ครม.สมชายนัดสุดท้ายเลื่อนประชุมอาเซียนซัมมิทไปมีนาคมปี 52 ก่อน 3 พรรคถูกยุบ แต่ 6 พรรคร่วมยังจับมือเหนียวทำงานการเมืองร่วมกันต่อหวังตั้งรัฐบาลร่วมกันอีก อดีตนายกฯ ย้ำไม่เสียใจและเศร้าเพราะที่ผ่านมาทำดีสุดแล้ว บอกอยู่จุดไหนก็ทำงานเพื่อชาติได้

เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 2 ธ.ค.51 ที่ห้องแถลงข่าวอาคารอำนยวยการกลางศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยนางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกฯ ร่วมกันแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรีที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยนายณัฐวุฒิกล่าวว่าในการประชุม ครม.ครั้งนี้มีการพิจารณาเรื่องคดียุบพรรคด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ประชุมปกติจนแล้วเสร็จในเวลา 12.00 น.และเป็นช่วงเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังอ่านคำพิพากษาพรรคพลังประชาชนพอดีก็ให้ยุติการประชุมจนมีมติยุบพรรคตามที่มีมติออกมา แต่ห้วงเวลาก่อนหน้านั้นก็ได้พิจารณาวาระตามปกติ

โดยในเรื่องของการพิจารณายุบพรรคพอทราบผลรัฐมนตรีแต่ละคนก็ให้กำลังใจนายกฯ พร้อมกันนี้ก็แสดงจุดยืนร่วมกันว่า ทั้ง 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะยังสนับสนุนการทำงานต่อกันและร่วมกันร่วมงานจับมือทำงานการเมืองในเส้นทางข้างหน้าเพื่อตั้งรัฐบาลชุดต่อไปด้วย ทั้งนี้สำหรับรัฐมนตรีที่เป็นกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบก็หมดวาระตามกฎหมายและคนที่เป็นรัฐมนตรีโดยไม่ใช่กรรมการบริหารพรรคก็ทำหน้าที่ในตำแหน่งรักษาการ โดยจะมีการหารือร่วมกันต่อไปว่าจะให้ใครดูแลกระทวงไหนอย่างไร ส่วนตำแหน่งนายกฯ ก็เข้าใจว่านายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกฯ น่าจะรักษาการ แต่ทั้งนี้ก็จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาร่วมกันอีกครั้งเร็วๆ นี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โดยมีเรื่องสำคัญอันดับแรกก็คือการเลื่อนการประชุมอาเซียนซัมมิท ครั้งที่ 14 ตามที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศเสนอ โดยเลื่อนไปเป็นเดือนมีนาคม 2552 ทั้งนี้ด้วยเหตุผลของสถานการณ์ปัญหาวุ่นวายในประเทศทั้งการปิดสนามบินและเหตุการณ์อื่นๆ มีผลกระทบต่อความมั่นใจขององค์กรต่างๆ ที่จะเข้าร่วมประชุม จึงเห็นตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอดังกล่าว ส่วนกฎบัตรอาเซียนที่มีความตั้งใจจะประกาศใช้ในการประชุมที่เชียงใหม่นั้นก็ให้เลื่อนไปประกาศในช่วงการประชุมอาเซียนที่จาการ์ต้า อินโดนีเซีย ให้สมความตั้งใจของ อาเซียนที่จะประชุมกลางเดือนธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตามนายกฯ ได้ปรารภในที่ประชุมว่า ประเทศไทยยังรักษาการเป็นเจ้าภาพในบทบาทของประธานอาเซียนก็ยืนยันจะเป็นเจ้าภาพประชุมต่อไปแม้เลื่อนการประชุมออกไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือแจ้งทุกองค์กรที่เข้าร่วมจากประเทศต่างๆ เพื่อทราบการแจ้งยกเลิกในครั้งนี้ด้วย

นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติที่สำคัญคือการคงไว้สำหรับพระราชกฤษฎีกาให้มีการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 8-9 ธ.ค.นี้ให้ดำเนินต่อไป แต่ยกเลิกมติ ครม.ที่กำหนดให้ช่วงประชุมอาเซียนซัมมิทที่เชียงใหม่ตามกำหนดเดิมให้เป็นวันหยุดราชการเฉพาะที่เชียงใหม่ออกไปเพราะไม่มีประชุมแล้ว

ด้านนางสาวศุภรัตน์กล่าวว่า มติที่สำคัญอื่นๆ ที่ ครม.พิจารณาคือ การอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือเกษตรกรจากเหตุอุทกภัยตามที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอ 3,800 ล้านบาทช่วงปี 2550-2551 การขยายเวลาในมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ไปอีก 1 ปี เรื่องการลดภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่าทำเนียมการประเมิน มีกำหนดถึง 28 มีนาคม 2553 นอกจากนี้ก็มีการอนุมัติงบประมาณให้กระทรวงศึกษาธิการตามที่สภาพัฒน์ เสนอเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยระบบสารสนเทศ 1,348 ล้านบาท ในพื้นที่เป้าหมาย 750 ตำบล 100 ชุมชนต้นแบบ รวมทั้งอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณโครงการทางยกระดับ 2 โครงการสุวินทวงศ์และหทัยราษฎร์ -สายไหม 854 ล้านบาทและ 929 ล้านบาทเศษตามลำดับ อีกทั้งเห็นชอบแผนพัฒนาพลังงาน 5 ปีกระทรวงพลังงาน ส่วนงบประมาณของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานั้นไม่มีเสนอเพราะรัฐมนตรีไม่ได้เข้าร่วม

อย่างไรก็ตามหลังทราบผลการพิจารณาคดียุบพรรคการเมืองของศาลรัฐธรรมนูญ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้กล่าวหลังเลิกการประชุม ครม.ท่ามกลางสื่อมวลชนที่รอติดตามสถานการณ์อย่างคึกคักโดยผู้สื่อข่าวพยายามถามความรู้สึกและการดำเนินการจากนี้ไป นายสมชายบอกว่า คนเรานะ..ผ่านมาผมก็ไม่ได้ทำเพื่อตนเองอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ถามต่ออีกว่าแสดงว่าท่านทำดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ บอกว่า ผ่านมาทำเพื่อประเทศชาติก็ดีที่สุดแล้ว ตอนนี้เป็นประชาชนเต็มขั้น ชาติบ้านเมืองเป็นของทุกคน ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เหตุการณ์จากนี้จะคลี่คลายหรือไม่ นายสมชายบอกว่า ผมไม่ทราบผมไม่มีหน้าที่ทำตรงนี้แล้ว เหตุการณ์จะเบาหรือไม่เบาผมไม่ทราบ

จากนั้นนายสมชาย ได้ออกจากศาลากลางพร้อมทักทายกลุ่มเสื้อแดงและกำนันผู้ใหญ่บ้านที่มารอให้กำลังใจกว่า 40-50 คนบางรายร้องไห้พร้อมตะโกนว่านายกฯ สู้ๆ โดยกล่าวขอบคุณว่า ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหนก็ทำเพื่อชาติบ้านเมืองได้ ขอขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจก่อนเดินทางกลับไปที่บ้านพักสนามกอล์ฟซัมมิทกรีนวัลเลย์ อ.แม่ริม เชียงใหม่

หลังจากนั้นนายสมชายได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งที่บ้านพักก่อนออกรอบตีกอล์ฟที่สนามซัมมิทกรีนวัลเลย์ใกล้บ้านพักกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นายศรีเมือง เจริญศิริ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เขต 2 เลขานุการนายสมชาย โดยบอกว่า ตอนนี้ตกงานแล้วพร้อมกับรองนายกฯ อีกหลายคน แต่ก็ยังห่วงปัญหาบ้านเมืองเวลานี้เป็นธรรมดาแต่พูดอะไรไม่ได้แล้วเพราะไม่มีตำแหน่งแล้วตอนนี้ แต่ทุกคนก็มีหน้าที่ที่ต้องทำงานกันต่อไปไม่ต้องห่วงอะไร ส่วนสมาชิกพรรคก็ต้องไปหาพรรคใหม่สังกัด ตนนั้นหมดสิทธิ์แล้ว

นายสมชายกล่าวว่า ผ่านมานั้นทำงานต่อสู้มาตลอดเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเต็มที่ ไม่เคยหยุดไม่เคยท้อไม่เคยเสียกำลังใจ แต่เมื่อวันหนึ่งมีผู้มีอำนาจมาบอกว่าคุณไม่มีสิทธิ์ทำงานแล้วก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ก็ไม่ได้รู่สึกเศร้าโศกเสียใจอะไรเพราะเป็นภารกิจหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบบ้านเมืองอยู่แล้วไม่ได้อยากได้อำนาจวาสนาอะไรอยู่แล้ว พร้อมปฏิเสธที่จะวิจารณ์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสินเรื่องยุบพรรคในครั้งนี้ และไม่ได้ฝากอะไรกับผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ คนต่อไปเพราะเชื่อว่าจะทำงานได้อยู่แล้ว

ในการนี้นายสมชายยังกล่าวว่า เรื่องการเมืองเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เฉพาะนักการเมืองหรือ ส.ส.แต่เป็นเรื่องของทุกคนและเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการกำหนดอนาคตของชีวิตของคนทุกคนในประเทศ ไม่ใช่ไม่เป็น ส.ส.แล้วไม่สนใจ ซึ่งต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวมาตลอด ส่วนจะอยู่เชียงใหม่นานแค่ไหนนั้นบอกว่า อาจจะวันสองวันเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ซึ่งหลังจากกลับจากไปร่วมประชุมเอเปคก็ไม่ได้กลับกรุงเทพฯ ก็ไม่รู้กรุงเทพฯหน้าตาเป็นอย่างไรตอนนี้ นอกจากนี้ยังบอกว่า นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยานั้นให้กำลังใจตลอดมาแม้ไม่ได้เจอกันแต่ก็รู้ว่าต่างคนต่างก็เป็นกำลังใจให้กันไม่เคยทิ้งกันอยู่แล้ว.

ขอขอบคุณข่าวจาก ไทยนิวส์