อดีตทหารเรือวัย74 เลือดร้อน เจอเสี่ยหนุ่มซิ่งเบนซ์ปาดหน้าทางลงอุโมงค์บางพลัด ยัวะแจกของลับ ถูกอีกฝ่ายลงมาตบหน้า ชักมีดขู่เจอยิงสวน ก่อนวางมวยกลางถนน ตำรวจหิ้วมาโรงพัก สองลูกชายรู้ข่าวแค้นแทนพ่อ ตามมารุมต่อยคู่กรณีคิ้วแตกเลือดอาบหน้า ตร.แจ้งข้อหาทั้งคู่
เหตุการณ์คุณปู่อดีตทหารเรือเลือดร้อนถูกหนุ่มนักธุรกิจขับรถปาดหน้าแล้วลงมาชกต่อยกับคู่กรณีพอขึ้นโรงพักลูกชาย 2 คนตามมาลงมือชกต่อยคู่กรณีจนเลือดอาบหน้าบนโรงพัก เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 เมษายน ร.ต.อ.ทนงค์โศภิษฐิกุล ร้อยเวร สน.บางพลัดรับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาท บริเวณทางลงอุโมงค์แยกบางพลัด ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 66/2 แขวงและเขตบางพลัดกทม. หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณก่อนถึงทางลงอุโมงค์แยกบางพลัดฝั่งมุ่งหน้าไปสะพานกรุงธนบุรีพบรถเก๋งยี่ห้อวอลโว่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 9 ง 9260 กรุงเทพมหานครมี จ.อ.สุรพงษ์ สถิตย์พร อายุ 74 ปีอดีตนายทหารเรือ อยู่บ้านเลขที่ 47/47 หมู่1 ถนนบางกรวย-ไทรน้อยซอย 5 (ธนาเวสน์) ต.บางกรวยอ.บางกรวยจ.นนทบุรีเป็นเจ้าของรถนั่งมากับนางราตรี สถิตย์พร อายุ 64 ปีภรรยา ใกล้กันพบรถเบนซ์ รุ่นอี 220 ทะเบียนวข 7575 กรุงเทพมหานครซึ่งมีนายสหพัฒน์ อัตตาธรรมกุล อายุ 30 ปีนักธุรกิจ อยู่บ้านเลขที่ 99/7 หมู่4 ต.บ้านสิงห์อ.โพธารามจ.ราชบุรีเป็นเจ้าของรถ โดยทั้งหมดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน เจ้าหน้าที่จึงแยกทั้งสองฝ่ายก่อนเชิญตัวไปสอบปากคำที่ สน.บางพลัดส่วนนางราตรีถูกนำตัวส่ง รพ.วชิรพยาบาล เนื่องจากได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก
จากการสอบปากคำจ.อ.สุรพงษ์ให้การว่า ขณะที่ตนและภรรยาขับรถมาจากบางกรวยมุ่งหน้าไปย่านพรานนก ระหว่างที่ขับรถอยู่เลนกลางก่อนจะลงอุโมงค์ มีรถเบนซ์ที่วิ่งอยู่เลนซ้ายขับปาดหน้าเข้ามา แต่ตนไม่ยอมให้ปาดหน้าจึงรีบขับไปข้างหน้า ทำให้รถเบนซ์คันดังกล่าวไม่พอใจ ขับตามมาพร้อมกับบีบแตรใส่ พร้อมทั้งชูนิ้วกลางให้ จังหวะนั้นเป็นช่วงที่รถติดพอดี คนขับรถเบนซ์ได้ลงจากรถแล้วเดินมาที่รถของตน ตนจึงลดกระจกลง แต่ยังไม่ทันได้พูดจา ชายคนดังกล่าวใช้มือตบเข้าที่เบ้าตาซ้าย 2 ครั้ง จากนั้นเดินกลับไปที่รถ ตนจึงหยิบมีดหมอของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ซึ่งพกอยู่ในรถเดินตามลงไป ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวชักปืนออกมายิง 2 นัดแต่ไม่ถูก จนเกิดการต่อสู้กันขึ้น ภรรยาพยายามจะเข้ามาช่วยจนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะในช่วงที่มีการต่อสู้กัน
ด้านนายสหพัฒน์คู่กรณี ให้การขัดแย้งกันว่า ขณะขับรถมาถึงทางลงอุโมงค์ในเลนกลาง ระหว่างนั้นคนขับรถวอลโว่ที่อยู่เลนขวาซึ่งจะต้องเป็นเลนบังคับลงอุโมงค์ แต่กลับพยายามเบียดซ้ายเพื่อแซงหน้ารถตน แต่ตนไม่ยอม จึงหันไปมองก็เห็นคนขับรถคู่กรณีชูนิ้วกลางให้ จึงจอดรถแล้วเดินลงไปถามว่า ชูนิ้วกลางให้ผมทำไม ฝ่ายคนขับรถวอลโว่กลับโต้ตอบมาว่าแล้วมึงจะทำไม ด้วยความโมโหจึงใช้มือตบไปที่หน้าของชายคนดังกล่าว1 ครั้ง แล้วเดินกลับไปที่รถ แต่ชายคนดังกล่าวกลับถือมีดตรงเข้ามาทำร้ายตน
"เขาเดินถือมีดเข้ามาจะแทง ผมหลบทันแต่ก็มีดบาดเล็กน้อย ผมจึงหยิบปืนขนาด .32 ที่มีทะเบียนครอบครองถูกต้องออกมาขู่ว่าถ้าแทงก็จะยิง แต่เขาไม่ฟัง วิ่งเข้ามาจะแทงอีก ผมตัดสินใจยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด ผมพยายามจะแย่งมีดทำให้ปืนหล่น ตอนนั้นแฟนของเขาวิ่งเข้ามาหยิบปืน ผมก็เลยต้องเข้าไปแย่งปืนกลับคืน แต่ปืนลั่น 1 นัด จากนั้นตำรวจก็มาถึงพอดี" นายสหพัฒน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่พนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำทั้งสองฝ่ายอยู่นั้น นายอนุสิทธิ์ สถิตย์พร อายุ 47 ปีเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 และว่าที่ ร.ต.สุรศักดิ์สถิตย์พร อายุ 44 ปีอาสาสมัครตำรวจบ้าน สน.หนองแขมบุตรชายของ จ.อ.สุรพงษ์ ได้เดินเข้ามา โดยว่าที่ ร.ต.สุรศักดิ์ได้เข้าไปด่าทอนายสหพัฒน์ด้วยความโมโห ก่อนจะชกเข้าไปที่หน้านายสหพัฒน์ 1 ครั้ง ท่ามกลางสายตาของบรรดาผู้สื่อข่าวและตำรวจบนโรงพัก ขณะเดียวกันนายอนุสิทธิ์ที่เดินตามหลังเข้ามาได้เดินปรี่เข้าไปชกเข้าที่หน้าของนายสหพัฒน์ซ้ำอย่างแรงอีก 2 ครั้ง ทำให้หัวคิ้วนายสหพัฒน์แตกเลือดอาบ ทั้งนี้ บรรดาผู้สื่อข่าวและตำรวจต้องช่วยกันห้ามปรามด้วยความชุลมุน นอกจากนี้ ว่าที่ ร.ต.สุรศักดิ์ยังได้พูดจาท้าทายลักษณะข่มขู่นายสหพัฒน์อีกด้วย
ร.ต.อ.ทนงค์กล่าวว่าเบื้องต้นได้แจ้งข้อหานายสหพัฒน์ ว่าพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาพยายามฆ่าต้องสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังได้แจ้งข้อหา จ.อ.สุรพงษ์ พกพาอาวุธมีดโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ส่วนบุตรชายทั้งสองคนของ จ.อ.สุรพงษ์ ได้แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ โดยจะนำตัวส่งไปดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ในวันที่ 21 เมษายนนี้อย่างไรก็ตาม หลังแจ้งข้อหาทั้งสองฝ่ายได้ประกันตัวออกไป
พ.ต.อ.ดนัยวรรณไพโรจน์ ผกก.สน.หนองแขม กล่าวว่า กรณีของว่าที่ ร.ต.สุรศักดิ์ อาสาสมัครตำรวจบ้าน สน.หนองแขม ที่ไปชกต่อยคู่กรณีบน สน.บางพลัดนั้น ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อนว่าเป็นอย่างไร ถ้าหากพบว่าว่าที่ ร.ต.สุรศักดิ์มีความผิดจริง คงต้องให้ออกจากการเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และคงต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ข้อมูลและภาพประกอบจาก