• ลงทุน RMF และ LTF อย่างไร ให้ได้ประโยชน์สูงสุด |
โพสต์โดย oei , วันที่ 11 มี.ค. 64 เวลา 17:28:39 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ลงทุน RMF และ LTF อย่างไร ให้ได้ประโยชน์สูงสุดหลังจากได้อ่านบทความจาก SCB อย่าง บัตรเครดิต (เพิ่มเติมที่ https://www.scb.co.th/th/personal-banking/cards/credit-cards/all-cards.html) ที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์อีกมากมาย ที่เป็นทั้งบัตรเครดิตสะสมแต้ม และบัตรสิทธิพิเศษที่เข้าร่วมหลาย ๆ รายการ วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง กองทุน LTF และ RMF แต่ระหว่างสองกองทุนนี้ กองทุนไหนจะตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคนได้มากกว่ากัน ตามมาดูกันเลย1. สำหรับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว ควรสำรวจและคำนวณอัตราภาษีของตนเองในแต่ละปีก่อนลงทุนหลายท่านซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน RMF และ LTF เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพียงอย่างเดียว ในกรณีนี้ควรคาดการณ์ภาษีที่จะต้องจ่ายล่วงหน้าไว้ เพื่อจะได้ซื้อหน่วยลงทุนเท่าที่จำเป็นเท่านั้น สำหรับใครที่มองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก ขอแนะนำให้ใช้โปรแกรมคำนวณภาษีที่มีอยู่ทั่วไปในอินเตอร์เนต กรอกตัวเลขเพื่อให้โปรแกรมคำนวณเลขภาษีที่ต้องจ่ายในแต่ละปีแบบคร่าว ๆ ได้ เหตุผลที่แนะนำให้ทำทุกปี เนื่องจากปกติแล้วเราจะมีรายได้และรายการลดหย่อนภาษีในแต่ละปีไม่เท่ากัน หากปีไหนลองคำนวณแล้วไม่จำเป็นต้องลงทุน RMF เราก็สามารถหยุดไปหนึ่งปี แบบเว้นปีได้ หรือหากปีไหนผลออกมาว่าต้องซื้อหน่วยลงทุนเพิ่ม ก็จะได้เลือกลงทุนใน RMF และ LTF ได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง2. ทำแบบประเมินความเสี่ยงการลงทุนก่อนตัดสินใจซื้อกองทุน RMF และ LTFแบบประเมินในลักษณะนี้ มีกฎอยู่แล้วว่าต้องทำ แต่จะดีกว่า หากคุณได้ทดลองทำก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในกองทุนสองประเภทนี้ เนื่องจากกองทุน LTF มีความเสี่ยงปานกลางค่อนไปทางสูง ส่วนกองทุน RMF มีระดับความเสี่ยงตั้งแต่ต่ำสุดไปจนถึงระดับสูงสุด ผลจากการทำแบบประเมินจึงสามารถช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อกองทุนในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม ลงทุนไปแล้วสบายใจ ไม่เกิดอาการหวาดผวา ส่งผลให้ถือหน่วยลงทุนได้ไม่ครบตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ นอกจากจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว อาจพบภาวะขาดทุนได้ด้วยเช่นกัน3.ไม่ควร กู้ เงิน ลงทุน เพื่อมาซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน RMF และ LTFเนื่องจากกองทุนทั้งสองประเภทนี้ เป็นการลงทุนระยะยาว การกู้เงินมาลงทุนจึงมีแนวโน้มที่จะเสียประโยชน์มากกว่าที่จะได้ประโยชน์ อันที่จริงตามหลักการลงทุนที่ดีนั้น มักจะแนะนำให้นำ “เงินเย็น” หรือเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายและการออมมาลงทุน เพราะจะช่วยสร้างความมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืนมากกว่าการไป กู้ เงิน ลงทุน มาลงทุนในลักษณะการลงทุนเช่นนี้4. เลือกซื้อกองทุน RMF และ LTF ที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของตนเอง กองทุน RMF มีระดับความเสี่ยงให้เลือกหลากหลาย ยกตัวอย่างกองทุน RMF ของ SCB ซึ่งมีมากกว่า 13 กองทุน และมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป สำหรับใครที่มีสไตล์การลงทุนแบบผาดโผน ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุน RMF ที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ หรือ ทองคำ ได้ ส่วนสไตล์การลงทุนแบบรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง ก็สามารถเลือกกองทุน RMF ที่ลงทุนในหุ้นไทย แต่สำหรับใครก็ตามที่รับความเสี่ยงแทบไม่ได้ หรือไม่ได้เลย ก็ยังมีกองทุน RMF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ รักษาเงินต้นได้อย่างมั่นคง และเอาชนะเงินเฟ้อได้อย่างไม่ต้องกังวลจะขาดทุน ส่วนกองทุน LTF แม้จะมีความเสี่ยงในระดับใกล้เคียงกัน คือ ลงทุนในหุ้น ทาง SCB ก็ยังมีเตรียมไว้ให้เลือกมากถึง 10 กองทุน ท่านสามารถศึกษารายละเอียดของนโยบายการลงทุน และเงื่อนไขต่าง ๆ ได้ในเว็บไซต์ https://www.scbam.comอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ สำหรับการลงทุนใน RMF และ LTF ก็คือ วินัยในการลงทุน เนื่องจากกองทุนทั้งสองประเภทถือเป็นการลงทุนในระยะยาว มีการกำหนดระยะเวลาถือครองหน่วยลงทุน โดยเฉพาะกองทุน RMF ซึ่งกำหนดช่วงอายุในการขายหน่วยลงทุน และกำหนดว่าต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปีไว้ด้วย ดังนั้นวินัยในการลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เชื่อเถอะว่า หากสามารถรักษาวินัยได้ ท่านก็จะได้รับทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษี และความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีบริการ Credit Card ของ SCB ที่มาพร้อมกับ สิทธิพิเศษบัตรเครดิต (เพิ่มเติมที่ https://www.scb.co.th/th/personal-banking/promotions/credit-cards.html)
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 419 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย oei
IP: Hide ip
, วันที่ 11 มี.ค. 64
เวลา 17:28:39
|