• '' พระธาตุดอยกวางคำ ''สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมือง ทุ่งหัวช้าง |
โพสต์โดย โน้ต cmprice , วันที่ 28 พ.ค. 58 เวลา 11:47:57 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ขอบคุณภาพจาก คเณศ เทพสุวรรณ
วัดพระธาตุดอยกวางคำ บ้านโป่งแดง-สัญชัย ตำบลทุ่งหัวช้าง อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน วัดนี้ถูกสร้างโดยหลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนากิจจานุรักษ์(อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ซึ่งได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว) เมื่อประมาณ 50 กว่าปีที่แล้วในสมัยที่องค์หลวงปู่ได้ติดตามครูบาเจ้าศรีวิชัย และครูบาเจ้าอภัยขาวปี(วัดพระพุทธบาทผาหนาม อำเภอลี้) มาบูรณะวัดพระธาตุหัวขัวอำเภอทุ่งหัวช้าง ปัจจุบันในวิหารวัดพระธาตุดอยพญากวางคำมีพระประธานทรงเครื่องปางพระมหาจักรพรรดิ ประดับด้วยเพชร พลอย ไว้ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา
ประวัติความเป็นมา
เมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้วครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนากิจจานุรักษ์ได้รู้ข่าวว่าบนดอยขุนห้วยโป่งแดงมีรอยพระบาทประทับอยู่บนก้อนหิน ท่านได้มาค้นหาพบเจอรอยบาทของพระมหาเถระ บนดอยกวางคำในปัจจุบัน ท่านจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานเสี่ยงทาย ก็ทราบว่าองค์ท่านเองนั้น เมื่อครั้งในดีตชาติ ได้เคยเกิดเป็นพญากวางคำ บำเพ็ญโพธิญาณ และมาถูกพรานยิงด้วยธนูเสียชีวิต ณ สถานที่แห่งนี้ จึงได้ก่อสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์สถานถาวรวัตถุให้ ชาวกระเหรี่ยง ลูกหลาน และผู้ที่ศรัทธา ได้สักการบูชา สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ต่อไป
และยังมีตำนานย้อนรอยไปเกี่ยวกับ พญากวางคำ และรอบพระบาทของพระมหาเถระ อีกด้วยว่า ครั้งพุทธกาลแต่เดิมสมัยสมเด็จพระกกุกสันโธสัมาสัมพุทธองค์ ณ ขุนห้วยโป่งแดงปัจจุบัน ในเวลายามบ่าย มีกวางฝูงหนึ่งประมาณสิบกว่าตัว ออกหากินโดยการนำของจ่าฝูงพญากวางคำซึ่งเป็นกวางพระโพธิสัตว์ ตัวใหญ่ สีเหลืองดุจทองคำในขณะเดียวกันนั้นก็มีพรานล่าเนื้อ สองกลุ่ม ออกล่าสัตว์ กลุ่มหนึ่งมาทางทิศเหนือ อีกกลุ่มหนึ่งมาทางทิศใต้ ได้มาเจอฝูงกวางกำลังออกหากินอยู่ พญากวางคำด้วยความเป็นจ่าฝูง โดยสัญชาติญาณ ที่จะให้บริวารพ้นภัยอันตราย จากกลุ่มพราน พญากวางอันมีสติปัญญาว่องไวและความเสียสละ จึงตัดสินใจหลอกล่อนายพรานทั้งสองกลุ่มให้สนใจติดตามตัวเองแต่ผู้เดียว โดยมุ่งหน้าวิ่งหลอกล่อพรานขึ้นไปบนเขาที่อยู่ใกล้ คือพระธาตุดอยกวางคำในปัจจุบัน เพื่อให้พ้น และห่างจากบริวารที่หากินอยู่ โดยไม่ห่วงตัวเอง ไม่หวั่นเกรงต่อความตายในขณะนั้นบนจอมเขาขุนห้วยโป่งแดงที่พญากวางคำกำลัง วิ่งขึ้นไปนั้นมีพระเถระรูปหนึ่งออกเดินธุดงค์โปรดสัตว์โลก มาพักปักกลดจำศีลภาวนาอยู่บนจอมเขา ขณะนั้นกำลังทำวัตรสวดมนต์พระอภิธรรมอยู่ พญากวางคำได้วิ่งหนีพรานมาเจอพระมหาเถระสวดมนต์พระอภิธรรมอยู่ จึงได้หยุดยืนฟัง และพิจารณาว่าเสียงนี้เหมือนเคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ไพเราะมากจิตจึงเกิดความเพลิดเพลินหลงใหลติดในเสียงสวดมนต์ ของพระมหาเถระ ลืมว่ากำลังวิ่งหนีกลุ่มพรานอยู่ ไม่สนใจไม่กลัวความตายว่าจะมาถึงตัว พรานล่าเนื้อทั้งสองกลุ่มได้วิ่งไล่พญากวางขึ้นมาบนจอมเขา เพราะเห็นรูปร่างลักษณะใหญ่โตสวยงาม พญากวางหยุดอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวก็ใช้ธนูยิงใส่พญากวางทันที โดยไม่ลังเล และไม่ทันสังเกตว่ามีพระธุดงค์ปักกลดอยู่ใกล้ ๆในขณะนั้นพญากวางคำไม่รู้สึกตัวว่าถูกยิงเสียชีวิต แต่รู้ตัวว่าเหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นมา ก็ได้อุบัติจุติเกิดเป็นเทพบุตรอยู่บนสวรรค์ชั้นตาวติงสา (ดาวดึงส์)มีปราสาทวิมานกว้างได้สิบสองโยชน์ สูงสิบสองโยชน์ และมีเทพธิดานางฟ้าเป็นบริวารอีก เป็นพันองค์ ส่วนพรานทั้งสองกลุ่มก็ได้แบ่งเนื้อกวาง โดยไม่ได้สนใจพระธุดงค์ที่ปักกลด สวดมนต์อยู่ หนังของกวาง นั้น พรานได้เอาไปตากไว้บนก้อน หินใกล้ ๆ กับเขาลูกนี้ (ปัจจุบันกลายเป็นแท่นหินหนังกวาง อยู่ห่างจากวัดไม่ไกลนัก)ส่วนหัวของกวาง พรานได้นำไปคั่ว ปัจจุบันคือบ้านหัวขัวบอกว่า “บ้านหัวขัว” ซึ่งมาจากคำว่า “หัวคั่ว” เพราะพรานเอาหัวกวางมาคั่วที่นี่ ปัจจุบันนี้ชาวบ้านเรียกเพี้ยนเป็นภาษาล้านนาว่า “หัวขัว” (หัวสะพาน)พระมหาเถระนั้น เมื่อสวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติกรรมฐานแล้ว จึงได้มาเทศน์โปรดสั่งสอนบอกกล่าวให้กลุ่มพรานที่กำลังแบ่งเนื้อพญากวางคำ และได้ชี้บอกพรานทั้งหลายว่า….“สูทั้งหลายทำบาปมากแล้วสูรู้ไหมว่ากวางที่สู ยิงนั้น มิใช่กวางธรรมดาทั่วไป แต่เป็นพญากวางคำโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมี ได้พาบริวารออกหากิน ต่อไปภายหน้า จักได้เป็นพระพุทธเจ้า อีกต๋นหนึ่ง” แล้วเทศน์โปรดพรานให้เลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หันมาทำบุญรักษาศีลโดยการให้นำศีลห้าไปปฏิบัติ พรานทั้งหมดเมื่อฟังพระมหาเถระเทศน์จบ ก็มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย จึงขอรับศีลห้าไปปฏิบัติ แล้วพร้อมใจกันนำอาวุธทั้งหมด ถวายพระมหาเถระ เพื่อบูชาพระธรรมคำสอนของพระมหาเถระและบูชาศีลห้าเมื่อกลุ่มพรานมีจิตศรัทธา เลื่อมใสในพระรัตนตรัยแล้ว จึงนึกถึงพระคุณองพระมหาเถระ กลุ่มพราน จึงได้ขอให้พระมหาเถระทำสัญลักษณ์ไว้ให้เป็นอนุสรณ์ตัวแทนของพระมหาเถระ เพื่อเขาจะได้สักการะบูชาต่อไปในวันข้างหน้า พระมหาเถระ จึงได้อธิษฐานจิตเหยียบรอยเท้าไว้บนหิน ให้พรานรักษา และได้มากราบไหว้สักการบูชาต่อไป ปัจจุบันได้สร้างรอยพระบาทครอบของแท้ไว้อีกชั้นหนึ่ง
การเดินทางไปวัดพระธาตุดอยกวางคำ อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูนการเดินทาง มี 2 เส้นทาง คือ เข้าทางแยกแม่เทย อำเภอลี้ ตามทางหลวงหมายเลข 106 และอีกเส้นทางคือ เข้าทางแยกแม่อาว ทางหลวงหมายเลข 1184 ประมาณ 70 กิโลเมตรถึงอำเภอทุ่งหัวช้าง ถึงแยกบ้านโป่งแดง ถนนชัยยะวงศาพัฒนา ประมาณ 4 กิโลเมตรถึงบริเวณวัดพระธาตุดอยกวางคำ อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน
ที่มา http://www.mcot.net/site/content?id=525b59fe150ba0c419000085#.VWaWb0Zgi3s
แสดงโฆษณา
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1379 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย โน้ต cmprice
IP: Hide ip
, วันที่ 28 พ.ค. 58
เวลา 11:47:57
|