• สาวป.โท เหยื่อข่มขืนบนรถไฟ 13 ปีก่อน เขียนจดหมายถึง คสช. คดีไม่คืบ |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 09 ก.ค. 57 เวลา 12:30:47 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เรียน ท่านสื่อมวลชนผ่านไปยัง หัวหน้า คสช. / การรถไฟแห่งประเทศไทย
เรื่องความรับผิดชอบต่อผู้โดยสาร ในคดีข่มขืนบนรถไฟ
วันนี้ดิฉันได้รับข่าวสารจากทางเมืองไทย แค่ได้อ่านหัวข้อข่าวว่า มีเหตุข่มขืนแล้วฆ่าบนรถไฟสายใต้ดิฉันก็รู้สึกเจ็บและปวดที่หัวใจผู้อย่างรุนแรง "มันเกิดขึ้นอีกแล้วหรือ?" "ทำไมฉัน ไม่เป็นคนสุดท้าย ? ทำไมต้องเป็นน้องเขา? ทำไม ?"
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเองเมื่อ 13 ปีที่แล้ว หากท่านยังจำกันได้ เมื่อวันที่ 16กรกฎาคม 2544 เกิดคดีข่มขืนหญิงสาวปริญญาโทบนตู้นอนบนขบวนรถไฟสายใต้ คดีนี้เป็นข่าวครึกโครม การรถไฟฯได้ไล่ผู้กระทำผิดออกจากงานและศาลอาญาได้ตัดสินจำคุกจำเลยเป็นเวลา 9 ปี ส่วนในคดีแพ่งศาลชั้นต้น และศาลอุธรณ์ ได้ตัดสินให้การรถไฟฯและจำเลย ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดให้แก่โจทก์นับจากวันนั้นถึงวันนี้ 13 ปีผ่านไปแล้วแต่คดีก็ยังไม่ถึงที่สุด ดิฉันก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหายเพราะการรถไฟฯได้ยื่นฎีกาขอทุเลาคดีและทำให้การเยียวยาของดิฉันได้รับความล่าช้าออกไปเรื่อยๆ
หลายท่านคงไม่รู้ว่าหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนชีวิตและสุขภาพดิฉันไปตลอดกาลอย่างสิ้นเชิง ท่านรู้หรือไม่? ดิฉันต้องถูกบีบบังคับให้ออกจากงานที่กำลังไปได้ดีเพราะในสายตาของผู้บริหาร ดิฉันได้นำความเสื่อมเสียมาสู่องค์กรเพราะในการเดินทางครั้งนั้น ดิฉันไปทำงานในนามของบริษัทดิฉันต้องเข้าโรงพยาบาลทางจิตติดต่อกันมาหลายปี มีอาการประสาทหลอน ควบคุมสติไม่ได้ต้องเข้าบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง ทุกคืนวัน ดิฉันมีอาการฝันร้ายผวาและหวาดกลัวคนรอบข้าง ไม่ไว้วางใจผู้คน วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่านานนับหลายปี ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีอาการสั่นของมือและเมื่อมีเหตุการณ์อะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจ แม้แต่เพียงเล็กน้อยดิฉันจะมีภาวะตระหนก ควบคุมตนเองไม่ได้และหลายต่อหลายครั้งถึงกับหน้ามืดเป็นลมหมดสติซึ่งอาการเหล่านี้แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานถึง 13 ปี ดิฉันก็ยังประสบความยากลำบากที่จะมีชีวิตเยี่ยงคนปกติด้วยความอ่อนแอทางสุขภาพจิตและการต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องหลายปีทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้การต้องประสบกับความอับอายในสังคมทำให้ดิฉันต้องระเห็จมาตั้งต้นชีวิตใหม่ในต่างประเทศอย่างยากลำบากและรอคอยกระบวนการยุติธรรมที่ถูกทำให้ล่าช้า อย่างไม่เห็นแก่มนุษยธรรมของท่าน
หลังจากอ่านหัวข้อข่าวดิฉันรู้สึกแย่มาก น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าหัวใจถูกบีบอย่างแรงมันเหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 13 ปีที่แล้วเพิ่งเกิดขึ้น และมันได้เกิดขึ้นอีกครั้งดิฉันไม่สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้สึกนี้เป็นตัวอักษรได้เพราะมันเจ็บปวดเกินกว่าที่จะพูดออกมาได้ ดิฉันทราบข่าวเวลา 3 ทุ่มของประเทศกรีซ หลังจากนั้น ดิฉันหมดสติมาเริ่มรู้สึกตัวประมาณเที่ยงคืน แต่ดิฉันก็พยายามฝืนที่จะพิมพ์จดหมายฉบับนี้เพราะต้องการสื่อสารถึงคนในสังคมไทย ว่าถึงเวลาหรือยังที่เราจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้สังคมนี้มีความปลอดภัยมากขึ้น ไม่ต้องคอยระแวงว่า "ใคร คือรายต่อไป"
จากคดีของดิฉันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทางการแพทย์ ทางกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมแต่นั่นก็ยังไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเพราะคดีข่มขืนก็ยังเกิดขึ้นอีกแทบทุกวัน
ดิฉันคาดหวังให้มีบทลงโทษที่รุนแรงในคดีข่มขืน และมีการป้องกัน บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจังเพราะมันอาจจะเป็นหนทางที่ทำให้เหตุนี้เกิดขึ้นน้อยลง จนไม่เกิดขึ้นเลย........จะเป็นไปได้มั้ยคะขอฝากไปถึงท่านผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่จะสามารถทำให้เกิดบทลงโทษที่รุนแรงมากกว่านี้หรือว่าต้องรอให้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของท่านก่อน
ดิฉันขอแสดงความเสียใจกับบิดาและมารดาของน้องที่เสียชีวิตดิฉันเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสีย เพราะดิฉันก็ได้เสียมารดาเนื่องจากผลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับดิฉันเช่นกันดิฉันอยากจะบอกว่าน้องเขาไปดีแล้ว น้องเขาโชคดีกว่าดิฉันเยอะเพราะทุกวันนี้ดิฉันมีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น 10 กว่าปีที่ผ่านมาดิฉันไม่เคยนอนหลับตอนกลางคืนเลย มันยากที่จะลืม
สุดท้ายนี้ดิฉันขอฝากข้อความไปถึงท่านผู้มีอำนาจในบ้านเมือง, ผู้ว่าการการรถไฟฯคนปัจจุบันว่า "ท่านมั่นใจเหรอคะ ว่า 117 ปีของการรถไฟฯ ไม่เคยมีคดีร้ายแรง มีแต่อนาจาร ดิฉันไม่ทราบว่าท่านมาบริหารองค์กรนี้ได้อย่างไร ท่านไม่เคยทราบเลยหรือคะ ว่า องค์กรของท่านเคยเกิดเหตุคดีข่มขืนบนรถไฟสายใต้ขณะที่รถไฟยังวิ่ง โดยผู้ก่อเหตุเป็นพนักงานขององค์กรของท่านเองท่านไม่เคยทราบเลยหรือคะ ท่านคิดว่าท่านสมควรที่จะเป็นผู้บริหารองค์กรนี้ต่อไปหรือคะ คดีของดิฉัน 13 ปีแล้วค่ะ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรคะ ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างตลอดกาลของดิฉันการรถไฟฯเห็นว่าการเยียวยาชดใช้ช่วยเหลือความเสียหายมันตีเป็นตัวเงินเมื่อเทียบกับชีวิตของดิฉันได้หรือคะทำไมต้องใช้เวลาเตะถ่วงถึง 13 ปี จนบัดนี้ดิฉันมีลูกชายวัยเด็กที่ดิฉันต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูด้วยสุขภาพทั้งกายทั้งจิตที่บอบช้ำอย่างหนัก แต่สำหรับท่านเงินเพียงเล็กน้อยเท่านี้เท่าที่ศาลท่านสั่งให้ชดใช้ ท่านคิดว่ามากไปหรือคะช่วยกรุณาตอบดิฉันด้วย และเหตุการณ์ของน้องแก้ม ที่เพิ่งเกิดขึ้นท่านจะพูดว่าอะไรคะ ท่านจะดำเนินการอย่างไร ไล่พนักงานคนนั้นออก แล้วก็จบเหมือนคดีของดิฉันใช่มั้ยคะ คำว่า "ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"ที่ท่านผู้ว่าฯ คนก่อนโน้นเคยกล่าวกับดิฉันท่านก็กำลังจะกล่าวคำนี้เช่นกัน กับมารดาของน้องแก้มใช่มั้ยคะ.....ดิฉันอยากถามว่า ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของท่านท่านจะกล่าวคำว่าอะไร
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1979 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 09 ก.ค. 57
เวลา 12:30:47
|