เรื่องเล่าเกี่ยวกับ "ร้านอาหารเสื้อแดง" ที่ภาคเหนือ
และของฝาก "อำมาตย์" จาก "ไชยันต์ รัชชกูล"
ภาพจาก http://downmerng.blogspot.com
ไชยันต์ รัชชกูล (ภาพจากประชาไท)
(ที่มา เว็บไซต์ประชาไท)
http://www.prachatai3.info/journal/2011/09/36732
สำนักข่าวประชาไทได้นำเสนอบทวิจารณ์ของ รศ.ดร.ไชยันต์ รัชชกูล
จากสถาบันศาสนา วัฒนธรรม และสันติภาพ มหาวิทยาลัยพายัพ ที่มีต่องานวิจัย
"พัฒนาการจิตสำนึกและขบวนการทางการเมืองของชาวเสื้อแดงในจังหวัดเชียงใหม่"
โดยอาจารย์และนักศึกษาภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ในงานอภิปราย "ประสบการณ์ประชาธิปไตยของชาวบ้านเชียงใหม่"
ที่ห้องประชุมอาคารปฏิบัตการ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา
มติชนออนไลน์ เห็นว่าความเห็นของ รศ.ดร.ไชยันต์
ที่ประชาไทนำเสนอมีความน่าสนใจ จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อ ดังนี้
----------
เวลาเราศึกษาในทางสังคมศาสตร์
ถามว่าเราศึกษาอะไรในสังคมศาสตร์ จะต้องไปดูที่ Bedrock (ข้อเท็จจริง)
ที่ใต้ที่สุดเลยของสังคมศาสตร์ สังคมศาสตร์ศึกษา "ความสัมพันธ์ทางสังคม" คือ "Social Relation"
อันนี้อยู่บทที่ 1 เวลาอาจารย์อธิบายเรื่อง Social Relation
ก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่รู้หมายความว่าไง
ก็เป็นคำธรรมดาเหมือนเป็น Common Sense (สามัญสำนึก)
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น มันมีทฤษฎีมากมายที่เอียงไปในทางนี้ เช่น
ทั้ง Max Weber ที่เขาพูดบทสำคัญเลย เขียนไว้เป็นปึกเลย
ส่วน Karl Marx ไม่ได้พูดตรงๆ เรื่อง Social Relation
เขาใช้คำว่า Class Relation (ความสัมพันธ์ทางชนชั้น)
หมายความว่าสิ่งที่เราเป็นมันอิงกับ Entity (เอกลักษณ์/สิ่งที่มีอยู่จริง)
หนึ่งอยู่ตลอดเวลา คุณจะเป็น "พ่อ" เฉยๆ ไม่ได้ถ้าไม่มี "แม่"
คุณจะเป็น "พ่อ" ไม่ได้ถ้าไม่มี "ลูก" คุณจะเป็น "อย่างนี้" ไม่ได้
ถ้าไม่มี "อย่างนั้น" จะเป็น "อาจารย์" ไม่ได้ถ้าไม่มี "นักศึกษา"
ในทำนองเดียวกัน
ในการอธิบายว่า "เสื้อแดง" เป็นอย่างนี้อย่างนี้ มันเป็นไปไม่ได้
ถ้าไม่มี Entity หนึ่งครับ "เหลือง" "สลิ่ม" อะไรก็ว่าไป
ต้องดูว่ามันเป็น Interaction (ปฏิสัมพันธ์) กันแบบนี้
เป็น Process (กระบวนการ) ของ Interaction (ปฏิสัมพันธ์)
งานวิจัยนี้ ก็หมายความว่าเสื้อแดงเป็นอย่างไร
เสื้อแดงคิดอย่างนี้ๆ 1, 2, 3, 4, 5 ... อ้าว แล้วไอ้นี่หายไปไหนล่ะ
Bedrock (ข้อเท็จจริงพื้นฐานสุด) ของสังคมศาสตร์หายไปไหน
ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับว่า เราพูดถึงชนชั้นคนงาน
อ้าว เมื่อพูดถึงชนชั้นคนงานแบบนี้ แล้วนายทุนว่าอย่างไรล่ะ
ที่ทำให้ชนชั้นคนงานเป็นเช่นนั้น อันนี้ก็สำคัญมาก
แถมประเด็น มีสองตัวอย่างนะครับ ตัวอย่างหนึ่งคือ
เหตุเกิดที่ทางไปเชียงราย เวลาไปเชียงราย คนที่เขาไปเชียงรายเขาจะแวะกิน
เขาจะรู้ว่าร้านไหนเป็นเสื้อแดง ตลอดทางตั้งกะเชียงใหม่ถึงเชียงราย
ร้านนี้ใช่ ร้านนี้ใช่ ร้านนี้ใช่ ก็ไปเรื่อย พอไปนั่งที่ร้านก็คุยกัน
บางคนที่อยู่ในร้านก็ผัดก๋วยเตี๋ยวไปก็ใส่เสื้อแดง
แล้วเขาก็เล่าให้ฟัง
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ที่ร้านนี้เขาเล่า เขาเปิดวิทยุเสื้อแดง
บังเอิญเสื้อเหลืองเข้ามากิน เขามาจากกรุงเทพฯ กลุ่มใหญ่
เขาบอกว่าเปลี่ยนได้ไหมไอ้โทรทัศน์นี้เขาไม่อยากดูฮะ
รำคาญร้านเขาบอกก็เปิดไว้อยากดูก็ดู ไม่อยากดูก็ไปกินร้านอื่น
ไอ้นี่ลุกไปกินร้านอื่น ทั้งกลุ่มเลยนะ ก็ไม่ได้รายได้ส่วนนี้ไป อันนี้กรณีหนึ่ง
อีกกรณีหนึ่ง นี่เป็นระดับนักศึกษา ก็ไปกินที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ไม่ได้รู้จักกับร้านอาหารแห่งนั้นหรอกครับ
ก็คุยกันเอง มีคำผรุสวาทหลายคำ นะฮะ
ถึงระดับที่ชาวบ้านเขาบอกว่า Defined (ระบุให้ชัดเจน) ไม่ได้ นะฮะ ยาวเลย
ปรากฏว่าเวลาแม่ค้าเอาข้าวมาให้มันมากกว่าปกติเลย
โอ เห็นด้วยมากที่พูด เลยแถมข้าว กับข้าวให้
ประเด็น 2 กรณีที่ผมยกขึ้นมา เพื่อจะสนับสนุนประเด็นว่า
ไอ้ความขัดแย้งนี้มัน Pervasive หมายความว่า "มันเป็นอยู่ทั่วไป"
เราจะเจอที่ไหนๆ ก็ได้ คนกรุงเทพฯ มาเชียงราย
เอ้า ไปเจออีกข้าง เอ้าไปกินข้าว อ้าว เจอข้างเดียวกัน คือ
มัน "Pervasive" คือ "มันแทรกไปทั่ว"
จนกระทั่งเราสามารถสรุปมาเป็นประเด็นทางวิชาการได้ว่า
ยังไม่มี Social Unit หน่วยทางสังคมหน่วยไหนในสังคมไทย
ที่ไม่มีลักษณะของความขัดแย้งดำรงอยู่ ไม่ว่าจะระดับทั้งมหัพภาค ระดับจุลภาค
ในโรงเรียน ในห้องขนาดเด็กๆ มัธยม ก็ยังมีคนละสี หนังสือพิมพ์
ที่ว่าเป็นฝ่ายหนึ่งกับอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นอย่างที่เราทราบ
สิ่งที่อยากจะเป็นประเด็นสรุปก็คือ
นี่ผมยืมคำของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ที่ผมเคารพ เอามาพูด ก็คือว่า
เมื่อก่อนนี้ แต่ไหนแต่ไร บรรดานักวิชาการ
นักอะไรต่อมิอะไร นักสื่อสาร นักอะไรทั้งหลายแหล่
บอกว่าชาวบ้านไม่เข้าใจ อย่างนั้นอย่างนี้
เมื่อก่อนยังต้องพยายามอธิบายว่า "พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค"
แล้วก็บอกว่า จะตั้งพรรคการเมือง คนไม่เข้าใจระบบพรรคนะ
มีอยู่สมัยหนึ่งพูดอย่างนั้น เดี๋ยวนี้จะมีใครกล้าพูดอย่างนี้บ้าง
แล้วก็เวลามีข้อมูล เสริมไปด้วยเรื่องประเด็นสื่อที่สำคัญมาก
เพราะปัจจุบันเป็นสื่อแนวระนาบ คือทุกคนออกความเห็นได้ในที่สาธารณะ เช่น
Comment (แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์) ได้ในเว็บไซต์
และสามารถที่จะเอาซีดีมาอัด แล้วก็แลกกัน ทั้งแจกฟรี ทั้งขาย ทั้งใช้ ทั้งอะไรแบบนี้
มันเป็น Social Media (เครือข่ายสื่อสารทางสังคม) เป็นทั้ง Device (อุปกรณ์)
ที่จะ Mobilize (ขับเคลื่อน) คนเสื้อแดง ข้อมูลอะไรต่างๆ ก็รับกันเพิ่มขึ้นๆ
ประเด็นสุดท้ายที่ผมอยากสรุปก็คือว่า
สังคมไทยเปลี่ยนไปจริงๆ คงไม่กลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว
และก็อยากจะฝากไปให้คนที่เหมือนกบที่อยู่ในน้ำร้อนมันร้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ตัว
อยากฝากว่า ในช่วงที่ผ่านมา จนกระทั่งปัจจุบันนี้ เสื้อแดงจะชนะหรือเปล่า
เรื่องนี้เราต้องดูกันต่อไป เราไม่สามารถที่จะทำนายได้
แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรจะฝากไปด้วย ฝากพวกอำมาตย์ และฝากพวกเราทุกคนด้วยคือ
อย่าดูถูกสติปัญญาของมวลราษฎร์ ขอบคุณครับ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1315038120&grpid=01&catid=&subcatid=