าต้องออกกำลังกายที่รอบเท่าไหร่ ถึงจะฟิตได้มากขึ้น ซึ่งหากซ้อมเองแบบไม่รู้เรื่อง บางครั้งนอกจากจะไม่ฟิตขึ้นแล้ว เผลอๆร่างกายอาจจะทรุดโทรมลงกว่าเดิมได้ด้วยนา อันนี้สายวิ่งที่หักโหมก็อยากให้หาเวลามาตรวจกันจริงจังด้วย
แต่ถ้าเป็นสายวิ่งชิวๆ เน้นเดินมากกว่าวิ่ง อันนี้ก็ปลอดภัยดีอยู่แล้ว ไม่น่าห่วงอะไรมาก ให้ระวังโดนวิ่งราวมือถือตอนกำลังเซลฟี่ก่อนวิ่งก็พอ
ข้อมูล: หมอเวร
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 207 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 21 ต.ค. 65
เวลา 07:56:31
|