กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
พ่อเมืองสามหมอกประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในพื้นที 7 อำเภอ กว่า 400 หมู่บ้าน พร้อมสั่งการช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยหนาวอย่างเร่งด่วน ด้านมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมประเทศไทย ทำให้ตอนบนของประเทศอากาศหนาวเย็นลงอีก 1-3 องศา ขณะที่เชียงรายนักโทษหนาวตายไปแล้ว 1 ศพ ขณะที่ปลัด สธ. เตือนประชาชนดื่มเหล้าหนักในช่วงหน้าหนาว ร่างกายจะสูญเสียความร้อน อุณหภูมิในร่างกายอาจลดลงต่ำกว่าปกติ หากเผลอนอนหลับไป ร่างกายสัมผัสอากาศเย็นเป็นเวลานาน อาจทำให้เสียชีวิตได้
นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในพื้นที่ 7 อำเภอ 44 ตำบล 415 หมู่บ้าน เนื่องจากราษฎรในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน 7 อำเภอ ประสบปัญหากับสภาพอากาศหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ซึ่งจังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือราษฎรประสบภัยหนาวเป็นกรณีเร่งด่วน ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2550 เป็นต้นมา
นายธงชัย กล่าวอีกว่า สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สรุปความต้องการเครื่องกันหนาว ปี 2551 ซึ่งข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2550 ราษฎรอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน , อำเภอขุนยวม, อำเภอปาย, อำเภอแม่สะเรียง, อำเภอแม่ลาน้อย, อำเภอสบเมย และอำเภอปางมะผ้า ราษฎรต้องการผ้าห่มนวม 36,997 ผืน ผ้าห่มไหมพรม 11,621 ผืน และเสื้อกันหนาว 22,798 ตัว รวมทั้งหมด 71,416 ชิ้น
กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานภาวะอากาศตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 7 ธ.ค.50 ว่า บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมทะเลจีนใต้และประเทศไทยตอนบนอย่างต่อเนื่อง และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีอากาศหนาวเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศา โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง ความสูงประมาณ 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 8-9 ธ.ค.50 บริเวณความกดอากาศสูงที่ประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง อุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้น ส่วนลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
สำหรับภาวะอากาศรายภาค ภาคเหนือ อากาศหนาว อุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 10-12 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-8 องศา และในช่วงวันที่ 8-9 ธ.ค. จะมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ร.ต.ต.พิชิตชัย พุทธวงค์ ร้อยเวร สภ.เมืองเชียงราย รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ว่า มีนักโทษป่วยเข้ารักษาตัวและเสียชีวิต 1 ราย จึงเดินทางพร้อมแพทย์นิติเวชไปโรงพยาบาล เข้าชันสูตรพลิกศพ ทราบชื่อนายพัฒพงษ์ แซ่ว่าง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129 หมู่ 19 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน โดยผู้ตายถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางเชียงราย มีโรคประจำตัว ก่อนเสียชีวิตมีอาการกำเริบ จึงถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาล ประกอบกับสภาพอากาศหนาวจัด เป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว
ขณะที่นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงสภาพอากาศหนาวเย็นทุกปี จะมีประชาชนนิยมดื่มเหล้า เนื่องจากมีความเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นร่างกาย แก้หนาวได้ ซึ่งในทางการแพทย์จัดว่าเป็นความเชื่อที่ผิด และเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก เนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์จะทำให้หลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัว ทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบเหมือนร่างกายอบอุ่นขึ้น ในทางตรงกันข้าม
การขยายตัวของหลอดเลือดฝอยนี้ จะเป็นช่องทางให้ความร้อนถูกระบายออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น ดังนั้น หากดื่มเหล้ามากขึ้นเท่าใด ความร้อนก็จะถูกระบายออกจากร่างกายมากขึ้นด้วย ผลตามมาคือ อุณหภูมิในร่างกายอาจจะลดลงต่ำกว่าปกติ และหากเผลอนอนหลับไป ทำให้ร่างกายสัมผัสอากาศเย็นเป็นเวลานาน อาจทำให้เสียชีวิตได้ หากผิงไฟร่วมกับการดื่มเหล้า อาจเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้เสื้อผ้า ผิวหนังพุพองจากความร้อน เปลวไฟหรือไฟไหม้บ้านได้ จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังเรื่องเหล่านี้ด้วย
การดื่มเหล้า-เบียร์ ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยเบียร์ 1 กระป๋อง ขนาด 120 ออนซ์ จะให้พลังงานประมาณ 115 แคลอรี เทียบเท่ากับกินข้าวสวย 1 ทัพพีครึ่ง การกินอาหารทั่วไป เช่น ข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว กับเนื้อสัตว์ต่างๆ น้ำหนักทุก 1 กรัม ร่างกายจะได้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี ขณะที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้ำหนักทุก 1 กรัม จะให้พลังงานมากถึง 7 กิโลแคลอรี แอลกอฮอล์เป็นตัวการขัดขวางการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ดังนั้น หากเลิกดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพ
ข่าวจาก เชียงใหม่นิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|