กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เมื่อวันที่ 2 กันยายน นายวิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวในการสัมมนาเรื่อง "โครงการสภาวะการศึกษาไทย" ปี 2550/2551 จัดโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) ณ โรงแรมมิราเคิล กรุงเทพฯ ว่า ตนได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่อง “สภาวะการศึกษาไทย ปี 2550/2551 ปัญหาความเสมอภาคและคุณภาพของการศึกษาไทย” เพื่อนำเสนอต่อสำนักวิจัยและพัฒนาการศึกษา สกศ.
ซึ่งผล การศึกษาพบว่า จากสถิติและข้อมูลประมาณการที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รวบรวม การจัดการศึกษาในช่วงปีการศึกษา 2549-2551 สะท้อนว่า โดยภาพรวมการศึกษายังมีปัญหาทั้งปริมาณและคุณภาพ แม้จะพบว่า ประชากรในวัยเรียน 3 – 17 ปี มีโอกาสได้รับการศึกษาเป็นสัดส่วนต่อประชากรสูงขึ้นจาก 85.3%1 ในปีการศึกษา2549 เป็น 88.77% ในปี 2551
แต่ก็ยังพบว่าประชากรใน วัย3 – 17 ปีไม่ได้เรียนในปีการศึกษา2551 สูงถึง 1.6 ล้านคนหรือ 11.23 %ของประชากรวัยเดียวกัน ทั้งที่กฎหมายกำหนดให้รัฐบาลจัดการศึกษาภาคบังคับแก่ประชาชน 9 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเด็กไม่ได้เข้าเรียนและออกกลางคันไม่ได้เรียนต่อในช่วง ชั้นต่างๆมากโดยจากข้อมูลออกกลางคันปี 2550 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)พบว่ามีนักเรียนออกกลางคัน ในทุกระดับชั้นรวม 1.19 แสนคนหรือ 1.4 %
นาย วิทยากร กล่าวต่อว่าในส่วนของอุดมศึกษาจำนวนนักศึกษาในปี 2549 – 2550 ประมาณ 2.4 ล้านคนเรียนจบปีละ 2.7 แสนคนว่างงานปีละ 1 แสนโดยนักศึกษาระดับปริญญาโทจำนวน1.8 แสนคนและปริญญาเอกจำนวน 16,305 คน ซึ่งจุดนี้ทำให้ผู้เรียนในระดับต่ำกว่าปริญญาตรีในปี 2550 มีจำนวนลดลงเพราะสถาบันการศึกษาส่วนใหญ่จะขยายการเรียนระดับปริญญาตรีและสูง กว่ามากขึ้น
เนื่องจากคนนิยมเรียนให้ได้ปริญญาเพิ่ม ทั้งนี้สำหรับประเด็นปัญหาการพัฒนาคุณภาพในการจัดการศึกษานั้นจากการจัด อันดับความสามารถทางการแข่งขันกับประเทศต่างๆ อันดับของไทยมีแนวโน้มต่ำลงมาตลอด ซึ่งปัจจัยที่เป็นตัวฉุดก็คือปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการศึกษาและการ พัฒนาทางวิทยาศาสตร์
นอกจากนี้จากการประเมินของสำนักงานรับรอง มาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)ที่ผ่านมานอกจากมาตรฐานการศึกษาที่มีปัญหาแล้วในส่วนของมาตรฐานครู ในด้านความสามารถในการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพและเน้นผู้เรียน เป็นสำคัญยังพบว่าสถานศึกษามีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 34.2 หรืออยู่ในเกณฑ์ต้องปรับปรุง
“ในอนาคตจำนวนประชากรไทยจะเพิ่ม อย่างช้า ๆ แต่โครงสร้างอายุจะเปลี่ยนไป คือมีผู้สูงอายุเกิน 60 ปีเป็นสัดส่วนสูงขึ้น มีสัดส่วนคนวัยทำงานและวัยเด็กจะลดลง ในขณะที่เศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมโลกจะมีปัญหามากขึ้น จึงต้องจัดการศึกษาแบบเน้นคุณภาพ เข้าใจปัญหาและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งจัดการศึกษาและจัดกิจกรรมให้ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุให้เรียนรู้ใหม่ปรับตัวใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุขและสร้าง สรรค” นายวิทยากร กล่าวและว่า
สำหรับแนวทางการปฏิรูปการศึกษามี หลายเรื่องที่อยากจะเสนอศธ. อาทิ ปฏิรูปโครงสร้างการบริหารการศึกษาแบบลดขนาดและบทบาทของการบริหารแบบรวมศูนย์ อยู่ที่รัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษา และส่วนกลางลง ,กระจายอำนาจให้มีการบริหารแบบใช้ปัญญารวมหมู่, ปฏิรูปการจัดสรรและการใช้งบประมาณให้เป็นธรรม มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ,
ปฏิรูป ด้านคุณภาพประสิทธิภาพและคุณธรรมของครูอาจารย์อย่างจริงจัง เปลี่ยนแปลงวิธีการวัดผลสอบแข่งขันและการคัดเลือกคนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของ รัฐ จากการสอบปรนัยที่เน้นคำตอบสำเร็จรูปไปเน้นการวัดการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ และการพัฒนาตนเอง ที่สะท้อนความรู้ความสามารถอย่างเป็นองค์รวม
นอก จากนี้สิ่งที่สำคัญจะต้องปฏิวัติการศึกษาให้เกิดความเสมอภาคโดยเฉพาะต้อง ทุ่มงบประมาณกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ไม่ใช่ไปทุ่มงบประมาณกับโครงการเมกะโปรเจคท์ การพัฒนาเด็กปฐมวัยจะทำให้เด็กฉลาด เมื่อเรียนในระดับสูงขึ้น เช่น ประถมศึกษา มัธยมจะมีคุณภาพ
นายไพฑูรย์ สินลารัตน์ อดีตคณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า เป้าหมายการจัดการศึกษาของไทยทั้งด้านคุณภาพและการพัฒนายังกระจัดกระจาย แต่ละหน่วยงานแต่ละฝ่ายต่างมุ่งพัฒนาเด็กไปตามเป้าหมายของตัวเอง
ทำ ให้เด็กที่จบมาตั้งแต่ระดับประถมจนถึงปริญญาตรีมีปัญหาด้านคุณภาพ เมื่อจบปริญญาตรีไม่ได้คุณภาพก็ไปเรียนต่อปริญญาโท เมื่อจบปริญญาโทไม่ได้คุณภาพก็ไปเรียนต่อปริญญาเอก ทำให้การศึกษาไทยเดินไปสู่ความไม่เอาไหน อย่างเด็กบางคนเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเขียนคำว่าแพทย์ และคำว่าสร้างสรรค์ไม่ถูกเลยอาจเป็นผลมาจาการเรียนในระดับมัธยมศึกษาดูแล้ว ก็น่าเป็นห่วงแทน
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|