(แฟ้มภาพข่าว)

(18 มิ.ย.) ความคืบหน้ากรณีที่ชาวบ้านพบถุงปุ๋ยกว่า 40 ใบที่นำมาทิ้งไว้ในป่าริมถนนเลี่ยงเมือง สายบ้านโตก-นางั่น อ.เมืองเพชรบูรณ์ เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.) และมีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจจะชำแหละเนื้อทำแหนมสดหรือลูกชิ้นขาย หรือนำหนังไปทำเป็นกระเป๋าถือ

ล่าสุด นายสุวิทย์ สุริยะวงศ์ ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานผลิตลูกชิ้นในพื้นที่อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติที่จะบ่งชี้ได้ว่า โรงงานดังกล่าวได้ทำเนื้องูเหลือมมาผลิตเป็นลูกชิ้น ซึ่งผู้จัดการโรงงานได้เปิดเผยว่า กระแสข่าวที่เผยแพร่ออกมา สร้างผลกระทบอย่างมาก ทำให้คนวิตกในการกินลูกชิ้น ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้นำเนื้องูเหลือมมาใช้ในการผลิตลูกชิ้น และเพิ่งทราบว่าสามารถนำเนื้องูมาทำลูกชิ้นได้เช่นกัน หากจะนำเนื้องูมาผลิตจริง คงต้องใช้ปริมาณที่มากถึง 3-4 ตันต่อวันทีเดียว

ด้าน นายพิทักษ์ มิ่งขวัญ นายก อบต.บ้านโตก เผยว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีรายงานว่า มีแหล่งรับซื้องูเหลือมหรือแหล่งชำแหละงูในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าซากงูถูกชำแหละมาจากที่อื่น ก่อนนำซากมาทิ้งในบริเวณดังกล่าว และคาดว่าแหล่งชำแหละน่าจะอยู่ในรัศมีไม่เกิน 20 กม.จากจุดที่นำซากมาทิ้ง

นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ปลัดอำเภอเมืองฝ่ายป้องกันและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง ได้ขอเข้าตรวจค้นที่บ้านหลังหนึ่ง บริเวณถนนกลางเมืองพัฒนา ย่านใจกลางเมืองเพชรบูรณ์ ตรวจพบซากงูเหลือมและงูพันธุ์อื่นทียังมีชีวิตอยู่เป็นจำนวนมาก บรรจุอยู่ภายในลังไม้และถุงปุ๋ย อีกทั้งยังพบหนังงูเหลือม ซากตัวนิ่ม อุ้งตีนหมี และซากงูเหลือมที่ชำแหละแล้วภายในตู้เย็น

จากการสอบสวนเบื้องต้น นางละออจิต จันทะคูณ เจ้าของ บ้านหลังดังกล่าวบอกว่า รับซื้องูมาจากชาวบ้านในราคากิโลกรัมละ 10 บาท ขายต่อให้เจ้าของบ่อปลาใช้ทำเป็นอาหารปลาในราคา 20 บาท/กก. ส่วนน้ำมันเปลวงู จะนำไปเจียวสกัดเป็นน้ำมันทำอาหาร ส่งขายให้แม่ค้าในตลาดสด โดยหลอกว่าเป็นน้ำมันหมู พร้อมยืนยันว่าซากชำแหละงูที่ถูกพบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย