• วิกฤต!!! รถติดไฟแนนซ์เข้าข่ายโดนยึดมากถึงล้านคันในปี66 สภาผู้บริโภคแนะให้รีบ รีไฟแนนซ์ นำรถยนต์ไปคืน ก่อนถูกยึด |
โพสต์โดย คนข่าว , วันที่ 16 มิ.ย. 66 เวลา 16:41:34 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
จากกรณีที่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร ออกมาเปิดเผยข้อมูลสถานการณ์หนี้เสียสินเชื่อรถยนต์ที่พุ่งสูงขึ้น โดยช่วงไตรมาสแรก (เดือนมกราคม – เดือนมีนาคม) 2566 มีบัญชีสินเชื่อรถยนต์ที่เป็นลูกหนี้ค้างจ่ายค่างวด 1-3 งวด ประมาณ 450,000 บัญชี และบัญชีหนี้เสียอีกประมาณ 550,000 บัญชี จึงมีความเสี่ยงว่าในช่วงเดือนตุลาคม 2566 อาจจะมีลูกหนี้ถูกยึดรถรวม 1 ล้านคัน นั้น
โชติวิทย์ เกิดสนองพงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการเงินและการธนาคาร สภาผู้บริโภค กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขกรณีหนี้มีปัญหาว่า สิ่งที่ผู้บริโภคต้องทำอันดับแรกคือประเมินความสามารถในการจ่ายหนี้ของตัวเองโดยแบ่งเป็นสองกรณี คือ กรณีที่หนึ่ง ผู้บริโภคมั่นใจว่าในอนาคตเราสามารถผ่อนค่างวดรถยนต์ต่อไหวแน่นอนโดยไม่ต้องค้างชำระค่างวด เพราะประเมินแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดสภาวะ “หนี้มีปัญหา” ในปัจจุบันเกิดขึ้นเพียงเพียงชั่วคราว หรือระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หรือกรณีที่สอง ผู้บริโภคประเมินแล้วว่าผ่อนค่างวดรถยนต์ต่อไม่ไหว
โชติวิทย์ อธิบายว่า สำหรับกรณีแรก คือผู้บริโภคที่มั่นใจว่าในอนาคตเราสามารถผ่อนค่างวดรถยนต์ต่อไหวแน่นอนโดยไม่ต้องค้างชำระค่างวด แนะนำให้แจ้งความต้องการ “ปรับโครงสร้างหนี้” หรือ “รีไฟแนนซ์” กับสถาบันการเงินต่าง ๆ โดยข้อดีของการปรับโครงสร้างหนี้คือ จะช่วยยืดระยะเวลาการผ่อนชำระให้นานขึ้น ซึ่งจะทำให้จำนวนเงินค่างวดที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนลดลง แต่มีข้อเสียคือ ผู้บริโภคอาจจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากระยะเวลาการผ่อนที่มากขึ้น อีกทั้งหากผิดนัดชำระหนี้ ก็อาจถูกยึดรถและต้องเสียปรับเพิ่มมากขึ้น
ส่วนกรณีที่สอง คือ ผู้บริโภคที่ประเมินแล้วว่าผ่อนค่างวดรถยนต์ต่อไม่ไหว แนะนำให้นำรถไปคืนไฟแนนซ์ โดยตอนส่งมอบให้ถ่ายรูปรถยนต์และประเมินสภาพรถไว้ รวมทั้งต้องมีหลักฐานการคืนเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย ข้อดีของการนำรถยนต์ไปคืนคือ ในกรณีที่ผู้บริโภคเอารถไปคืนโดยไม่ผิดสัญญา (ไม่ได้ค้างชำระหนี้เกิน 3 งวดติดต่อกัน) ไฟแนนซ์จะเรียกค่าส่วนต่างไม่ได้
โชติวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับผู้บริโภคที่กำลัง “เลี้ยงงวด” หรือใช้วิธีค้างชำระหนี้ 1 – 3 งวดอยู่เป็นระยะแนะนำให้รีบแก้ไขปัญหาตามคำแนะนำที่กล่าวไปข้างต้น เนื่องจากเมื่อมีการค้างชำระหนี้ 1 ครั้ง ไฟแนนซ์จะคิดค่าทวงถามหนี้ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ด้วย นั่นแปลว่า เมื่อผ่อนชำระค่ารถยนต์จนหมด ไฟแนนซ์จะเรียกเก็บค่าทวงถามหนี้ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จากผู้บริโภค ก่อนที่จะโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่มากกว่าดอกเบี้ยจากการรีไฟแนนซ์แน่นอน นอกจากนี้หากเกิดกรณีการค้างชำระหนี้ 3 งวดติดต่อกันถือว่าผู้บริโภคผิดสัญญา ไฟแนนซ์สามารถบอกเลิกสัญญาและยึดรถยนต์ได้ รวมทั้งสามารถเรียกค่าส่วนต่าง ค่าธรรมเนียม และค่าทวงถามหนี้ได้อีกด้วย
ข้อมูล: สภาองค์กรของผู้บริโภค
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 447 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 16 มิ.ย. 66
เวลา 16:41:34
|