• ไม่เฉพาะในไทย "เงินเฟ้อ สินค้า พลังงาน ราคาพุ่ง" ปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ |
โพสต์โดย คนข่าว , วันที่ 12 มิ.ย. 65 เวลา 00:26:45 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ เผยถึงตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือนพ.ค.2565 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 สูงขึ้นถึง7.1% ถือว่าสูงสุดในรอบ13 ปี ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภค อย่างพวกอาหาร สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงพลังงานทั้งน้ำมัน ไฟฟ้า ราคาต่างปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
สภาวะเช่นนี้เกิดจากปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะปัจจัยจากภายนอกประเทศ ที่สำคัญไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในไทย ทั่วโลกต่างกำลังเผชิญกับเงินเฟ้อพุ่งสูงต่อเนื่อง เช่น เวเนซูเอลา ประสบปัญหาเงินเฟ้อมาตั้งแต่ก่อนการระบาดของโควิดและก่อนสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อยังเป็นอันดับ1 ของโลก อยู่ที่ 500% ประเทศกำลังพัฒนา อย่างซูดาน เงินเฟ้อกว่า 244% ซิมบับเว กว่า 85% ขณะที่ประเทศในยูโรโซนที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว อัตราเงินเฟ้อก็พุ่งสูงเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 7.5% ส่วนสหรัฐอเมริกา 8.3%
ที่มาของเงินเฟ้อสูงขึ้น ราคาสินค้า - พลังงาน พุ่ง
เงินเฟ้อ หรือ ภาวะราคาสินค้า-บริการโดยทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ว่าง่าย ๆ ก็คือข้าวของราคาแพงขึ้น ตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของไทยที่อยู่ 7.1% นั้น ทางกระทรวงพาณิชย์แจงว่า สาเหตุหลักยังเป็นราคาพลังงานและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นอาทิ
- สินค้ากลุ่มพลังงานเพิ่ม 37.24% โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นถึง 35.89% ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาในตลาดโลก ก๊าซหุงต้มเพิ่ม 8% จากการยกเลิกการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ทำให้ราคาทยอยปรับเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดและค่ากระแสไฟฟ้าเพิ่ม 45.43% จากการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft)
- สินค้ากลุ่มอาหารเพิ่ม 6.18% เช่น เนื้อหมู ไก่สด ไข่ไก่ ที่ราคาเพิ่มขึ้นตามต้นทุนการเลี้ยง ส่วนผักสดราคาเปลี่ยนแปลงตามปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาด เป็นต้น
เมื่อพิจารณาสาเหตุของเงินเฟ้อ หรือ ภาวะสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้นแล้ว เห็นได้ว่ามาทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก ภายในอย่างเช่น พืชผักแพงขึ้นเพราะเป็นไปตามฤดูกาลที่ผลผลิตออกมาน้อย ส่วนภายนอกประเทศ หลัก ๆคือราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ดีดตัวสูงต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งไทยเราเป็นประเทศนำเข้าน้ำมัน ดังนั้น เมื่อราคาในตลาดโลกสูงขึ้น ราคาน้ำมันในประเทศจึงสูงขึ้นตาม ส่งผลมายังต้นทุนสินค้าในแง่ของค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ส่งต่อมายังสินค้าหลายต่อหลายตัวเลยแพงขึ้นตาม ขณะที่ปุ๋ยและวัตถุดิบผลิตอาหารเลึ้ยงสัตว์ในตลาดโลกก็เพิ่มสูง อันเป็นผลสืบเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน สองประเทศเจ้าใหญ่ส่งออกสารตั้งต้นผลิตปุ๋ยและวัตถุดิบผลิตอาหารเลี้ยงสัตว์ ไทยเราก็เป็นประเทศนำเข้าทั้งสารตั้งต้นผลิตปุ๋ยและวัตถุดิบผลิตอาหารเลี้ยงสัตว์ จึงได้รับผลกระทบต้องปรับราคาปัจจัยการผลิตทั้งสองอย่างขึ้น ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่มาถึงต้นทุนการผลิตภาคการเกษตร ทั้งเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ พืชผัก ต่างปรับราคาขึ้นตามต้นทุนการผลิตเหล่านี้
ทั้งหมดที่ยกตัวอย่างมาจึงเป็นที่มาของเงินเฟ้อ หรือภาวะสินค้าแพงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่า เงินเฟ้อที่เพิ่มสูงต่อเนื่องย่อมส่งผลกระทบต่อฐานะความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ ที่สำคัญในช่วงเวลานี้ปัญหาเงินเฟ้อสูงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในไทย แต่เกิดขึ้นกับหลายประเทศทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่อังกฤษ ประเทศชั้นนำในทวีปยุโรป อัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนที่ผ่านมาพุ่งสูงขึ้นมาอยู่ที่ 9% สูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี สาเหตุจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงต่อเนื่อง โดยเงินเฟ้อกระทบต่อฐานะความเป็นอยู่ของชาวอังกฤษจำนวนมาก อย่างที่มีการรายงานข่าวออกมาว่า ชาวอังกฤษหลายต่อหลายคนเลือกที่จะอดอาหารในบางมื้อเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในยุคเงินเฟ้อสูง
ขณะที่สหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมืองและการทหาร ก็ตกอยู่ในภาวะเงินเฟ้อสูง ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเมษายนอยู่ที่ 8.3% ลดลงเล็กน้อยจากเดือนมีนาคมที่อยู่ในระดับ 8.5% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ40ปีขณะที่นักวิเคราะห์เศรษฐกิจในสหรัฐฯ มองว่า แนวโน้มเงินเฟ้อยังจะเพิ่มสูงอีก อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังดีดตัวขึ้นจากสาเหตุการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย ที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำการคว่ำบาตรดังกล่าว ส่วนราคาสินค้าในสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวสูงไม่ว่าราคาน้ำมันหน้าปั้ม อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ นำความกังวลมาสู่ชาวอเมริกันที่กำลังตกอยู่ในสภาวะเงินเฟ้อสูงเช่นนี้
นอกจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงเป็นสาเหตุทำให้สินค้าตัวอื่นเพิ่มสูงตามแล้ว สภาวะเงินเฟ้อสูงทั่วโลกยังมาจากอีกหลายปัจจัย เช่น หลังการระบาดของโควิดซาลง เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวแต่ภาคการผลิตยังกลับมาไม่ทัน เห็นได้จากการขาดแคลนแรงงานภาคการผลิตสินค้าในหลายประเทศ ดังนั้นเมื่อการผลิตสินค้ายังฟื้นตัวได้ไม่ทัน สินค้าที่ผลิตออกสู่ตลาดโลกเลยไม่เพียงพอต่อความต้องการ สินค้าจึงมีราคาแพงขึ้น เงินเฟ้อโลกจึงอยู่ในภาวะสูง
มาตรการทางการเงินกับการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ
มาตรการทางการเงิน อย่างการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มักถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูงเพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายส่งผลต่อดอกเบี้ยทั้งเงินฝาก- เงินกู้ สูงขึ้นตาม เมื่อดอกเบี้ยเงินฝากสูงจะจูงใจให้ประชาชนนำเงินเข้าฝากกับธนาคารมากขึ้น ส่วนการกู้จะน้อยลง และเมื่อเงินไหลเข้าสู่ระบบธนาคารมากขึ้น เท่ากับว่าเงินหรือสภาพคล่องที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจก็จะลดลง นำไปสู่การปรับลดลงของระดับราคาสินค้าและบริการท้ายที่สุดจึงทำให้อัตราเงินเฟ้อต่ำลง
โดยสหรัฐฯ เลือกใช้วิธีนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.5 % เพื่อต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อที่รุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา และยังเป็นการส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากในระดับเดียวกันนี้ในอนาคตด้วย นอกจากนี้การประกาศดังกล่าวส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นปรับตัวขึ้นไปอยู่ในระดับ 0.75 -1 % นับเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด
เช่นกันกับทางฝั่งยุโรป ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนกรกฎาคมนี้ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อพุ่งสูงต่อเนื่องในยูโรโซน เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 7.5%
ในขณะที่ไทยเราการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย น่าจะยังไม่ใช่คำตอบการแก้ปัญหาเงินเฟ้อในระยะนี้ เพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท กระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวได้ โดยการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อ 30 มี.ค.2565 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ต่อปี เพราะมองว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินกรอบคาดการณ์(กรอบคาดการณ์4.9%) จะลดลงกลับมาอยู่ในกรอบได้ในต้นปี2566 จากการที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ราคาพลังงานและอาหารคาดว่าจะไม่ปรับสูงต่อเนื่อง
ทั้งหมดที่ว่ามา เห็นได้ว่าการแก้ปัญหาข้าวยากหมากแพง หรือเงินเฟ้อพุ่งสูง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแก้ได้โดยเร็วเพราะยังมีปัจจัยสำคัญจากทั้งภายในภายนอกกดดันอยู่ การแก้ปัญหาจึงต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังรอบคอบ
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : วีระเดช คชเสนีย์
ผู้เรียบเรียง : วีระเดช คชเสนีย์
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 150 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 12 มิ.ย. 65
เวลา 00:26:45
|