• "ตู่" เตรียมย้ายไปช่อง3 "ซ้อนุช" ร่ำไห้ ช่อง7 หั่นละครทิ้ง |
โพสต์โดย ตนข่าว เชียงใหม่ , วันที่ 10 ก.พ. 51 เวลา 14:30:34 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
''ตู่-นพพล'' แถลงข่าวเปิดใจ เตรียมย้ายไปซบอก ''คุณประวิทย์'' ณ วิก 3 จริงๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้านกติกาใหม่ ที่วิกหมอชิต วัดเรตติ้ง เหนือคำว่าคุณภาพ ชี้ไม่สามารถเอาชะตาชีวิตมาแขวนไว้กับบริษัทเรตติ้งได้ เตือนอย่าใช้วิธีนี้กับใครอีก เพราะประชาชนอาจจะไม่มีโอกาสเสพผลงานคุณภาพ ชี้ ''ออย-ธนา'' เป็นนักแสดงอิสระ ถ้าจะตัดใจยังไง คงไม่มีใครจูงจมูกได้
ด้าน ''ซ้อนุช'' เปิดใจทั้งน้ำตา เป็นคนของช่อง7 มานาน แต่ช่อง 7 กลับไม่ให้ความสำคัญกับคนของเธอ กราบขอโทษ ''สามี'' ที่ดึงมาลำบาก และถูกเหยียดหยาม สร้างความประทับใจกับผลงานละครคุณภาพในนาม บริษัท ''เป่า จินจง'' ซึ่งอยู่ภายใต้ชายคาบ้านที่ชื่อว่า ''ช่อง 7 สี'' มานาน ถึง 10 ปี กวาดรางวัลจากละครคุณภาพมาแล้วนับไม่ถ้วน จนได้รับการเชื่อถือว่า บริษัท ''เป่าจินจง'' ภายใต้การดำเนินการของ ''ตู่'' นพพล โกมารชุน'' เป็นค่ายละครที่ผลิตแต่ผลงานคุณภาพแต่น่าเสียดายที่ละครคุณภาพบางเรื่องกลับไม่ประสบความสำเร็จ จากการกติกาการจัดที่เรียกว่า ''เรตติ้ง'' บวกกับนโยบายใหม่ของวิกหมอชิต ที่ออกกติกาใหม่มาว่า หากเรื่องไหนมีเรตติ้งไม่เข้าเป้าจะถูกระงับทันที และผลจากติกานี้ก็กระทบกับบริษัทของผู้จัดมากฝีมืออย่างจัง ทำให้เวลานี้ ''ตู่'' ต้องออกมาเปิดใจถึงข่าวลือต่างๆ ที่จะย้ายบ้านไปซบอกบ้านเก่าอย่าง ''ไทยทีวีสีช่อง 3'' ในการเลี้ยงฉลอง 10 ปี ''เป่าจินจง'' ที่ร้าน ไชน่าเกด ย่านวิภาวดี เมื่อวานนี้ (9 ก.พ. 51) ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชน และนักแสดงที่มาให้กำลังใจอย่างท่วมท้น ซึ่งข่าวลือที่ว่าได้กลายเป็นความจริงเสียแล้ว ซึ่งงานนี้ ''เสี่ยตู่'' ควงคู่ ''ซ้อนุช-ปรียานุช'' ภรรยาคู่ใจ มาเปิดใจถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่นี้ ทั้งคู่มีความคิดเห็นอย่างไร
โดย ''เสี่ยตู่'' ได้เปิดใจครั้งใหญ่นี้ว่า
''สวัสดีครับ แขกผู้มีเกียรติ นักแสดง และสื่อมวลชนทุกท่านที่มาวันนี้ ความตั้งใจแรกของเรา ในการมาครั้งนี้ คือ วันนี้มีงานครบรอบ 10 ปี ทีแรกเราคิดกันไว้นานแล้วว่าเราจะจัดงานขอบคุณสื่อมวลชนด้วย แล้วก็ขอบคุณนักแสดงด้วยที่มาร่วมงาน แต่อย่างที่เราทราบกันว่า ปีนี้เป็นปีที่เราสูญเสีย สมเด็จพระเจ้าพระพี่นางฯ ที่จากพวกเราไป เพราะฉะนั้น เราก็เลยยกเลิกการเฉลิมฉลอง เราก็ทำเท่าที่เราจะทำได้เพราะฉะนั้นการเลี้ยงฉลองเปลี่ยนจากกลางคืน มาเป็นกลางวันแทน เพราะเราไม่สามารถจะทำอะไรที่มันเอิกเกริกได้ เพราะว่าจิตใจของเราทุกคน ที่ได้สูญเสียไป''
อาตู่ ซึ้งใจ พี่น้องสื่อฯ - ดารา มาให้กำลังใจ
''ขั้นแรกเลยครับอยากจะบอกกับพวกเราทุกคนอย่างมากๆ กับทั้งนักแสดงทุกคน ที่มาในวันนี้ ทั้งนักแสดงรุ่นใหญ่ และนักแสดงรุ่นเล็ก ทุกคนก็ให้เกียรติผมมากๆ อยากจะให้ทุกท่านทราบว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2541 เป็นวันแรกที่ บ. เป่าจินจงได้เปิดทำงานทางด้านนี้และ ''คุณแดง'' สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ให้เกียรติตัดริบบิ้นเปิดประตูบริษัท และในบ่ายวันเดียวกัน ก็ได้รับเกียรติจาก คุณประวิทย์ มาลีนนท์ มาให้กำลังใจ บริษัทเล็กๆ เป็นบริษัทคูหาเดียวซึ่งเล็กมาก แต่เราก็มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ว่าเราจะทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้คนจำได้ ทำงานให้อยู่ในความประทับใจของทุกคนจนผ่านมา 10 ปี บริษัทของเราก็ได้เกิดบริษัทลูกขึ้นมา 2 บริษัทด้วยกัน คือบริษัท ฮั้งโมนิก้า ซึ่งได้เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2541 และบริษัทใหม่ ที่เปิดเมื่อ 6 ส.ค. ปีที่แล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ ทางบริษัทมีละครทั้งหมด 30 เรื่อง ซึ่งก็นับว่า ถ้าเปรียบแล้วปีละ 3 เรื่อง คือ 30 เรื่องใน 10 ปี''
เปิดใจ สู้กระแส เรตติ้งไม่ไหว เตรียมย้ายที่ทำกิน
''ถึงวันนี้ขอรายงานให้สื่อมวลชนทุกท่าน รวมถึงผู้ชมที่อยู่ทางบ้านด้วยว่า เรากำลังจะย้ายที่ทำกิน เพราะถ้าไม่ย้าย เราไม่มีจะกิน เพราะหมดทางหากิน ด้วยเหตุผลที่มาจากกติกาที่เกิดขึ้น จากผู้บริหารของสถานี ตรงนี้ 10 ปีเราทำงานด้วยความตั้งใจ กลับต้องเจ็บ ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวหลายท่านก็ถามว่า ทำไมไม่ไปทำช่องอื่นบ้างเหรอ ไม่ทำช่อง 3 บ้าง หรือไม่ทำช่อง 9 ช่อง 5 บ้างเหรอ ซึ่งเราก็บอกมาตลอดว่าคงไม่ เพราะว่า ช่อง 7 เป็นผู้ที่ให้โอกาสเรา เราก็จะทำงานอยู่ตรงนี้ จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้มีการเปลี่ยนแปลง กติกาใหม่ ที่เรียกว่ากติกาเรตติ้ง เราจะบอกตั้งแต่แรก ตั้งแต่เปิดบริษัท ไม่ว่าใครจะถามก็ตามเราจะบอกว่า งานของเรา เราไม่แสวงหาเรตติ้ง เราแสวงหาคุณภาพในการทำงานของเรา''
''หลายเรื่องไม่ประสบความสำเร็จ อย่าง ''กิจกรรมชายโสด'', ''ทิพยดุริยางค์'' แล้วก็อีกหลายๆ เรื่องที่ไม่ประสบความสำเร็จ เรตติ้งไม่ดีเลย แต่สิ่งที่เราทำ คือเราทำงานที่มีสาระ เราทำงานที่ให้สังคมดูแล้ว เกิดความคิด เกิดความรู้สึกว่าเราต้องการที่จะให้สังคมรู้สึกสะท้อน ให้คนได้รู้สึกไปกับเรา อย่างเรื่อง ''เก็บแผ่นดิน'', ''เมืองดาหลา'' หรือเรื่องที่เกี่ยวกับ ดนตรีไทย ''ทิพยดุริยางค์'' เราทำมาก่อน''แม้เลือกเกิดได้'' ที่เกี่ยวกับชีวิตโสเภณี ''สงครามความรัก'' ทุกอย่างเราพยายามตั้งใจ จนกระทั่งสุดท้าย ''สายน้ำสามชีวิต'' ซึ่งตรงนี้เป็นเครดิตที่จะเกิดขึ้น เราตั้งใจสร้างให้กับสถานี''
''รางวัลที่เราได้มาตลอดเกือบ 50 รางวัล อันนี้คือหน้าตา เกียรติยศ เป็นความภาคภูมิใจ แต่มันไร้ความหมาย เมื่อตัวเลข หรือเรตติ้งมาเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของคนทำงาน เรื่องที่เกิดขึ้น ล่าสุดนี่คือ''สตรีที่โลกลืม'' เป็นละคร ที่ถูกเลือกเสนอไปที่ช่อง 7 ช่อง 7 ก็พิจารณาแล้ว เหมาะสมที่จะทำ วางตัวละครไว้ให้เสร็จสิ้น แต่พอออกอากาศ ละครไม่ประสบความสำเร็จ เรตติ้งตกลงเหลือประมาณ 5 (มีชาร์จให้ดู) บริษัทนี้เป็นบริษัทเดียว ที่ทุกช่อง ให้เป็นมาตรฐานในการวัดเมื่อเปรียบเทียบกับละครเรื่องอื่นแล้ว เรตติ้งเราไม่ได้น้อย''
เผยกฎใหม่ วิก 7 เรตติ้ง ต่ำกว่า 8 ถูกระงับทันที
''แต่กติกาใหม่ คือละครเรื่องใดที่เรตติ้ง ต่ำกว่า 8 จะต้องถูกระงับการผลิตทันที ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าบริษัทใดก็ตาม อันนี้เป็นคำพูดจากผู้บริหาร มีอีกหลายเรื่องที่ถูกเสนอชื่อเข้าไปก็ถูกระงับเช่นกัน เราก็เลยถามว่าแล้ว เป่าจินจงจะทำยังไง ก็ได้รับคำตอบมาว่า รอดูก่อนแล้วกัน รอดูเรตติ้งของ ''วิมารมังกร'' หรือ ''ฟ้าให้เรามารักกัน'' เป็นยังไง นั่นคือคำตอบ ชีวิตที่แขวนไว้กับตัวเลขจากบริษัท วัดเรตติ้ง จะมีความมั่นใจได้ยังไง''
ยันไม่น้อยใจ แต่ตกใจที่งานดีๆ ใช้ตัวเลขมาตัดสิน
''ข่าวที่ออกมาว่าเสี่ยตู่น้อยใจ จะย้ายบ้าน ไม่ใช่ความน้อยใจนะครับเป็นความตกใจ ตกใจว่าการทำงานที่ดี การตั้งใจ การทุ่มเท การลุงทุนไม่สามารถจะต่อสู่กับตัวเลขเรตติ้งได้ และหลังจากนั้น เมื่อพูดถึงเรตติ้ง อยากจะพูดเลยไปถึงว่า ตราบใดที่สถานี ยังถือเอาตัวเลขเป็นสรณะ ก็จะไม่มีวันได้เสพสิ่งดีๆ เยาวชนรุ่นต่อไป ก็จะเป็นรุ่นที่สมองค่อนข้างจะว่างเปล่า เพราะว่าได้เสพแต่สิ่งที่ไม่ได้ใช้หัวคิด แล้วทำไมต้องเอาตัวเลขมาตัดสิน แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไร ยกตัวอย่าง เรื่อง ''กาษานาคา'' ทางบริษัทวัดเรตติ้งได้ 8 แต่โพลบอกว่าเราได้ที่ 1 พิสูจน์แล้ว ว่ากระแสตรงนั้นมาแรงไปทางไหนก็ได้รับคำชม แต่เรตติ้งบอกเราได้แค่ 8 เพราะฉะนั้นเรากำลังฝากชีวิตไว้กับอะไร แม้แต่สื่อสิ่งพิมพ์ อย่างนิตยสารวอลลูม เปิดตัวมาด้วยอันดับที่ 14 แต่พอสำรวจกันจริง หน้าปกที่มีการรวมนางเอก ขายหมดภายใน 2 วัน เล่มที่รวมพระเอก และนางแบบ ขายหมดภายในหนึ่งวัน แต่บริษัทนี้วัดว่า ผลของเรตติ้งตกลงมาเหลืออันดับที่ 30 ตอนนี้เราไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นมันมีเอฟเฟกต์ไปหมดเลย ตัวเลขแค่เนี้ย มันส่งผลกระทบทำให้บริษัท ผันผวนไปหมดเลย ถ้าวันหนึ่งมีบริษัทเรตติ้งมาบอกว่าหนังสือของท่านเขียนไม่ได้เรื่องเลย เรตติ้งคุณไม่ดี ชีวิตคุณจะแขวนอยู่ตรงนั้นมั้ยครับ''
ไม่เข้าใจ ''ดาราวิดีโอ'' เรตติ้งน้อย แต่ได้ทำต่อ
''สุดท้าย จะมาถึงคำพูดของคุณประวิทย์ มาลีนนท์ เมื่อปลายปีที่แล้ว คุณประวิทย์จะให้ข่าวว่าต่อไปนี้จะไม่ซื้อเรตติ้งของบริษัทนี้แล้ว เพราะไม่เชื่อ และก็สามารถที่จะทำการสำรวจได้ด้วยตัวเอง หลังจากนั้นมา ถ้าใครที่มีข้อมูลเรตติ้งอยู่ในมือ จะรู้ว่าจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที ตอนนี้เรตติ้งของช่อง 3 นำ อยู่มาก ปกติ ช่อง 7 จะชนะมาตลอด ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นอย่างนี้ วันนี้เป็นวันที่เรอาจะบอกว่า ในการที่เราทำงานมา 10 ปี 30 เรื่อง เรามีแต่โดนเพ่งเล็ง โดนตำหนิ ไม่ทราบว่าทำไมมันถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ วันที่ 18 ธ.ค. เป็นวันเกิดของคุณ ปรียานุช ทางช่อง เรียกเข้าไป แล้วก็บอกว่า ระงับงานนะ หยุดทำงาน ดีมากเลยครับ เค้าเลือกวันได้ดีมากที่จะบอก หลังจากนั้นมาละครที่ออกอากาศต่อจากเรา เรตติ้งต่ำกว่าเราอีก อยากให้ดู (ยกตัวอย่าง แสงดาวแห่งหัวใจ 4.8) อันนี้ต้องขอเอ่ยชื่อด้วยความเคารพต่อพี่หลุยส์จริงๆ ไม่ได้ต้องการให้ใครทำร้ายพี่หลุยส์ เพราะของเราก็พอๆ กันแต่ต้องขออนุญาต หยิบเอาข้อมูลมาเพื่อเปรียบเทียบว่า บริษัท ฮั้งมโนก้า เป็นบริษัทเดียวที่ถูกระงับ แต่บริษัทดาราวิดีโอ ก็สามารถที่จะทำต่อได้ ผลิตผลงานต่อไปได้ เราเลยไม่รู้ว่า กติกาที่ตั้งขึ้นมาเพื่อใคร เพื่อบริษัทเป่าจินจง เพื่อฮั้งมโนก้า หรือเพื่อใคร ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้กับเรา''
วันนี้วิมานมังกร เรตติ้งไม่ค่อยดีนัก เพราะเราต้องเจอกับจำเลยรัก เจอกับสงครามนางฟ้า ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ ก็แสดงว่า บริษัทของเราจะไม่ได้รับการอนุมัตในโอกาสต่อไป
เพราะฉะนั้นหลังจากนั้นเราก็ต้องมาคิดว่าถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องหาที่ทำกินใหม่ ปีที่แล้ว กาษาได้ 9 ได้ 10 เลือดในดินได้ 11 ได้ 12 แต่มันก็ไม่มีผล ไม่มีความหมายอะไร รางวัลที่ได้มา 50 กว่ารางวัล ก็ไม่มีความหมายอะไรเหมือนกัน ตลอด 10 ปีเราก็ไม่ได้มีละครเยอะเรามีแค่ 2-3 เรื่อง ก็มันคืออะไรก็ไม่รู้ กติกา ไม่รู้ว่าเป็นกติกาจับผิดหรืออะไร การตั้งกติกาต้องมีความแฟร์ ต้องมีความเป็นธรรม แต่กลายเป็นว่า เป็นบริษัทเดียวที่โดน ก็เลยต้องมาคิดกันว่าถึงเวลาแล้ว ที่ผ่านมาพอละครเรตติ้งที่ 9-10 ก็บอกว่าไม่ดีแล้ว สตรีที่โลกลืม ถูกตัด 3 ตอน และเรื่องอื่นๆ อีก รวมทั้งหมด 8 ตอน เงินรายได้ ล้าน หายไปเลย ไม่มีการรับผิดชอบร่วมกัน ไม่มีมันเป็นความผิดของบริษัทที่ทำเรตติ้งได้ไม่ถึงเป้า เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับเรา ที่ผ่านมาเราตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ไม่บกพร่อง
เตือนบอร์ด วิก 7 อย่าใช้วิธีนี้กับใครอีก
''ขอบอกว่ากรุณาอย่าใช้กติกาแบบนี้กับใครอีก เพราะถ้าเห็นคุณค่าของการทำงาน แล้วก็รักงาน อย่านะครับ อย่าใช้อีก เอาน่ะ ในเมื่อใช้กับเราแล้ว เราก็ทน เราก็เข้าใจ แต่อย่าใช้กับเราอีก อย่าให้คนทำงานรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นสัตว์ ที่ให้แข่งๆ เพื่อเอาชนะให้ได้ แต่วันหนึ่งที่คุณแพ้ ก็เอาไปทิ้งแล้วบอกว่าคุณใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้ว อยากบอกว่าอย่าทำแบบนี้อีก อยากจะฝากบอกสื่อมวลชนว่าให้นำเสนอข่าวตามความเป็นจริงเราต้องเป็นผู้นำ เป็นผู้นำทางด้านจริยธรรม คุณธรรม เรามีละครที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรมหลายเรื่อง เค้าบอกว่ามันใช้ไม่ได้หรอก มันไม่ขาย โอเคครับไม่ขายก็ไม่ขาย ก็พยายามหาจุดขายใส่เข้าไปเพราะเค้าต้องการเรตติ้งสูงๆ เพราะฉะนั้นก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินไปที่ใหม่ แล้วก็ต้องกราบขอบพระคุณที่เราได้รับความกรุณาจากคุณประวิทย์ ที่ให้โอกาสเราได้ทำงาน ซึ่งคุณประวิทย์ก็บอกว่า ตัวผมเองเป็นคนที่เกิดมาจากช่อง 3 เคยทำงานร่วมกับช่อง 3 เป็นผู้จัดละครช่อง 3 มาก่อนวันนี้เราทั้ง 2 คน ทั้งผมและคุณนุช เราก้าวเดินมาแล้ว เราก้าวเดินอย่างมั่นใจ ขอบคุณที่เรามีนักแสดงยอะมาก มาให้กำลังใจ''
อันนี้เป็นความในใจที่อยากจะบอกวันนี้ ถ้าสื่อมวลชนมีอะไรที่อยากถาม ก็ถามมาได้เลย วันนี้เราเต็มใจที่จะบอกจะพูดความจริงทุกอย่างให้ได้ทราบ หลังจากที่ ''เดอะตู่พูดความในใจหมดสิ้นได้เปิดโอกาสได้สื่อมวลชนได้ยิงคำถาม เพื่อซักถามข้อเท็จจริง ซึ่งคำถามแรก ที่สื่ออยากรู้ ก็คือการลาจากช่อง 7 ครั้งนี้จะเป็นการจบลงด้วยดีหรือเปล่า'' ซึ่ง ''ผู้จัดมากความสามรถ'' กล่าวว่าเป็นการจบลงด้วยดี เพราะว่า ''คุณแดง'' เป็นคนอนุญาตให้ไปเอง ก็ ''คุณแดง'' สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เป็นคนบอกว่า คุณไปเหอะ คุณไปทำงานที่อื่นได้ คุณแดงไม่ว่า เพราะท่านไม่สามารถที่จะให้คำยืนยันได้ว่า ผู้บริหารที่จะเข้ามาใหม่ เค้าจะให้งานหรือเปล่าละครเรื่องแรกที่จะผลิตกับช่อง 3 เรื่องอะไร มีการพูดคุยกันบ้างหรือยัง
''คิดว่าตอนนี้กำลังเป็นการพูดคุยกันอยู่ เดี๋ยวให้ทุกอย่างแน่นอนแล้ว เราก็จะได้เปิดตัวว่าเรามีละครเรื่องอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือคุณประวิทย์พูดว่ายินดีรับ แต่ข่าวที่ออกมาว่าตอนนี้มี 3 เรื่องแล้ว อันนี้ไม่จริง''ที่มีข่าวออกมาว่าจะให้ ''ออย-ธนา'' ไปเป็นพระเอกที่ช่อง 3 จริงหรือเปล่า
''ออยเป็นนักแสดงอิสระ เพราะฉะนั้น การที่จะทำอะไรทั้งสิ้น น้องๆ ทุกคนรู้จักออยดี ว่าออยตัดสินใจเองได้ ไม่มีใครสามารถจูงจมูกออยได้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวกันครับ''
แล้วมีการทาบทามหรือยัง
''ยังครับ ยังไม่มีการพูดคุยใดๆ ทั้งสิ้น เพราะว่าละครวิมารมังกรเพิ่งจะปิดไปเราก็เร่งถ่ายทำตรงนี้อยู่ เลยยังไม่มีการพูดคุย''
กับช่อง 7 ยังไม่มีการทำละครเรื่องใดๆ ต่ออีกเลยใช่มั้ย
''ยังครับ คือคุยกับช่อง 3 แล้ว แต่ว่าเรื่องที่เสนอไปเราเสนอไปหลายเรื่องหลายแนว ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ว่าจะเลือกเรื่องไหน''
ที่มีข่าวว่าเรื่องที่เตรียมไว้โดยมี ''จอย-ศิริลักษณ์'' เป็นนางเอกอันนี้ได้คุยหรือยัง
''ไม่มีครับ ไม่มี กับจอย เราโทร.คุยกันในฐานะคนที่เป็นครูกับลูกศิษย์ เวลาจอยเค้ามีอะไรเค้าก็จะโทร.มาอยู่แล้ว ว่าจอยจะไม่เซ็นสัญญาแล้วนะคะยังงั้น ยังงี้ แต่ว่าเรายังไม่เคยชวนจอยเลยแม้แต่หนเดียว เพราะเราก็ต้องดูว่า ผู้ใหญ่เค้าต้องการให้ใครมาเล่นมากกว่ากัน เพราะช่องไหน หรือไม่ว่าจะเป็นช่อง 3 ยังไงซะเค้าก็ต้องเลือกพระนาง ที่น่าจะขายได้''
กับคุณแดง ไม่มีปัญหาใช่มั้ย
''กับคุณแดงก็ยังดีอยู่ เพราะอย่างที่บอกว่าคุณแดงเป็นคนบอกเองว่า ตู่สามารถไปทำงานกับคนอื่นได้''
หลังจากนี้ จะมีโอกาสกลับไปช่อง 7 มีอีกหรือเปล่า
''ก็คิดว่าเหมือนกับที่เราทำงานมาตลอด 10 ปี เราก็ไม่เคยทำงานกับช่องอื่นเลย ทำกับช่อง 7 มาตลอด แต่เมื่อเราตัดสินใจก้าวเดินแล้ว เราก็ต้องยึดมั่นกับช่องที่ให้งานเราทำ''
นอกจากเรื่องเรตติ้งแล้วมีปัญหาอื่นมั้ย
''ไม่มีครับ ก็มีนี่แหละครับ ปัญหาเรตติ้ง ที่ตัดทอน เพราะบริษัทเราเป็นบริษัทเล็กๆ เวลาถูกตัด แล้วไม่มีการบอกว่าจะจ่ายให้นะ เพราะว่าถ่ายไปแล้ว ลงทุนไปแล้ว ก็มีอยู่ปัญหาเดียวนี่แหละครับ''
กับละครเรื่อง ''ดินเนื้อทอง'' วางตัว ''ออย'' เป็นพระเอกตรงนี้ไปถึงไหนแล้ว
''ยังครับ ยังไม่มีการเตรียม อันนั้นเป็นหนึ่งในละครที่เราเสนอเข้าไป''
แล้วละครเรื่อง ''ฟ้าให้เรามารักกัน'' ที่จะได้ออนแอร์มั้ย
''ต้องออนแอร์ ครับต้องออนแอร์ สิ่งที่เราลงทุนไปแล้ว เค้าไม่ยอมให้สูญเสียไปหรอกครับ ยังไงก็ต้องให้ออนแอร์ เพราะว่าวินก็เป็นพระเอกที่ค่อนข้างที่จะฮอตพอสมควร ตอนนี้ก็ยังถ่ายไม่จบ ก็เร่งถ่ายทำอยู่ ตอนนี้บอกได้เลยสิ่งที่เกิดขึ้น จะไม่มีคำว่าคุณภาพด้อยลง การทำงานของอาตู่ น้องๆ พี่ๆ รู้ดี ว่าเป็นคนบ้างาน เต็มที่กับงาน เพราะฉะนั้น จะไม่มีคำว่าละครลดคุณภาพลงอย่างแน่นอนทุกอย่างต้องทำอย่างดีที่สุด''
ไม่จำกัดถึงเรตติ้งเลยใช้มั้ย กับการที่จะไปอยู่ช่อง 3
''ไม่ครับ ไม่จำกัด''
คิดว่าจะมีปัญหากับคุณแดงมั้ย
''ไม่หรอกครับ ท่านเป็นคนอนุญาตเอง เพราะฉะนั้นท่านจะต้องคิดแล้วว่า พองานมาตรงนี้น้อยแล้ว เราก็จะต้องดูแลลูกน้องในบริษัท เรามีทีมงานอีกหลายคนที่จะต้องดูแลลูกน้องให้ถึงที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วเราก็ต้องดิ้นไป เราก็ต้องไปหาที่อื่น''
หลังจากหมดข้อซักถามของสื่อแล้ว ก็หันไปถามความรู้สึกของ ''ซ้อนุช'' ซึ่งเธอได้เปิดใจพร้อมน้ำตาว่า เสียใจ ที่ดึงสามีมาลำบาก พร้อมกับถูกดูถูกเหยียดหยาม นอกจากนี้ ''ซ้อนุช'' ยังก้มลงกราบ ''เดอะตู่'' ที่ทำให้ต้องมาเสียใจ
ทุกวันนี้ ซึ่งก็สร้างความซาบซึ้งใจให้กับผู้ที่ไปร่วมงานมากเลยทีเดียว
''ขอถือไมโครโฟนช่อง 7 หน่อยได้มั้ยคะ สิ่งสำคัญเลยนะคืออยากพูดความในใจ อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับงานนี้หน่อย คือเริ่มเลย เราเกิดมาจากช่อง 7 เราเป็นนักแสดงของช่อง 7 เราเริ่มจากตรงนี้ พอซักวันหนึ่งเรามีแฟน แล้วแฟนเราก็อยู่ช่อง 3 ทีนี้มันก็เหมือนอยู่คนละขั้วมากเลย เราเดินเข้าไปในงานเลี้ยงช่อง 3 แล้วรู้สึกประทับใจในตัวพี่ตู่ อันนี้ยังไม่เคยพูดกับใครเลย เมื่อครั้งที่เราไปร่วมงานรับรางวัล แล้วคุณนพพลได้รางวัล แล้วเค้าก็กรี๊ดๆ กัน เราก็รู้สึกว่าเราช่างห่างไกลจากเค้ามากเลย ณ วันนั้น วันหนึ่งเราก็มาเจอกัน ในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2522 เวลา 07.25 นาที เจอพี่ตู่ที่ สนามบินดอนเมือง''
''ก่อนหน้านั้นก็รู้สึกรักเค้ามากเลย แต่ว่าพรมแดนระหว่างช่อง 3 กับช่อง 7 มันเยอะมาก และวันนั้น ในวันที่ 25 ต.ค. หลายปีผ่านไป เราก็เข้ากันได้ เราสองคนเข้ากันได้ แต่ช่องจะเข้ากันได้หรือเปล่าไม่รู้ แล้ววันหนึ่ง 10 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก พอดีเป๊ะ เราก็มาเป็นผู้จัด คือนุชจะบอกว่าเราเคยแบบไปทำช่อง 3 เป็นละครสั้น อันนี้ยังไม่มีใครรู้เลย นุชอยากเป็นผู้จัด นุชไม่อยากเป็นดารานุชไม่อยากเป็นนางงาม แล้วตอนนั้น นุชโทร.ไปหาพี่ตู่ขอคำปรึกษา เคยไปนั่งขออ้อนวอนขอบริษัทอื่นๆ อนุญาตให้ทำ โทร.หาคุณนพพล พี่เค้าก็บอกว่าลองทำดูพอเราได้ทำได้รู้จักกัน แล้วเราก็รักกัน เราอยากทำงานด้วยกัน อยากอยู่ด้วยกัน''
''แต่ ณ ตอนนั้น มันมีคำถามว่า เราจะอยู่ที่ไหน ตอนนั้นช่อง 3 เป็นอะไรที่พี่ตู่และครอบครัวพี่ตู่เคารพรักเป็นอย่างมาก พี่ก็เคารพรักคุณแดง เราก็รู้สึกว่าช่อง 7 เป็นบ้านเรา เป็นที่ที่ให้เราเกิด แล้วเราก็มาถกเถียงกันว่าจะไปอยู่ที่ไหนดี ขนาดวันที่เปิดบริษัทมา เราก็ยังงงเลยว่าเราจะไปอยู่ช่องไหน แต่แล้วเราก็เอามือที่เล็กๆ ดำๆ ของเรา พรากเค้ามา จากอกเพื่อนเค้า ครอบครัวเค้า เพื่อมาอยู่สถานีนี้ โดยที่ไม่ได้คิดถึงหัวอกเค้าเลย เพราะว่าพลังผู้หญิงยิ่งใหญ่และรุนแรง''
''ในที่สุดพี่ตู่ก็มาอยู่ช่อง 7 ด้วยกันกับเรา แล้วเราก็อยู่มาเป็นเวลา 10 ปี ณ วันนี้ก็ขอบอกว่าบ้านเราทำให้เค้าไม่สบายใจ บ้านเราทำให้เค้าอึดอัด เราก็คงต้องปล่อยเค้าไป ถามว่ามีความสุขมั้ย ไม่มี เพราะเราก็รักบ้านเรา (ร้องไห้) นั่นคือความจริงใจ พี่ตู่ร้องไห้มา 3 เดือนแล้ว แต่นี่คือบ้านเราอ่ะ เราอยู่มา 20 ปี เรารักช่อง 7 มากเพราะเราเป็นคนของเค้า แต่เค้าไม่รักคนของเรา ก็คงต้องปล่อยพี่ตู่ไป อยากจะกราบขอโทษพ่อด้วยนะคะ ที่เอาพ่อมาลำบากถึง 10 ปี ที่เอาพ่อมาทนทุกข์ ที่ผ่านมาเราก็มีทั้งร้องบ้างหัวเราะบ้าง แต่ก็คือบ้านเรายังไงก็กราบขอโทษที่เอาพ่อมาโดนดูถูกเหยียดหยามถึงขนาดนี้ หนูจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ขอบคุณมากค่ะ'' (ร้องไห้โฮ)
และท้ายสุดนี้ ''ตู่'' ได้พูดจาให้กำลังใจ ภรรยาว่า ไม่ได้เป็นความผิดของใคร และดีใจ ที่ได้คู่ชีวิตที่ดีอย่างนี้
''ไม่หรอกครับ มันไม่ใช่ความผิดของนุช ของใครทั้งนั้น มันเป็นการเดินทางของเรา 2 คน เรามีกันแค่นี้ การเดินทางของเราบางทีมันก็ยากลำบาก บางทีก็มีรอยยิ้ม มีหัวเราะ แต่นั่นก็คือการเดินทาง เมื่อเราเดินทางต่อไปเราก็จะรู้เองครับว่าเราควรจะทำยังไงต่อไป แต่ทางเดินข้างหน้าเราสองคนมั่นใจ ว่าเราจะเดินไปด้วยความมุ่งมั่น เราเดินไปด้วยความมั่นใจ และเราก็ยังยึดมั่นว่าเราจะทำงานที่ดีที่สุดเพื่อคนดู ทุกคนรู้ว่างานของเป่าจินจงเป็นอย่างไร เราก็ทำงานแบบนั้นต่อไปด้วยความจริงใจ เพราะว่าตัวผมเองได้คู่คิดที่ดีได้คนให้กำลังใจที่ดี และได้คู่ชีวิตที่ดี คนนี้ครับ (ปรบมือ)''
ที่มาจาก สยามดารา และ INN
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 2384 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว เชียงใหม่
IP: Hide ip
, วันที่ 10 ก.พ. 51
เวลา 14:30:34
|