• 10 ข่าวการศึกษา "ร้อน"แห่งปี 2550 |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 29 ธ.ค. 50 เวลา 11:31:22 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะต้องกล่าวคำอำลาปีเก่า ก้าวเข้าสู่ปีใหม่
ในแวดวงการศึกษาเองตลอดปี 2550 หรือ 1 ปีที่ผ่านมา มีข่าวคราวอะไร เกิดอะไรขึ้นบ้างในแวดวงการครู นักเรียน-นักศึกษา ที่ขึ้นมาจับจองพื้นที่ข่าวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ ทีมข่าวการศึกษา "ข่าวสด" ได้รวบรวม 10 ประเด็นข่าวที่อยู่ในความสนใจของสังคม 10 อันดับ มานำเสนอ เริ่มต้นด้วยข่าวที่เรียกเสียงฮือฮา และโผล่ออกมาให้เห็นเป็นระลอก คือ
1. คลิปตบระบาด
คลิปนักเรียนยกพวกตี-ตบกัน ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอยู่ในกลุ่มนักเรียนชาย-หญิง โดยเฉพาะแค่ปี 2550 พบว่ามีข่าวนักเรียนยกพวกตบกันไม่ต่ำกว่า 10 กรณี อย่างกรณีที่ นักเรียนหญิง ปวช.ปี 3 โรงเรียนพัทยาพณิชยการ หรือพีแบค อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อเหตุลากตัวรุ่นน้องปวช.ปี 1 เข้าไปตบในห้องเรียน พร้อมบังคับให้กราบขอโทษ โดยภาพเหตุการณ์ทั้งหมดได้มีการถ่ายวิดีโอคลิปไว้ประจาน ท่ามกลางบรรดากองเชียร์ โดยเบื้องหลังการวิวาทกันดังกล่าวเพียงแค่มีสาวทอมมาตามจีบคู่กรณีทั้งสองจนเกิดอาการเขม่นกันขึ้น สุดท้ายทั้งคู่ต้องไปตกลงกันที่โรงพัก ขณะที่ทางโรงเรียนก็ลงโทษโดยการทำทัณฑ์บนรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ แต่ยังคงสถานภาพนักเรียนไว้เพื่อรักษาอนาคตของเด็กไว้
นอกจากนั้นมีกรณีที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันที่ จ.นครนายก โดยคู่กรณีเป็นนักเรียนหญิง ม.ต้น ตบกับรุ่นพี่ ม.ปลาย ที่สำคัญคือก่อเหตุทั้งในชุดนักเรียน ริมถนนในตัวเมืองนครนายก โดยมีการบันทึกคลิปวิดีโอความยาว 49 วินาที ซึ่งไม่เพียงแต่กรณีนี้เท่านั้นที่ใช้สถานที่สาธารณะเป็นจุดก่อเหตุ แต่ยังมีร้านอาหารในช่วงเวลากลางวันที่ปลอดคน ห้องน้ำสาธารณะ หรือแม้แต่หน้าที่ทำการไปรษณีย์ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ส่วนสาเหตุมีทั้งเพียงแค่หมั่นไส้กัน รุ่นน้องปีนเกลียวรุ่นพี่ แม้ตบตีกันแย่งผู้ชาย ฯลฯ ไม่ว่าจะปัญหาอย่างไรก็ตามเหล่านี้ล้วนเป็นข่าวที่ฟ้องสภาพปัญหาความรุนแรงในเด็กที่เกิดขึ้นในหลายโรงเรียนและดูทีท่าว่าไม่ได้ทุเลาลงแต่อย่างใด
2. สลดแท้งหน้าเสาธง
นักเรียนหญิงแท้งลูกหน้าเสาธง เรียกว่าเป็นข่าวฮือฮาไม่น้อยในรอบปีนี้ เกิดขึ้นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยนักเรียนหญิงชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา แท้งลูกขณะเข้าแถวเคารพธงชาติ ในวันเปิดภาคเรียนวันแรก ประจำปีการศึกษา 2550 โดยกรณีนี้ตัวนักเรียนเองก็ไม่รู้ว่าตนเองท้อง จึงลงวิ่งแข่งในงานกีฬาของโรงเรียน แม้ว่ากรณีนี้ทางผู้บริหารโรงเรียนยืนยันว่า พร้อมรับนักเรียนคนดังกล่าวกลับเข้าเรียนต่อได้ ขณะที่ในอดีตหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นก็อาจจะให้นักเรียนออกจากโรงเรียนไปแม้ว่าจะอยู่ในวัยการศึกษาภาคบังคับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของนักเรียนเองด้วยว่าจะสามารถกลับมาอยู่ในสภาพแวดล้อมและเรียนต่อในโรงเรียนเดิมได้หรือไม่
กรณีนี้ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยธุยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปรียบเปรยไว้ว่า ปัญหาเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นปัญหาที่รุนแรง และขณะนี้ถือได้ว่าร้ายแรงยิ่งกว่าปัญหายาเสพติดที่เกิดจำกัดเฉพาะกลุ่ม แต่ปัญหาเรื่องเพศ เกิดขึ้นได้กับเด็กทั่วไป แม้ว่าจะเป็นเด็กเก่ง เรียนดี แต่ก็อาจตกเป็นเหยื่อได้ทำให้สพฐ.ต้องหันมาให้ความสำคัญและยกเครื่องการเรียนการสอนวิชาเพศศึกษากันยกใหญ่ แต่จะได้ผลแค่ไหน คงต้องรอติดตามกันไป
3. จำคุกครูละเมิดเด็ก
ครู-อาจารย์ล่วงละเมิดทางเพศศิษย์ ซึ่งจะว่าไปแล้วข่าวลักษณะนี้มักจะโผล่มาให้เห็นเป็นระยะ แต่ข่าวใหญ่และเป็นคดีที่สังคมจับตามองก็คงหนีไม่พ้นกรณีของ นายลอน โสรกนิษฐ์ อายุ 59 ปี อาจารย์ชั้น ป.2 และนายพิมล ซุ่นศรี อายุ 49 ปี ครูสอนพละ โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านสายไหม ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกคนละ 50 ปี ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ในความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อกระทำอนาจาร หน่วงเหนี่ยวกักขังกระทำอนาจาร กระทำชำเรา และข่มขืนใจ ลูกศิษย์ชั้น ป.2 วัย 7-8 ขวบ ของโรงเรียนย่านสายไหมรวม 5 คน ศาลชี้ หลักฐานการตรวจของแพทย์ยืนยันชัดเจน ประกอบกับคำให้การของเด็ก
คดีนี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายคดีที่ครูกลายเป็นผู้ร้ายเสียเอง แต่ก็ถือเป็นคดีตัวอย่างที่ศาลสั่งลงโทษขั้นรุนแรง พร้อมทั้งไม่อนุญาตให้ประกันตัวเพื่ออุทธรณ์คดี จนต้องเดินคอตกเข้าเรือนจำ นับเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้ที่คิดจะใช้อาชีพครูเป็นโล่กำบังทำร้ายเด็ก และก็น่าจะถึงเวลาที่ควรจะมีการคัดกรองผู้เข้าสู่วิชาชีพครูให้มากขึ้น เพื่อให้ครูเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับศิษย์ สมกับคำว่า พ่อพิมพ์ แม่พิมพ์ของชาติ ตามที่สังคมยกย่อง
4. ครูกรรไกรโหด
ปลอดไม้เรียวแต่ยังรุนแรง ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา ที่แม้ศธ.จะมีประกาศห้ามใช้ไม้เรียว แต่ในความเป็นจริงหลายแห่งก็ยังคงอ้างภาษิต รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี หรือไม่เพียงเท่านั้น ครูบางคนยังสรรหาวิธีการลงโทษแปลก แหวกแนว อย่างกรณีของผู้ปกครองน.ร.ชั้นป.4 โรงเรียนชื่อดัง จ.ตาก ที่รวมตัวกันเข้าร้องเรียนว่าครูประจำชั้นทำโทษนักเรียน 11 คน โดยใช้กรรไกรกรีดอวัยวะเพศจนมีแผลแดง แถมยังถีบและจับล็อกฟาดประตู เฆี่ยนจนเด็กหลายคนถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล
เหตุเพราะนักเรียนทั้ง 11 คน ได้ออกไปจากโรงอาหาร และไปเล่นบนสนามโรงเรียนอีกฝั่งหนึ่งเท่านั้น เป็นเพียงหนึ่งในหลายกรณีที่นักเรียนต้องกลายเป็นเหยื่ออารมณ์ของผู้ที่ขึ้นชื่อว่า ครู
5.นุ่งสั้นรัดติ้วยังฮิต
แฟชั่นชุดนิสิตนักศึกษาสุดหวิว ที่นิยมนุ่งกระโปร่งสั้น-ใส่เสื้อรัดติ้ว มีการดัดแปลงให้เข้ากับแฟชั่นของยุคจนห่างไกลจากคำว่าเครื่องแบบเข้าไปทุกที เรื่องนี้นอกจากจะเป็นที่พูดถึงกันในวงกว้างแล้ว บุคคลระดับรัฐมนตรีอย่าง คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม ก็ประสบกับปัญหาด้วยตัวเอง เมื่อพบนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ที่แต่งกายไม่เหมาะสม นุ่งสั้น รัดติ้ว นั่งคุยกับหนุ่มต่างชาติอยู่ภายในวัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ จึงได้เข้าไปตักเตือน แต่กลับถูกนักศึกษาย้อนกลับมาด้วยคำไม่สุภาพ
เรียกได้ว่ากรณีนี้นำไปสู่ความร่วมมือของทั้งกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงศึกษาธิการ ในการหาแนวทางหรือกลยุทธ์ในการรณรงค์ให้นักศึกษาตระหนักในเรื่องของการแต่งกายให้เหมาะสม ถูกกาลเทศะ ลบค่านิยม นุ่งสั้น-รัดติ้ว เพราะนอกจากการแต่งกายดังกล่าวจะไม่เหมาะสมแล้ว ยังล่อแหลมในการเกิดอาชญากรรมตามมาด้วย
6.เลิกกรอ.-กยศ.อืด
น.ศ.วุ่น - ขิงแก่ยกเลิกเงินกู้ กรอ. เป็นข่าวที่สร้างความวุ่นวายให้กับนักศึกษาหลายพันคน เมื่อรัฐบาลขิงแก่มีมติให้ยกเลิกกองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อกองทุนไอซีแอล และให้กลับมาใช้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แต่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงกองทุน บวกกับตำแหน่งผู้อำนวยการ กยศ. ที่ว่างลงไป กลายเป็นเหตุให้การจัดส่งเงินกู้ยืมที่ควรจะถึงมือนักเรียน นักศึกษา ล่าช้าไปกว่าที่ควรจะเป็นมาก
กระทั่งมีข่าวนักศึกษาสาวปี 4 มหาวิทยาลัยราชภัฏชื่อดัง ในจ.นครศรีธรรมราช ผูกคอตาย เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาโดยข่าวเบื้องต้นระบุว่าสาเหตุมาจากความเครียดที่ยังไม่ได้รับเงินกู้ยืม กยศ. หรือแม้จะมีเหตุปัญหาที่แท้จริงอย่างไร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมีการสั่งให้ยกเลิกโครงการ กรอ. ที่เริ่มเดินหน้าไปแล้วหนึ่งปี โดยที่ไม่ได้มีการเตรียมการรองรับสำหรับกลุ่มนักศึกษาที่ไม่เข้าเกณฑ์ไว้ก็ย่อมเกิดปัญหา ซึ่งเมื่อสำรวจตรวจตราลงไปจริงๆ ก็จะพบว่านักศึกษาหลายคนถึงขั้นต้องออกกลางคันเพราะกู้เงิน กยศ. ไม่ได้ก็มี
7. ถอนปริญญา ว.ศรีโสภณ
ปริญญามีปัญหาที่วิทยาลัยศรีโสภณ ข่าวนี้เบียดขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ เมื่อนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยศรีโสภณ จำนวน 12 คน พร้อมผู้ปกครองและญาติ แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้บริหารวิทยาลัยศรีโสภณ ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ฉ้อโกง และปกปิดความจริงทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย และไม่ได้รับปริญญาตรี แถมมีการปิดถนนไม่ให้ขบวนรถของ รมว.ศึกษาธิการ ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน ในฐานะประธานสภาวิทยาลัยศรีโสภณในขณะนี้ออกจากวิทยาลัย
สาเหตุเนื่องมาจากเปิดสอนในสาขาวิชาทั้งที่ยังไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) แต่กลับเปิดให้เรียนจนจบแถมเก็บค่าหน่วยกิตพิเศษในอัตราสูงกว่าปกติ กระทั่งให้นักศึกษาทั้ง 12 คนมาร่วมซ้อมรับปริญญา เมื่อเป็นคดีความแล้วนักศึกษาทั้งหมดยืนยันไม่ยอมความจะเดินหน้าฟ้องร้องวิทยาลัยจนถึงที่สุด เป็นอีกกรณีที่คงต้องรอดูผลกันต่อไป อย่างไรก็ตามคงเป็นข้อเตือนใจให้มหาวิทยาลัยเอกชนอีกหลายแห่งๆ ที่ใช้วิธีการเดียวกัน เปิดสอนไปก่อนแล้วรอรับรองมาตรฐาน รวมทั้งนักศึกษาเองที่หวังเรียนง่ายๆ จบคล่องๆ แต่สุดท้ายอาจกลายเป็น แพะไม่รู้ตัว
8. ต้านม.นอกระบบ
มหาวิทยาลัย-ออกหรือไม่ออกนอกระบบ ข่าวมหาวิทยาลัยนออกระบบเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาในช่วงปลายปี เมื่อมีการเร่งผลักดันร่างกฎหมายมหาวิทยาลัยหลายฉบับ อาทิ มหาวิทยาลัยบูรพา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ จนทำให้นิสิต นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมตัวกัน ทั้งรวมกันรณรงค์ภายในมหาวิทยาลัยเอง หรือออกมาตามแหล่งสำคัญๆ เพื่อให้สังคมได้ตระหนัก จนกระทั่งถึงหน้าสภาฯ มีการต่อโลง เผาหุ่น ฯลฯ สารพัดวิธีเพื่อเรียกร้องให้คนในสภาฯ หันกลับมารับฟังเสียงเล็กๆ นี้
แต่สุดท้ายร่าง พ.ร.บ.ที่นักศึกษาออกมาเดินขบวนคัดค้านก็ทยอยผ่านความเห็นชอบของสภาฯ รวมแล้ว 7 แห่ง ได้แก่ ม.มหิดล ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ม.เชียงใหม่ ม.ทักษิณ ม.บูรพา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คงต้องรอท่าทีของรัฐบาลหน้ากับโจทย์ที่ยังเหลืออยู่อีก 13 มหาวิทยาลัย ว่าจะใส่เกียร์เดินหน้าต่อไปยังไง
9.สั่งฟันครูเล่นหวยหุ้น
ตีกรอบเบรกครูเล่นหวยหุ้น ซึ่งสะเทือนวงการครูอยู่ไม่น้อย กับกรณีหวยหุ้นที่กลับมาระบาดในวงการครู หลังจากที่เลขาธิการ ก.ค.ศ. ออกมายอมรับเองว่า ช่วงหลังมีการร้องเรียนเข้ามามาก จนเป็นข่าวหน้า 1 บนหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ซึ่งเป็นที่น่ากังวลเพราะเป็นการพนันเสี่ยงดวงที่เล่นกันได้ทุกวัน แถมวันละหลายๆ รอบ นอกเหนือจากหวยใต้ดิน หวยเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ฯลฯ ที่ครูคุ้นชิน จนก.ค.ศ.ต้องหาทางตีกรอบกันให้ครูห่างจากการพนันต้องห้ามเหล่านี้
แว่วว่าอาจจะถึงขั้นต้องใช้ยาแรง ลงโทษวินัยขั้นร้ายแรงกับครูที่จับได้ว่าเข้าไปพัวพัน เพื่อหวังให้ครูเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งทางทฤษฎีหรือปฏิบัติ
10.ศธ.ห้ามครูเออร์ลี่รีไทร์
ศธ.ไม่ร่วมเออร์ลี่รีไทร์ เป็นข่าวเกรียวกราว เมื่อศธ.ประกาศจะไม่ร่วมโครงการเออร์ลี่ รีไทร์ เพราะเห็นว่า เป็นโครงการซื้อครูออก และซ้ำเติมสภาพปัญหาขาดแคลนครูที่ยากเกินเยียวยาอยู่แล้วให้ยิ่งย่ำแย่เข้าไปอีก แต่ก็ต้องเกิดอาการสะดุดเมื่อองค์กรครูหลายฝ่ายออกมาคัดค้าน บางองค์กรแสดงท่าทีชัดเจนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะปิดประตูไม่ร่วมโครงการเออร์ลี่ฯ ถึงขั้นขู่จะฟ้องร้องกันเลยทีเดียว
ดูท่าทีอาจจะรุนแรงมากขึ้นเพราะข้าราชการครูจำนวนไม่น้อยที่อาจรู้สึกเบื่อหน่ายกับระบบราชการและต้องการอาศัยจังหวะนี้เออร์ลี่ฯ ตัวเอง ทำให้ รมว.ศึกษาธิการ จากที่เคยเสียงเข้มเลยต้องแตะเบรก โยนข้อมูลที่ศึกษาข้อดี-เสียไว้แล้ว รวมถึงปมปัญหาขาดครูให้รัฐบาลหน้าพิจารณาประกอบการตัดสินชี้ขาดต่อไป
ประเด็นส่งท้ายปียังหนีไม่พ้นสารพัดปัญหาที่รอการแก้ไข ท้าทายว่าที่รัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามาโชว์ฝีมือแก้ปัญหากันต่อไป |
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
|
ข่าวจาก ที่นี่ดอทคอม
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1422 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 29 ธ.ค. 50
เวลา 11:31:22
|