“อาข่า” เสวนายันไม่จริง จี้รัฐป้องสิทธิ-ฟ้องยูเอ็น
มิดะ-ลานสาวกอด
เมื่อ วันที่ 21 มกราคม ที่อาคาร 10 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ชมรมอาข่าในประเทศไทยร่วมกับโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงร่วมกันจัดเสวนาเรื่อง “มายาคติอาข่าในสังคมไทย คลายปมมิดะและลานสาวกอด”
มีกลุ่มผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชน ประชาชน และเยาวชนชาวอาข่าร่วมเสวนาจำนวนมาก เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น และคลี่คลายปมวาทกรรม “มิดะ” และ ”ลานสาวกอด” อันก่อให้เกิดการกระตุ้นให้ตระหนักถึงวัฒนธรรมและความเป็นชาวอาข่า
นาย อาจู จูเปาะ ประธานชมรมอาข่าในประเทศไทย กล่าวว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเรื่องมิดะและลานสาวกอด จนมีการเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะในทางที่ผิดสร้างความเสียหายและความอับอายแก่ ชนเผ่าอาข่าขณะนี้ความพยายามที่จะใช้คำว่า มิดะและลานสาวกอด ไปเผยแพร่ในทางที่เสียหายยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
เดือนธันวาคมที่ผ่าน มา มีนิตยสารบางฉบับนำเสนอออกมาในรูปของการ์ตูนล้อเลียนว่า มิดะเป็นผู้สอนกามารมณ์ ซึ่งในข้อเท็จจริงไม่เป็นเช่นนั้น คำว่า มิดะ ไม่มีในภาษาอาข่ามีเพียงคำว่า “หมี่ดะ” ที่แปลว่า ผู้หญิงสาวธรรมดาชาวอาข่าที่ยังไม่ได้แต่งงาน” ส่วนลานสาวกอดที่ถูกมองว่าเป็นลานที่ให้คนหนุ่มสาว มากอดกันนั้นก็ไม่มี มีเพียงลานวัฒนธรรมที่มีการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากคนรุ่นก่อนสู่คนรุ่นหลังที่ เรียกว่า “แตห่อง” เท่านั้น
นายอาจูกล่าวด้วยว่า ชาวอาข่าในประเทษจึงต้องขับเคลื่อนด้วยตัวเองเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและชื่อ เสียง หากยังมีกลุ่มองค์กรหรือบุคคลที่ยังละเมิดนำไปล้อเลียนหรือไปใส่ร้ายในทาง ที่ผิดก็จำเป็นต้องมีการดำเนินการตามกฏหมายหากพึ่งทางรัฐบาลไทยไม่ได้ก็จำ เป็นต้องพึ่งสหประชาชาติให้เข้ามาช่วยเหลือ ระยะนี้จะมีบทสรุปของการเสวนาโดยทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงทำเป็นหนังสือออก แจกจ่ายไปยังสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพื่อชี้แจงให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจของประเพณีและวัฒนธรรมชาวอาข่า
นาย แสนชัย จูเปาะ อายุ 22 ปี ชาวอาข่าบ้านห้วยนำมา อ.แม่สรวย จ.เชียงราย นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ กล่าวว่าความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม เืชื้อชาติและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของจารีตประเพณีขาวอาข่า ทำให้ตนและเยาวชนอาข่าถูกมองในทางลบ และถูกล้อเลียนมาโดยตลอด ทั้งที่แต่ละชนชาติมีวัฒนธรรมทีดีงามเหมือนกัน ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเห็นผู้หญิงที่มาสอนเรื่องเพศหรือลานที่ให้หนุ่ม สาวมากอดกัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ชาวอาข่ารู้สึกบอบช้ำ แต่เพื่ออนาคตในการเล่าเรียนก็จำเป็นต้องทน แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจและเห็นใจ อยากให้มองชาวอาข่าเป็นเหมือนคนอื่น ๆ
ที่มา หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 22 มกราคม 2554 และ http://www.iamakha.com