กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
จากแผนพลังงานแห่งชาติที่กำหนดกรอบให้ไทยมียานยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี ที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าให้ ปี 2030 ต้องมีการใช้รถอีวีเพิ่มมากกว่า 50% เพื่อให้ปี 2040 สามารถทดแทนยานยนต์ที่ใช้น้ำมันได้ 100% ในกลุ่มรถใหม่ ช่วยให้ไทยสามารถลดการใช้พลังงานน้ำมัน และส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการเกิดฝุ่น pm 2.5 ด้วย
รัฐบาล ออกมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถอีวีอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเงินอุดหนุนรถยนต์ และรถกระบะคันละ70,000-150,000 บาทต่อคัน รถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศ และนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40 % สำหรับรถยนต์ ถึงปี 2566 และยกเว้นอากรขาเข้าส่วนประกอบรถยนต์อีวี จำนวน 9 รายการ เพื่อนำมาผลิตหรือประกอบอีวีในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ ส่งผลให้แนวโน้มการใช้รถอีวีของไทยเพิ่มสูงขึ้น
จากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก พบว่า ในปี 2565 ณ วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ประเทศไทยมีปริมาณการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสะสม รวมทั้งสิ้น 20,087 คัน ได้แก่ 1. รถยนต์ไฟฟ้า 7,747 คัน / 2.รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 11,637 คัน / 3. รถสามล้อไฟฟ้า 398 คัน / 4. รถบัสและรถบรรทุกไฟฟ้า 305 คัน เปรียบเทียบกับข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม2564 มีปริมาณการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสะสมเพียง 11,382 คัน จะเห็นได้ว่า มีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เชื่อว่าก่อนถึงสิ้นปีจะมียอดใช้รถอีวีเพิ่มขึ้น
ไทยพร้อมเป็นฐานสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตและการใช้งานรถอีวี รวมถึงมีมาตรการที่ผลักดันอุตสาหกรรมรถอีวี สนับสนุนการผลิตรถยนต์อีวีในไทยเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุน ซึ่งจะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นฐานผลิตรถอีวีใหญ่ในภูมิภาคได้แน่นอน ส่งผลทำให้เกิดการจ้างงานครั้งใหญ่ มีเม็ดเงินมหาศาลถึงมือประชาชนและต่อยอดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมั่นคง
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|